ตอนที่ 423 หรงอี้จอมกะล่อน! เสี่ยวเป่าโหดเหี้ยมซัดกากเดน!
องครักษ์เฉียนคิดว่านางรู้สึกกลัวแล้ว “ใช่แล้ว! รู้กาลเทศะหน่อย! ปล่อยพวกข้าเดี๋ยวนี้!”
“ใช่แล้ว! รีบปล่อยพวกข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นพวกเจ้าจะเสียใจ! ไม่สืบว่าใครเป็นเจ้าเมืองเมืองไป๋เฟิงก็สร้างปัญหาเช่นนี้” องครักษ์องค์อื่นๆ ก็พากันเอ็ดตะโร พละกำลังและวิญญาณของพวกเขากลับคืนมา เห็นได้ชัดว่าเทพเหล่านี้มีความอดทนมากทีเดียว
น่าเสียดาย…
เพี๊ยะ!
จิ่วอิงสะบัดหางทีหนึ่ง เหล่าเทพก็ลอยขึ้นไปก่อนจะร่วงตกลงบนพื้นจนเกิดเสียงดัง ตุบตับๆ เหล่าเทพชั้นผู้น้อยที่ถูกความโหดเหี้ยมของจิ่วอิงหน่วงเหนี่ยวไว้ก็เจ็บจนร้องหาพ่อแม่
ส่วนจิ่วอิงมันส่งเสียงเรียกอย่างมีความสุข “อี้เอ๋อร์มาเร็วเข้า! พาภรรยาและลูกของเจ้ามาด้วย ปู่จิ่วของเจ้าจะพาพวกเจ้าไปกินลมชมวิว!”
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตื่นเต้นดีใจ เขายื่นตัวไปหาจิ่วอิงแล้ว “พ่อ! เร็ว! อิงอิงไป!”
ต้าซือมิ่ง “…”
“ครอบครัวเจ้าเรียกเจ้าว่าอี้เอ๋อร์หรือ” เยี่ยนอวี๋มองชายข้างกายเมื่อดึงสติกลับมาได้ และยังลองเรียกบ้าง “เสี่ยวอี้เอ๋อร์?” เหมือนกับนางเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์?
“ไม่เล็ก[1]นะ” ต้าซือมิ่งที่โอบเอวภรรยาก็พูดอย่างจริงจัง “เจ้าคิดว่าข้าเล็กหรือ”
เยี่ยนอวี๋มองรูปร่างของชายคนนี้ที่สูงกว่านางมาก ช่างไม่เหมาะกับชื่อ ‘เสี่ยวอี้เอ๋อร์’ จริงๆ นางจึงสั่นศีรษะ “ไม่เล็กจริงๆ เช่นนั้นข้า…”
“เรียกสามี” ต้าซือมิ่งพาภรรยาและลูกขึ้นหลังจิ่วอิง เขารบเร้าให้ภรรยาเรียกเขาว่า ‘สามี’
“อิงอิง!” เจ้าตัวน้อยดีใจมาก เขาปีนขึ้นไปบนศีรษะที่อยู่กึ่งกลางของตัวจิ่วอิงแล้ว “อิงอิงงาม!”
“แน่นอน!” จิ่วอิงที่ถูกชมก็ไม่สนใจเจ้าตัวน้อยที่เรียกเขาไม่ถูกแล้ว เขายังเรียกคนอื่นๆ อย่างอารมณ์ดีว่า “พวกเจ้ายังไม่รีบตามมาอีก!”
“พวกข้า?” เอ้อร์เหมาและอินหลิวเฟิงที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาก็ตกใจ เทพไร้ประโยชน์สององค์ตกใจยิ่งกว่า ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย ทว่าก็ไม่เป็นไร เพราะจิ่วอิงคาบพวกเขาขึ้นไปบนหลังแล้ว
จากนั้น…
“ไปกันเถอะ!” จิ่วอิงที่ทะยานตัวออกวิ่งไม่ช้าและไม่เร็วเกินไป หากเทียบกับความเร็วของเทพย่อมช้ากว่า แต่หากเทียบกับรถลากในแดนมนุษย์ย่อมเร็วกว่า ดังนั้นเทพยี่สิบกว่าองค์ที่ถูกมันผูกไว้ที่หางและสะบัดไปมาคือ ความ ‘สังเวช’ ที่แท้จริง!
“ฮ่า…” เด็กน้อยมีความสุขมาก! เขายังคว้าเขาสีเลือดทองบนศีรษะของจิ่วอิงไว้ ส่งเสียงร้องอ่อนเยาว์แต่เต็มไปด้วยพลัง “ลุย” ราวกับกำลังขี่ม้า
เยี่ยนอวี๋มองเด็กน้อยที่ยิ้มร่า ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแล้ว ได้แต่ถามชายข้างกายว่า “ตอนเจ้าเป็นเด็กก็ซนเช่นนี้หรือ”
ต้าซือมิ่งที่โอบภรรยาไว้ก็เม้มปากเล็กน้อย เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่สายตาที่มองเด็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเผยความทรงจำบางอย่าง…
เยี่ยนอวี๋มองไปที่ชายตรงหน้าเพราะเขาไม่ได้ตอบ เมื่อนางเห็นเขาที่ยังสวมชุดมงคลสีแดงก็เพิ่งจะรู้สึกว่าเขาในวันนี้ต่างจากเขาที่สวมชุดดำมาโดยตลอดอย่างชัดเจน
เพียงแต่นางยังไม่ทันได้ค่อยๆ ชื่นชมเขา เสียงดังเซ็งแซ่ก็ดังขึ้นจากข้างหน้า เพราะเมืองไป๋เฟิงที่อยู่ไม่ไกล บัดนี้มีคนไม่น้อยเห็นจิ่วอิงที่วิ่งมาอย่างดุร้ายและเหล่าองครักษ์ที่ถูกมันผูกไว้กับหางของมันถูกเหวี่ยงไปมา!
“บ้าเอ๊ย!”
“นั่นไม่ใช่องครักษ์เฉียนของจวนเจ้าเมืองหรือ!?”
“เดี๋ยวนะ! เจ้าให้ความสำคัญผิดจุดหรือไม่…” เหล่าสามัญชนเมืองไป๋เฟิงที่ตกตะลึงกับจิ่วอิงดุร้าย พวกเขายังไม่ใช่เทพ เป็นเพียงผู้อพยพจากแดนสวรรค์ เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นเทพ แม้พวกเขาจะยังไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นเทพก็ตาม แต่ก็มีสิทธิ์เข้าออกเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของเทพ
สำหรับเมืองที่อยู่บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจะไม่มีทหารเฝ้าลาดตระเวน เพราะว่าเมืองแต่ละเมืองล้วนมีพลังป้องกันตนเอง! พูดง่ายๆ ก็คือเมืองเหล่านี้สามารถปกป้องตนเองได้!
ดังนั้นเทพไร้ประโยชน์สององค์ที่ยังกล้าๆ กลัวๆ จึงเตือนอย่างวิตกกังวลว่า “ฝ่าเข้าไปไม่ได้! มิเช่นนั้นจะกระตุ้นพลังป้องกันของเมืองออกมา ถึงครานั้นพวกเราจะสูญสลาย…”
เทพไร้ประโยชน์สององค์ยังไม่ทันพูดจบ พวกเขาก็พูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว เพราะว่า…
วิ้ง!
แรงกดดันศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกายเยี่ยนอวี๋ระงับการป้องกันเมืองที่ฝังไว้และพร้อมจะจู่โจมออกมา!
ดังนั้นเหล่าชาวเมืองที่แต่เดิมตั้งตารอชมผู้บุกรุกเมืองเหล่านั้นถูกปราการป้องกันเมืองประหารชีวิตกลายเป็นเศษซากจึงไม่เห็นภาพดังกล่าว ได้ยินเพียงเสียงขอร้องวิงวอนของเทพองครักษ์เฉียน “ไว้ชีวิตข้าด้วย! ปู่จิ่ว… ไว้ชีวิตด้วยยย”
เพี๊ยะ! จิ่วอิงไม่ใช่อสูรใจเมตตา เทพเหล่านี้ร้องไห้หนักกว่าเดิม พวกเขาน่าอนาถเพียงใด จิ่วอิงก็ยิ่งดีใจเพียงนั้น ดังนั้นหางของมันจึงเหวี่ยงเป็นจังหวะไม่หยุด ป้าบ! ป้าบๆ!
“แงงง…”
เทพชั้นผู้น้อยบางองค์ถูกทรมานจนร้องไห้! ร้องไห้ชนิดที่เรียกได้ว่าฟูมฟาย พวกเขาอาเจียนออกมาไม่หยุด กระดูกในร่างกายก็เคลื่อนไปหมดแล้ว เจ็บปวดรวดร้าวยิ่งนัก
ไม่เพียงเท่านี้… เยี่ยนอวี๋ที่เก็บแรงกดดันศักดิ์สิทธิ์ลงก็เปล่งเสียงสง่าไพเราะออกมา “เจ้าเมืองเยี่ยนแห่งเมืองไป๋เฟิง ไสหัวออกมา”
เยี่ยนอวี๋ไม่ลืมว่าเจ้าเมืองที่ครานั้นให้เทพไร้ประโยชน์สององค์ไปแดนมนุษย์ก็คือเจ้าเมืองเยี่ยนที่พูดถึงคนนี้ และไม่ว่าเจ้าเมืองคนนี้จะรู้ตัวหรือไม่ เขาก็กำลังช่วยฮ่องเต้หยวนคัง
เช่นนั้นถึงแม้เจ้าเมืองคนนี้ไม่ใช่เทพตกสวรรค์องค์นั้นที่อยู่เบื้องหลัง แต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง! เยี่ยนอวี๋ที่ตัดสินใจขึ้นมาสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็ไม่ได้คิดจะค่อยๆ สืบหาคนร้าย นางจะใช้วิธีที่ง่ายและรุนแรงที่สุดเพื่อสืบหาความจริง ดังนั้น…
“เจ้าเมืองเยี่ยนแห่งเมืองไป๋เฟิง ไสหัวออกมา” ประโยคที่เปล่งออกมานี้ดังก้องไปทั่วทั้งเมืองไป๋เฟิง สะเทือนเข้าไปในจวนเจ้าเมืองแห่งเมืองไป๋เฟิงทันที ทำเอาเหล่าชั้นผู้น้อยใหญ่ในจวนเจ้าเมืองที่กำลังจัดเตรียมงานเลี้ยงงงงัน
นี่มัน…
ผ่านไปครู่หนึ่ง เทพอาวุโสที่ถูกเชิญมาในงานเลี้ยงองค์หนึ่งก็จุ๊ปากทอดถอนใจเป็นองค์แรกว่า “จุ๊ๆ ฟังจากเสียงนี้แล้ว คนมาเยือนคงจะเป็นสาวงาม เจ้าเมืองเยี่ยน นี่อาจเป็นหนี้รักของท่านมาหาถึงที่แล้วหรือไม่”
“ฮ่าๆๆ!” แขกในงานที่แต่เดิมยังรู้สึกแปลกใจพากันหัวเราะ “ฟังแล้วน่าจะเป็นเทพธิดาที่มีตบะไม่เลวเลย เจ้าเมืองเยี่ยนไม่รีบออกไปปลอบสาวงามอีกหรือ”
เยี่ยนชื่อเฟิงที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธานสวมชุดทางการงดงามและถูกขนานนามว่าเจ้าเมืองเยี่ยนก็หัวเราะตาม “ก็ว่าไป! ข้าจะออกไปดูเดี๋ยวนี้ เทพธิดาจากแห่งหนใดกัน…”
เยี่ยนชื่อเฟิงยังไม่ทันพูดจบประโยค เขาก็ถูกแทรกด้วยเสียงรายงาน “รายงานขอรับ…”
“รายงานเจ้าเมืองขอรับ! องครักษ์เฉียนและคนอื่นๆ ถูกเทพเถื่อนแดนมนุษย์จับตัวไว้แล้ว พวกเขายังลากองครักษ์เฉียนและคนอื่นๆ ฝ่าเข้ามาในเมืองไป๋เฟิงด้วยขอรับ!”
นี่มัน…
ไม่ทันรอให้แขกตั้งสติได้… เสียงไพเราะและศักดิ์สิทธิ์ของเยี่ยนอวี๋ก็ดังขึ้นในจวนเจ้าเมืองแล้ว “เจ้าเมืองแห่งเมืองไป๋เฟิง ไสหัวออกมารับโทษเสียดีๆ”
ไม่เพียงเท่านี้…
[1] เล็ก ตรงกับคำว่า เสี่ยว ในภาษาจีน