ตอนที่ 427 มาเท่าไรตายเท่านั้น! สองสามีภรรยาน้อยสุดโหด (1)
“ท่านเทพ?” นางฟ้าที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายท่านเทพอี้หยางรีบไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง
อี้หยางโบกมือเล็กน้อย หลังจากที่อาการใจสั่นดีขึ้นแล้วก็ถามขึ้นว่า “ช่วงนี้ชื่อเฟิงเป็นอย่างไรบ้าง”
“ที่ผ่านมาเจ้าเมืองเยี่ยนอยู่ในเมืองไป๋เฟิงตลอด ท่านเทพกังวลว่าเจ้าเมืองเยี่ยนก่อปัญหาหรือเจ้าคะ” เห็นได้ชัดว่านางฟ้ารับใช้รู้จักนิสัยของเยี่ยนชื่อเฟิงเป็นอย่างดี และความสัมพันธ์ของนางกับท่านเทพอี้หยางก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์เจ้านายและผู้รับใช้ธรรมดาทั่วไป มิเช่นนั้นคงไม่สามารถถามคำถามละลาบละล้วงเช่นนี้ได้
ท่านเทพอี้หยางก็ไม่ได้คิดว่านางวางตัวไม่เหมาะสม นางพยักหน้ากล่าว “แม้ชื่อเฟิงจะมีอายุไม่น้อยแล้ว แต่เพราะว่าเมื่อครั้นเขายังเด็ก ข้ามัวแต่ยุ่งกับเรื่องของท่านพี่ ละเลยการสั่งสอนเขา บิดาของเขาก็…”
ท่านเทพอี้หยางที่พูดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ช่างเถอะ เจ้าสั่งคนไปตรวจดูว่าช่วงนี้ชื่อเฟิงทำอะไรบ้าง เขาทำอะไรที่ไม่สมควรทำไปหรือไม่”
“ท่านเทพคิดมากแล้วเจ้าค่ะ แม้เจ้าเมืองเยี่ยนก่อเรื่องในสวรรค์ชั้นหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ท่านจัดการได้ทั้งนั้น มิหนำซ้ำยังมีท่านเทพซ่านเฉิงและท่านเทพผิงเฉิงคอยดู ไม่เป็นอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ” นางฟ้าพูดปลอบ
เห็นได้ชัดว่าอี้หยางก็คิดเช่นนี้เช่นกัน ดังนั้นหลังจากที่นางดีขึ้นจากอาการใจสั่น นอกจากจะรู้สึกกังวลเล็กน้อยก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไปดู ถึงอย่างไรนางก็มีธุระบางอย่างต้องจัดการอีก
ทว่านางฟ้ารับใช้รู้ว่าอย่างไรท่านเทพก็ต้องการให้ตรวจสอบให้มั่นใจ ท่านเทพอี้หยางจึงจะวางใจลงได้ ดังนั้นนางจึงสั่งคนไปตรวจดูว่าช่วงนี้เจ้าเมืองเยี่ยนทำอะไรอยู่
ในขณะเดียวกัน นางฟ้าจากตำหนักสวรรค์ก็รายงานขึ้นว่า “ท่านเทพอี้หยาง เทียนโฮ่วเหนียงเหนียงเรียนเชิญเจ้าค่ะ”
“ขอบใจ” อี้หยางพยักหน้าก่อนจะตามนางฟ้าตำหนักสวรรค์ไปพบเทียนโฮ่วซีเหอ
หลังจากที่อี้หยางหารือกับชื่อฝานเทียนอ๋องแล้ว นางก็ขอเข้าตำหนักสวรรค์เพื่อสอบถามจากปากของซีเหอเหนียงเหนียง ถึงอย่างไรสองพี่น้องก็คิดว่าเทียนตี้ไม่ควรปักใจในเหล่าภูเขาและท้องทะเลเช่นนี้ รู้สึกได้ว่าต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ๆ
ดังนั้นอี้หยางจึงตัดสินใจขอเข้าพบเทียนโฮ่ว ชื่อฝานเทียนอ๋องก็คิดว่าเรื่องสำคัญเช่นนี้คอยพึ่งข่าวที่สืบมาไม่น่าเชื่อถือเท่าไร มีน้องแท้ๆ ออกโรงเองย่อมเป็นการดีที่สุด
ในขณะที่ท่านเทพอี้หยางถูกเชิญเข้าไปในตำหนักสวรรค์ ท่านเทพผิงเฉิงที่เห็นบุตรชายของตนถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา เขาก็จ้องไปที่ศัตรูด้วยสายตาที่ดุร้าย “เจ้าช่างกล้าดีจริงๆ!”
ต้าซือมิ่งที่มือข้างหนึ่งยังคงอุ้มเด็กน้อยไว้ก็ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่เท่าไหร่” ราวกับท่านเทพผิงเฉิงกำลังชมเชยเขาว่ามีความกล้าหาญ
เด็กน้อยกอดคอของท่านพ่อเขาอย่างเชื่อฟังและยังมองคนเลวที่นอนตายอยู่ข้างกายท่านพ่อพลางกะพริบตาปริบ ส่งเสียงร้องยินดีไม่หยุด “ว้าว”
ท่านเทพผิงเฉิงเจ็บปวดจนหัวเราะออกมา! “ฮ่าๆๆๆ! ดี! ดี! ดี!”
หลังจากที่ท่านเทพผิงเฉิงกัดฟันพูดเสร็จ เขาก็คำรามออกมาว่า “ซ่านเฉิง! เจ้าไปตำหนักอี้หยาง เรียกทหารสามพันนายมา!”
“ขอรับ!” ท่านเทพซ่านเฉิงกำหมัดประสานมือกำลังจะจากไป แต่เดิมที่ยังรู้สึกกังวล บัดนี้ก็วางใจลงบ้างแล้ว เพราะเขารู้ว่าแม้เยี่ยนชื่อเฟิงจากไปภายใต้การปกป้องของเขา แต่เนื่องจากท่านเทพผิงเฉิงมาถึง ‘ทันกาล’ เขาเป็นประจักษ์พยานให้ได้
และในเมื่อท่านเทพผิงเฉิงอยู่ที่นี่แล้ว ฆาตรกรกลุ่มนี้ที่ฆ่าเยี่ยนชื่อเฟิงย่อมหนีไปไหนไม่ได้สักคน เขาก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่ว่าจะรายงานอี้หยางอย่างไรแล้ว
เพียงแต่ซ่านเฉิงเซียนจวินเพิ่งจะไปเรียกทหารมา เม่ยเอ๋อร์ก็แบกดาบเล่มใหญ่มาดักไว้ข้างหน้าเขาแล้ว เขาตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เขาและเม่ยเอ๋อร์ถือว่าเคยประลองฝีมือกัน ที่เขาปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์เมื่อครู่นี้ก็โดนนางขัดขวางไว้! เขาจึงรู้ว่าเม่ยเอ๋อร์มีพลังไม่ธรรมดา
“เจ้าจะทำอะไร” ท่านเทพซ่านเฉิงถามขึ้นด้วยสัญชาติญาณ แต่เมื่อเขาถามเสร็จก็รู้สึกว่าคำถามนี้ช่างโง่เขลาเหลือเกิน เพราะเห็นได้ชัดว่าคนเขาไม่ปล่อยให้เขาไปเรียกทหารมาช่วย!
ท่านเทพซ่านเฉิงจึงเปลี่ยนมาพูดว่า “แม้เจ้าจะขวางข้าไว้ ทหารก็ยังคงมาอยู่ดี แต่ก็แค่จะล่าช้าไปเล็กน้อย เรื่องก่อนหน้านี้ถูกส่งไปยังตำหนักอี้หยางแล้ว! พวกเจ้าหนีไปไหนไม่ได้หรอก!”
“เหตุใดคุณหนูใหญ่ของพวกข้าต้องหนีด้วยเล่า” เม่ยเอ๋อร์ถามกลับอย่างเย็นชา
ท่านเทพซ่านเฉิงเพิ่งค้นพบว่าไม่ว่าจะเป็นชายอุ้มทารกที่สังหารเยี่ยนชื่อเฟิงไป หรือจะเป็นหญิงงามน่าทึ่งที่ปลดปล่อยพลังกดทับผู้คนข้างกายพวกเขาก็ไม่มีผู้ใดคิดจะหนีไปเลยจริงๆ! นี่มัน…
นี่เป็นเพราะรู้ว่าหนีไม่รอดก็เลยไม่หนี หรือว่าอันที่จริงพวกเขาไม่เกรงกลัวตำหนักอี้หยางอยู่แล้ว หากเป็นเพราะอย่างหลัง… ท่านเทพซ่านเฉิงที่คิดถึงตรงนี้ สีหน้าเขาก็เคร่งขรึมลงทันที!
ท่านเทพผิงเฉิงก็เห็นท่าทีไม่หวาดหวั่นของพวกเขา สีหน้าของเขาก็ยิ่งขรึมลง “ดีมาก! หวังว่าประเดี๋ยวพวกเจ้าจะยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม”
“คำพูดนี้ เจ้าเก็บไว้พูดกับตนเองเถอะ” เยี่ยนอวี๋พูดอย่างสงบ ดวงตาของนางปรากฏแสงสีม่วงหม่นแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่านางกำลังโมโห
เพราะไม่มีผู้ใดรู้ดีกว่านางว่า ตามกฎสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้ว ทหารของสวรรค์ชั้นเก้าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวเมื่อต้องรุกรานเผ่าอื่นหรือเมื่อสวรรค์เก้าชั้นฟ้าถูกโจมตีครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายต่อจักรวาลเท่านั้น
ทหารศึกทั้งหลายต้องได้รับบัญชาจากเทียนตี้ ได้รับป้ายสวรรค์จึงจะโยกย้ายทหารได้ มิใช่ตำหนักน้อยใหญ่ใดๆ จะสามารถโยกย้ายโดยพลการได้ ยิ่งไม่ใช่แก่นสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่กองกำลังใดๆ สามารถควบคุมได้
ทว่าในบัดนี้…
“กองทัพสวรรค์โยกย้ายโดยพลการได้ตั้งแต่เมื่อใด” เยี่ยนอวี๋อยากรู้เพียงว่าการกระทำโยกย้ายทหารสวรรค์เช่นนี้เริ่มตั้งแต่เมื่อใด!
“ฮึ!” ท่านเทพผิงเฉิงแค่นหัวเราะอย่างชั่วร้าย แต่เดิมเขายังรู้สึกหวาดกลัวกลุ่มของเยี่ยนอวี๋ เพราะว่าพลังที่พวกเขาแสดงออกมานั้นแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเลย! ทว่าในบัดนี้ เขาไม่รู้สึกกังวลใดๆ แล้ว! ถึงแม้พลังสังหารของเม่ยเอ๋อร์และจิ่วอิงจะรุนแรงมาก อย่างน้อยก็อาจจะถึงระดับเดียวกับพลังของท่านเทพ ทว่า…
“เทพเถื่อนจากที่ใดกัน แม้แต่เรื่องคำสั่งย้ายทหารสวรรค์อยู่ในการบัญชาการของเทียนอ๋องก็ยังไม่รู้ ดูท่าก็ไม่เท่าไหร่นี่!” ท่านเทพผิงเฉิงพูดเสร็จก็สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายกองทัพสวรรค์ตำหนักอี้หยางที่คุ้นเคยกำลังรวมตัวและเคลื่อนตัวมาอยู่ไม่ไกลแล้ว!
รวดเร็วมาก!
เห็นได้ว่าทางฝั่งนั้นทราบข่าวแล้ว!
ในเมื่อเช่นนี้…
“ปิดเมือง!” ท่านเทพผิงเฉิงแผดเสียง พลังระดับท่านเทพที่ปล่อยออกมาจากตัวเขาถูกสูบเข้าไปในเมืองไป๋เฟิงที่อยู่ด้านล่างทันที เมืองไป๋เฟิงทั้งเมืองในบัดนี้ราวกับกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ซู่!
ต้นไป๋เฟิงสีขาวบริสุทธิ์แผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วท้องฟ้าราวกับหิมะและน้ำแข็ง โดยมีเมืองไป๋เฟิงเป็นจุดศูนย์กลาง ทำให้ทั้งเมืองถูกต้นไม้ขนาดยักษ์ปกคลุมไว้
หลังจากนั้น ท่านเทพผิงเฉิงก็คำราม “วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือตาต่อตา ฟันต่อฟัน! พวกเจ้าทุกคนต้องถูกฝังไปพร้อมบุตรชายของข้า! ส่วนเจ้า…”
ท่านเทพผิงเฉิงที่พูดถึงตรงนี้ก็หยุดลงครู่หนึ่ง เขาหันไปมองเยี่ยนอวี๋พลางยิ้มอย่างชั่วร้าย “ในเมื่อก่อนที่ลูกข้าจะตาย เขาต้องการให้เจ้าได้ลิ้มลองรสชาติการถูกอสูรร้ายข่มเหงจนตาย ข้าจะทำให้เขาได้สมปรารถนาเอง!”
แน่นอนว่าก่อนจะทำเช่นนี้ เขาจะลิ้มรสชาติของนังแพศยาแสนงดงามคนนี้อย่างดีแทนบุตรชายของเขาเองก่อน และจะทำให้เจ้าสุนัขที่สังหารบุตรชายอันเป็นที่รักของเขาได้เห็นมันกับตาแล้วค่อยปล่อยให้นังแพศยาทุกข์ทรมานจนตาย! การกระทำเช่นนี้ยังมิอาจลบล้างความเคียดแค้นในใจของเขาไปได้ด้วยซ้ำ!
ชื่อเฟิง! บุตรข้า!
“ฆ่ามัน!”
ท่านเทพผิงเฉิงพุ่งตัวออกไปเป็นคนแรกด้วยดวงตาแดงฉาน…