ตอนที่ 405 เทพกบฏจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า! ส่งศีรษะมาไกลพันลี้!
เสียงที่จู่ๆ ดังขึ้นนี้ช่วยปีศาจแฝงฝันไว้ ทุกคนมองไปตามเสียงซึ่งก็คือท้องของเด็กน้อย
เจ้าตัวน้อยก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมาตามที่ท่านพ่อของเขาคาดไว้ ปากยังพึมพำเป็นเสียงเดียวกับเสียงท้องร้อง “จ๊อกๆ พ่อ… จ๊อกๆ…”
“?” แววตาอสูรทั้งสามปรากฏความสงสัยพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย กำลังครุ่นคิดว่าจักรพรรดิอสูรน้อยตัวจริงท่านนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่ จากนั้นก็เห็นฝ่าบาทของพวกเขากำลังป้อนอาหารให้จักรพรรดิอสูรน้อยแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ทั้งง่วงและหิวปรือตา ราวกับยังมองอาหารตรงหน้าไม่ชัดด้วยซ้ำ เขาก็กินมันลงไปแล้ว ปากน้อยๆ ของเขาขยับได้อย่างรวดเร็ว แต่ดวงตาของเขาลืมไม่ขึ้นจริงๆ
“เสี่ยวเป่า?” เยี่ยนอวี๋เรียกเด็กน้อยเบาๆ นางอยากจะปลุกให้เขาตื่นมาทานอาหารดีๆ
ทว่าเมื่อเด็กน้อยได้ยินเสียงของแม่ เขาก็แค่ลืมตาขึ้นมามองเพียงครู่หนึ่งก่อนจะปิดลงอีกครั้งด้วยความง่วง แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะกินต่อไป ปากน้อยๆ ของเขาเคี้ยว หงับๆ ไม่หยุด ดูมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาก
ลูกไก่พูดขึ้นจากข้างๆ ว่า “นายท่านน้อย ท่านไม่ลุกขึ้นมากิน ข้าก็จะได้กินเยอะกว่าท่านนะ จิ๊บ!”
เมื่อสิ้นเสียง… เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ถีบลูกไก่เข้าอย่างจังจนตัวมันกระเด็นออกไป แม้จะไม่ได้ลืมตาขึ้นเลย แต่เขาก็ถีบมันได้อย่างแม่นยำ ทำเอาลูกไก่ตีลังกากลางอากาศหลายตลบกว่าจะทรงตัวได้
“!” คิเมียราเบิกตาโพลงรู้สึกมหัศจรรย์มาก เพราะมันดูออกว่าแรงถีบของจักรพรรดิอสูรตัวน้อยนี้รุนแรงและรวดเร็วมาก! ทั้งยังไม่ต้องรวบรวมพลังใดๆ ก่อน แต่พลังนั้นน่าทึ่งมาก
พิกซีน้อยก็พบว่าเด็กน้อยมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา อดทอดถอนใจไม่ได้ “สมแล้วที่เป็นบุตรของจักรพรรดิอสูรและปฐมราชินี ไม่ธรรมดาจริงๆ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถีบขาออกไปก็นอนพลางกินข้าวต่อไป ดูน่ารักแต่ก็รู้สึกน่าสงสารเล็กน้อย ทำเอาเยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อยอย่างเอ็นดู “กินรองท้องก่อน ตื่นแล้วค่อยกินต่อนะ”
“อืม…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าอยากจะตอบแต่ปากยังไม่ว่าง เขาจับท่านแม่เขาไว้ในขณะที่กำลังหลับ ราวกับกำลังบอกว่า เป่ารู้แล้วขอรับ
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น เพราะว่าหลังจากเด็กน้อยทานไปอีกสองสามคำ เขาก็หยุดทานและพิงอ้อมแขนของท่านแม่ของเขาหลับต่อไปแล้ว แม้แต่เยี่ยนอวี๋แปรงฟันซี่น้อยๆ ของเขา เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาหลับจนฟ้ามืดมัวดินไปแล้ว ทำให้เยี่ยนอวี๋อดหยิกเด็กน้อยสองสามทีไม่ได้
เด็กน้อยราวกับลูกปลาน้อยตัวขาวนวลที่ปล่อยให้ท่านแม่ของเขาหยิกเล่นตามใจ ทั้งลำตัวนุ่มนิ่ม ทำเอาเยี่ยนอวี๋รู้สึกมันเขี้ยวจนหยิกเล่นอีกสองสามที
ตี้อั้นทนดูต่อไปไม่ไหว “ท่านเทพธิดา เขาเป็นลูกแท้ๆ ของท่านจริงๆ หรือ” มันไม่เคยเห็นแม่ที่เล่นกับลูกเช่นนี้มาก่อน คนเขากำลังหลับสนิทเช่นนั้น เจ้าเล่นหยิกไปหยิกมา ทนดูไม่ไหวจริงๆ
เยี่ยนอวี๋ดึงมือกลับไปอย่างคนร้อนตัวและบอกว่าตนไม่ได้เล่นเด็กน้อย “ข้าแค่กำลังตรวจดูว่าร่างกายเสี่ยวเป่าปกติดีหรือไม่”
“…ก็ได้ คนสวยพูดอะไรก็ไม่ผิด” ตี้อั้นลอยล่องไปมา เมื่อหันกลับมาอีกครั้งมันก็พูดด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่อนว่า “เอ่อ… เมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ข้าไปได้แล้วหรือยัง”
มหาอสูรทั้งสามเพิ่งสังเกตเห็นว่ายังมีอสูรชั้นต่ำตนหนึ่งอยู่ในนี้ด้วย เห็นได้ว่าตี้อั้นไร้ตัวตนเพียงใด แต่มันก็ไม่ได้สนใจและยังกลัวมหาอสุรกายเหล่านี้มองมันด้วย
เยี่ยนกลับดึงดันตอบว่า “เกรงว่าจะยังไม่ได้”
“โอ้!” ตี้อั้นเกือบจะร้องไห้แล้ว “ท่านผิดคำพูดนี่!”
“สถานการณ์พิเศษน่ะ ต่อไปเจ้าคงต้องอยู่รับใช้ในวังจักรพรรดิอสูรแล้ว ที่นี่มีตำแหน่งที่เหมาะกับเจ้า” เยี่ยนอวี๋พูดพลางยังส่งสายตาให้ต้าซือมิ่ง
ต้าซือมิ่งเข้าใจดี เขาสั่งให้พิกซีไปจัดแจงแล้ว ทำเอาตี้อั้นร้อนรนจนร้องไห้ “แล้วข้ากลับไปดูญาติพี่น้องไม่ได้เลยหรือ”
ลูกไก่ถามอย่างไม่เข้าใจว่า “เจ้าไม่มีพ่อแม่แล้ว จะไปดูอะไรอีกรึ”
“ข้าไม่มีเพื่อนหรือไง”
“เกรงว่าเพื่อนเจ้าคงตายเพราะเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อไม่นานนี้แล้ว” ปีศาจแฝงฝันเตือนความจำอสูรชั้นต่ำตนนี้ “อย่างน้อยอสูรชั้นต่ำในเมืองจักรพรรดิอสูรก็คงตายไปหมดแล้ว”
“อะไรนะ” ตี้อั้นที่ไม่รู้เลยว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นก็งงงัน หารู้ไม่ว่ามันรอดชีวิตมาได้เพราะอยู่กับเยี่ยนอวี๋
เหตุการณ์เคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในแดนมืดก่อนหน้านี้กวาดล้างอสูรชั้นต่ำที่มีความสามารถต่ำต้อยหมดแล้ว โดยเฉพาะอสูรชั้นต่ำที่เตร็ดเตร่อยู่ตัวคนเดียว ไม่ได้อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม พวกมันถูกผืนดินที่จู่ๆแตกแยกจากกันและอสูรตัวใหม่ที่ปรากกฎกายกลืนกินไปแล้ว
นอกจากนี้… ไม่มีใครรู้ว่าท่ามกลางหายนะครั้งใหญ่ในแดนมืดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ มีเทพองค์หนึ่งยังดูดพลังอสูรแดนมืดบริสุทธิ์ไปมากมาย เทพองค์นั้นก็คือเทพองค์ที่บัดนี้คอยชักใยอยู่ข้างหลังฮ่องเต้หยวนคัง!
ฮ่องเต้หยวนคังในบัดนี้เมื่อถูกกู้ปิ่งคุนถามว่าจะไปไหน คำตอบก็เป็นดั่งที่อินสวินอี้คาดเดาไว้ เขาตอบว่า “ไปหมิงเถียว” เพราะว่าที่นั่นมีบ่อน้ำสีเลือดบ่อใหม่ที่เขาให้ติ้งซีอ๋องเตรียมไว้!
เพียงแต่ว่าเมื่ออาจารย์ผู้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายคนสนิทของกู้ปิ่นคุงกำลังเคลื่อนย้ายทุกคนไปยังเขตเมืองโบราณหมิงเถียวนั้น เมืองโบราณหมิงเถียวก็ถูกกองทัพสำนักเนี่ยผานที่นำโดยตี๋อูหวนและกองกำลังใกล้เคียงที่เขาเรียกมาร่วมกันโจมตีแล้ว
“โจรกบฏบัดซบ!” ฮ่องเต้หยวนคังโกรธกริ้ว ยิ่งเมื่อเขาเห็นธงที่เขียนตัวอักษร ‘โยว’ ที่กองทัพพันธมิตรสำนักเนี่ยผานชูขึ้นมา เขาก็ยิ่งโมโหจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด!
“โจรกบฏเหล่านี้เหิมเกริมได้ไม่นาน บัดนี้ก็แค่เป็นเพราะวรกายของฝ่าบาทไม่ค่อยดี มิเช่นนั้นหิ่งห้อยหรือจะบังอาจส่องแสงระยิบระยับใต้แสงอาทิตย์และแสงจันทร์ของท่านได้” กู้ปิ่งคุนเชื่อมั่นในเรื่องนี้
เพราะว่ากู้ปิ่งคุนรู้ดีว่าฮ่องเต้หยวนคังโหดเหี้ยมเพียงใด เพราะเขารู้ว่าเมืองจิ่วหลีกลายเป็นเมืองร้างภายในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร
ดังนั้นแม้บัดนี้ฮ่องเต้หยวนคังทำได้เพียงหนีตาย แต่กู้ปิ่นคุงยังคงเชื่อมั่นว่าฮ่องเต้อำมหิตน่าสะพรึงท่านนี้ต้องกลับมารุ่งโรจน์ได้อีกครั้งและเมื่อถึงครานั้น จุดจบของเหล่าคนทรยศก็คือโศกนาฏกรรม!
คำพูดของกู้ปิ่งคุนก็ปลอบประโลมฮ่องเต้หยวนคังได้ไม่น้อย จากนั้น…
“เปลี่ยนเส้นทางไปอานอี้!” ฮ่องเต้หยวนคังแสดงแววตาโหดเหี้ยม เขาไม่เชื่อว่าโจรกบฏจะรู้ว่าเขาเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ในอานอี้ด้วย!
ต้องรู้ว่าอานอี้ห่างจากหมิงเถียวไม่ไกลและใต้ดินยังมีแม่น้ำลับเชื่อมถึงกัน สำหรับเขาแล้ว นี่คือลักษณะภูมิประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อเขามากที่สุด! เขาสามารถดูดน้ำเลือดในอานอี้ที่มาจากบ่อน้ำสีเลือดในเมืองโบราณหมิงเถียวได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าฮ่องเต้หยวนคังก็ดีขึ้นมาก แม้ยังคงมีใบหน้าไร้ชีวิตชีวา แต่อย่างน้อยรังสีเหี้ยมเกรียมของเขาก็ไม่ได้แน่นหนาเช่นนั้นแล้ว
กู้ปิ่งคุนคิดว่าตนเองพูดยอได้ดีจึงลอบถอนหายใจโล่งอก และรีบให้คนสนิทของตนสร้างค่ายกลเคลื่อนย้าย ทว่าฮ่องเต้หยวนคังคิดว่าช้าเกินไป เขาจึงลงมือด้วยตนเอง!
แต่แล้ว…
วิ้ง!
เมื่อกลุ่มคนฮ่องเต้หยวนคังปรากฏตัวในเมืองอานอี้ผ่านการเคลื่อนย้ายที่ใช้ครั้งเดียว ฮ่องเต้หยวนคังก็รู้สึกตหงิดใจ! เพราะว่าจิ่วอิงกำลังรอในเมืองอานอี้นี้มานานแล้ว! เมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายของกลุ่มฮ่องเต้หยวนคังปรากฏ อย่าว่าแต่จิ่วอิงจะสัมผัสได้เลย แม้แต่อินสวินอี้และอินหลิวเฟิงก็สัมผัสได้แล้ว ดังนั้น…
“!”
เมื่อกลุ่มฮ่องเต้หยวนคังเงยหน้าขึ้นก็เห็นจิ่วอิงที่หิ้วสองพ่อลูกอินสวินอี้บินมาทางนี้พอดี!
ครานี้เอง…
“ฝ่าบาทรีบหนีเร็วเข้า!” กู้ปิ่งคุนชูกระบี่ยาวขึ้น ในขณะเดียวกันก็กำลังจะปกป้องฮ่องเต้หยวนคังไว้ข้างหลัง ทว่าฮ่องเต้หยวนคังหายตัวไปจากที่เดิมแล้ว เขาหนีไปอย่างรวดเร็วดูระวังตัวมากกว่าผู้ใด…
“ปู่จิ่ว!” อินสวินอี้กำลังจะเร่งให้จิ่วอิงไล่ตามไป แต่กู้ปิ่งคุนกลับกัดฟัน จำใจแผดเสียง “ระเบิด!”
แทบจะจังหวะเดียวกับตอนที่กัดฟัน กู้ปิ่งคุนก็ระเบิดชีพจรของตน ทั้งตัวของเขาแตกร้าวในทันที อีกเพียงไม่นานก็จะระเบิดแล้ว! เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะขัดขวางเพื่อป้องกันไม่ให้จิ่วอิงตามฮ่องเต้หยวนคังไป โดยถือโอกาสตอนที่ผู้แข็งแกร่งระดับตำนานเช่นตนระเบิดตนเอง
น่าเสียดาย…
เพียะ!
จิ่วอิ่งซัดฝ่ามือใส่กู้ปิ่งคุน ทำให้การระเบิดตนเองของเขาถูกตบกลับเข้าที่เข้าทาง “มารดามันเถอะ! เกือบจะปล่อยให้เจ้าระเบิดตนเองไปแล้ว! เสียดายเนื้อชิ้นดี!”
เมื่อพูดจบ จิ่วอิงที่ช่วยเหลือ ‘เนื้อ’ ชิ้นนี้ไว้ก็เผยร่างจริงออกมา มันเขมือบไปที่ทุกคนที่กำลังหนีตายรวมถึงกู้ปิ่งคุน!
“อย่านะ!” อินหลิวเฟิงขวางข้างหน้ากู้ปิ่งคุนไว้อย่างรวดเร็ว “ท่านปู่จิ่ว คนนี้กินไม่ได้!”
จิ่วอิงเกือบจะกินอินหลิวเฟิงไปด้วย มันโมโห “เจ้าคนบัดซบ! เจ้าจงใจให้ข้าทำผิดรึไง” กินผิดคน คงถูกต้าซือมิ่งนั่นตีตาย!
“ไม่ใช่เช่นนั้น คนนี้คือพ่อของกู้หยวนหมิง แม้จะมีโทษ แต่กู้หยวนหมิงทำความดีไว้มาก ช่วยเหลือคนไว้มากมาย กินพ่อเขาไปเช่นนี้คงไม่ดีเท่าไรนัก” อินหลิวเฟิงอธิบายพลางปาดเหงื่อ เป็นเพราะตกใจทั้งนั้น!
แต่เดิมจิ่วอิงไม่พอใจ แต่มันก็สัมผัสได้ว่าฮ่องเต้หยวนคังที่ถูกมันหมายหัวไว้กลับ ‘หาย’ ไปจากญาณสัมผัสของมันอย่างไร้ร่องรอย
“แย่แล้ว!” จิ่วอิงมองขึ้นบนท้องฟ้าทันที มันสัมผัสถึงพลังบางอย่างมาอยู่ในต้าซย่าจากบนสวรรค์ตั้งแต่ตอนที่อยู่โยวตูแล้ว
บัดนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ! อีกทั้งพลังนี้ยังร้ายกาจมาก มันลักลอบขนคนไปต่อหน้าต่อตามัน อีกทั้งพลังนี้… เยี่ยนอวี๋ที่อยู่ในแดนมืดที่ไกลออกไปก็สัมผัสถึงแล้ว!
เพราะว่า…