ตอนที่ 430 ยุติความแค้นเก่าพร้อมกันเถอะ!
และในบัดนี้ ซีเหอที่เยี่ยนอวี๋นึกถึงก็เพิ่งเรียกพบท่านเทพอี้หยาง ฝ่ายหลังยังคงไม่รู้ว่าเยี่ยนชื่อเฟิงบุตรชายที่นางเป็นห่วงเป็นใยตายจากไปแล้ว ดังนั้นความคิดทั้งหมดของท่านเทพอี้หยางในยามนี้จึงยังจดจ่ออยู่ที่การช่วยสืบข่าวให้ท่านพี่ นางกำลังคารวะอย่างมีมารยาทกล่าวว่า “อี้หยางคารวะเทียนโฮ่วเหนียงเหนียง ขอเหนียงเหนียงทรงพลามัยสมบูรณ์เพคะ”
“ลุกขึ้นเถิด” เทียนโฮ่วซีเหอเอ่ยอย่างนุ่มนวล ยังสั่งคนให้จัดแจงและดูแลที่นั่งและน้ำชาให้ท่านเทพอี้หยาง จากนั้นก็กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “นานๆ ทีอี้หยางจะมาสวรรค์ชั้นเก้า ควรมาค้างที่นี่กับท่านพี่ของเจ้าสักสองสามวัน”
“อี้หยางก็อยากเพคะ แต่จะทำอย่างไรได้ ยังมีบุตรชายไม่เอาไหนอยู่คนหนึ่ง วางใจลงไม่ได้จริงๆ เพคะ พรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปแล้วเพคะ” เมื่อท่านเทพอี้หยางพูดถึงบุตรชายเจ้าปัญหา นางก็กล่าวจากใจจริง
เทียนโฮ่วซีเหอได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจยิ่งนัก “โลกมนุษย์มักกล่าวกันว่า บุตรคือหนี้ เห็นจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“องค์หญิงเจ็ดน่ารักและเฉลียวฉลาด เหนียงเหนียงกล่าวเกินไปแล้ว” ท่านเทพอี้หยางทอดถอนใจพลางกล่าวอย่างจริงใจว่า “หากจอมก่อปัญหาชื่อเฟิงของหม่อมฉันฉลาดได้เพียงหนึ่งส่วนขององค์หญิงเจ็ด หม่อมฉันก็คงต้องปลุกตัวเองตื่นจากภวังค์แล้ว”
“ชีเอ๋อร์น่ารักและและฉลาดหรือ ฮึ” เทียนโฮ่วนวดหว่างคิ้วสองสามที “หากนางฉลาดจริงๆ เรื่องงานสมรสคงไม่ปล่อยจนถึงทุกวันนี้ยังกำหนดมิได้หรอก มีบุรุษชั้นดีมากมายในสวรรค์ชั้นเก้า แต่นางกลับไม่ชอบนั่นไม่ชอบนี่ ยังบอกว่าพวกเขาสู้เสด็จพ่อของนางมิได้แม้เพียงครึ่งหนึ่ง! เจ้าดูสิ นางพูดอะไรของนาง”
“นางก็พูดถูก ในบรรดาบุรุษรุ่นหลังแห่งสวรรค์ชั้นเก้ามีผู้ใดเทียบได้แม้เพียงครึ่งหนึ่งของตี้จวินหรือเพคะ เกรงว่าสู้ไม่ได้แม้เพียงนิ้วเท้าเดียว องค์หญิงเจ็ดสนิทชิดเชื้อกับตี้จวินตั้งแต่เล็ก ย่อมมีตี้จวินเป็นมาตรฐานในการหาสามีในอนาคต องค์หญิงเจ็ดมีวิสัยทัศน์เช่นเดียวกับเหนียงเหนียงนะเพคะ” ท่านเทพอี้หยางประจบสอพลออย่างใจเย็น
กับเรื่องยกยอที่ฟังแล้วสบายใจเช่นนี้ เทียนโฮ่วซีเหอย่อมไม่ปฏิเสธ แต่นางก็ทำท่าส่ายศีรษะแล้ว “พวกเจ้าสักแต่พูดเช่นนี้ ชีเอ๋อร์จะยิ่งไม่อยากแต่งงานแล้ว”
“องค์หญิงเจ็ดมีสถานะสูงส่ง แต่งหรือไม่แต่งคงไม่เป็นปัญหาอะไรมากเพคะ เพียงแต่ว่า…” ท่านเทพอี้หยางที่เว้นจังหวะเล็กน้อยก็เปลี่ยนมาพูดถึงเรื่องของนางอย่างเป็นธรรมชาติ “เพียงแต่ว่าหากเหล่าขุนเขาและท้องทะเลกลับมา หากพวกเขาชอบพอองค์หญิงเจ็ด เช่นนั้น…”
ท่านเทพอี้หยางมิได้เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างฉุกละหุก เพราะว่าครั้นซีเหอให้กำเนิดบุตรสาว เหล่าขุนเขาและท้องทะเลที่มาก่อกวนเคยขู่ไว้ว่าให้ส่งองค์หญิงเจ็ดออกไปเพื่อชดใช้ชีวิตให้ปฐมราชินีหยวนชู!
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงคำพูดเกรี้ยวกราดของเหล่าขุนเขาและท้องทะเลที่กำลังเดือดจัด ไม่มีทางเป็นจริงได้ แม้เทียนตี้จะส่งบุตรสาวของตนไปจริงๆ เหล่าอสูรดุร้ายที่เยี่ยนอวี๋เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ก็คงละอายที่ต้องมาระบายความแค้นเคืองลงที่สาวน้อย
ทว่าอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย เมื่อท่านเทพอี้หยางกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นอีกครั้งในบัดนี้ ใบหน้าแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนของเทียนโฮ่วซีเหอก็แข็งเกร็งอย่างเห็นได้ชัด!
ถึงแม้อาการเกร็งเช่นนี้จะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ท่านเทพอี้หยางก็จับสังเกตได้ นางคุกเข่าลงอย่างตระหนก “อี้หยางพูดผิดไปแล้ว เหนียงเหนียงทรงลงโทษหม่อมฉันด้วย!”
“เจ้ากล่าวอะไรผิดหรือ” เทียนโฮ่วซีเหอถามกลับอย่างสงบ นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าท่านเทพอี้หยางมาหาเพราะท่านพี่ของนาง เรื่องในอดีตที่ชื่อฝานเทียนอ๋องเกือบถูกเหล่าขุนเขาและท้องทะเลทำร้ายจนตาย นางจะไม่รู้ได้อย่างไร
ท่านเทพอี้หยางก็รู้ว่า นางมิอาจปิดบังความคิดของตนเองไว้ได้ นางจึงมิได้เก็บซ่อนไว้อีกต่อไป “เหนียงเหนียง แม้อี้หยางอยากจะรู้ท่าทีของท่านที่มีต่อเหล่าขุนเขาและท้องทะเล แต่หม่อมฉันมิได้จงใจซ้ำเติมความเจ็บปวดของพระองค์ แต่หากอสูรที่ไม่เห็นกฎสวรรค์อยู่ในสายตากลับมา ตี้จวิน… ตี้จวินรำพึงถึงรักครั้งเก่า เกรงว่าพวกมันพูดอะไร ตี้จวินจะยินยอม หากองค์หญิงเจ็ดไม่รีบหาสามีที่มีอำนาจมากพอ เกรงว่าจะถูกส่งออกไป”
“พวกมันกล้ารึ!” ซีเหอยิ้มเย็นชาเบาๆ “สวรรค์เก้าชั้นฟ้าในบัดนี้มิใช่สวรรค์เก้าชั้นฟ้าเมื่อสามหมื่นปีก่อนแล้ว ข้าย่อมไม่ปล่อยให้พวกมันโอหังเช่นนี้อีกได้!”
“มีวาจาของเหนียงเหนียงเช่นนี้ อี้หยางก็วางใจแล้วเพคะ วันนี้ได้ยินว่าตี้จวินจะเรียกเหล่าขุนเขาและท้องทะเลกลับมา ท่านพี่ก็กระวนกระวายใจตลอดเวลา ในฐานะที่อี้หยางเป็นน้องเล็ก เมื่อเห็นดังนี้ย่อมร้อนรน หม่อมฉันนั่งไม่ติดจริงๆ ได้โปรดเหนียงเหนียงลงโทษอี้หยางที่บุ่มบ่ามด้วยเพคะ”
“เจ้ามีหัวใจรักพี่น้อง จะมีโทษได้อย่างไร ลุกขึ้นเถิด” ซีเหอสั่งคนประคองอี้หยางขึ้นมา “เจ้ากลับไปก็ปลอบชื่อฝานเสีย ในเมื่อเขาเป็นเทียนอ๋องในเผ่าสวรรค์แล้ว เทพใดๆ ก็มิสามารถวางอำนาจกับเขาได้!”
“เพคะ ขอบพระทัยเหนียงเหนียงเพคะ” ท่านเทพอี้หยางไม่คิดเลยว่าเทียนโฮ่วจะตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ไม่ต้องปล่อยให้นางคิดเดามากเกินไปเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทียนโฮ่วไม่ชอบเหล่าขุนเขาและท้องทะเลอย่างเห็นได้ชัด! และเมื่อมีวาจาของเทียนโฮ่ว ท่านเทพอี้หยางก็วางใจมาก เพราะว่าสามหมื่นปีที่ผ่านมานี้ กิจธุระในสรวงสวรรค์ เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เทียนโฮ่วเป็นผู้จัดการมาโดยตลอด ถึงอย่างไรเทียนตี้ก็จำศีลไปสามหมื่นปี!
ดังนั้นเมื่อท่านเทพอี้หยางได้รับคำตอบที่พึงพอใจแล้วก็เตรียมจะคารวะกล่าวลา แต่นางยังไม่ทันปริปาก นางฟ้าองค์หนึ่งก็ขึ้นมากระซิบข้างหูเทียนโฮ่วสองสามคำ
“อะไรนะ?” ราวกับว่าเทียนโฮ่วซีเหอมองท่านเทพอี้หยางตามสัญชาติญาณ แววตาแสดงความเสียใจ
ท่านเทพอี้หยางใจกระตุก “เหนียงเหนียง?”
เทียนโฮ่วซีเหอถอนหายใจพลางส่ายศีรษะ พูดกับนางฟ้าข้างกายว่า “เจ้าพูดออกมาเถอะ นี่เป็นเรื่องครอบครัวของอี้หยาง นางย่อมสมควรรู้”
ท่านเทพอี้หยางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ! นางฟ้าภักดีของนางที่อยู่ข้างนอกตำหนักสวรรค์ร้อนรนจนอยู่ไม่เป็นสุข แต่คนที่เทียนโฮ่วเรียกพบคือท่านเทพอี้หยาง ฝ่ายหลังจึงไม่มีสิทธิ์พาสาวใช้เข้าตำหนัก
แต่บัดนี้สารที่นางต้องการรายงานท่านเทพอี้หยางถูกนางฟ้าข้างกายซีเหอ ‘รายงานแทน’ แล้ว “ตามข่าวที่ส่งมาจากสวรรค์ชั้นหนึ่ง มีเทพเถื่อนจากโลกมนุษย์กลุ่มหนึ่งบุกรุกสวรรค์ ก่อความวุ่นวายในเมืองไป๋เฟิง ได้ยินมาว่า ตบะของเทพเถื่อนไม่เลว พวกเขาไม่เพียงฝ่าเข้ามาให้เมืองไป๋เฟิง ยังทำลายจวนเจ้าเมืองจนเสียหายหนัก เจ้าเมืองเยี่ยนสูญเสียดวงตา ท่านเทพผิงเฉิงเร่งเดินทางไปถึงเมืองไป๋เฟิงแล้ว ตำหนักอี้หยางก็ได้รับข่าวแล้วเพคะ”
เห็นได้ชัดว่านี่คือข่าวที่ได้รับมาจากซีเหอและผู้แจ้งข่าวของตน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพลังของซีเหอในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไม่ธรรมดาจริงๆ มิเช่นนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองสวรรค์เล็กๆ ในสวรรค์ชั้นหนึ่งคงไม่มีทางแพร่มาถึงที่นางรวดเร็วเช่นนี้
เพล้ง!
ท่านเทพอี้หยางที่แต่เดิมกำลังจิบชาอยู่นั้นก็ทำแก้วชาในมือแตก ยิ่งเมื่อได้ยินคำว่า ‘เจ้าเมืองเยี่ยนสูญเสียดวงตา’
“อี้หยาง…” เทียนโฮ่วซีเหอมองท่านเทพอี้หยางด้วยความเสียใจ
ท่านเทพอี้หยางเก็บอารมณ์ไม่อยู่ “เหนียงเหนียง โปรดอภัยให้หม่อมฉันที่เสียมารยาท หม่อมฉันขอทูลลาก่อนเพคะ”
“ไปเถิด” เทียนโฮ่วซีเหอเข้าใจความรู้สึกของท่านเทพอี้หยางดี
“ขอบพระทัยเหนียงเหนียงเพคะ” ท่านเทพอี้หยางคารวะอย่างร้อนรนเสร็จก็รีบเดินจากไป
ทว่านางเพิ่งก้าวเท้าเดิน ซีเหอก็สั่งนางฟ้าข้างกายว่า “สืบต่อไปว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” นางไม่เชื่อว่าเป็นเพียงเทพเถื่อนจะฝ่าเข้าประตูสวรรค์ได้ และยังบุกรุกเมืองไป๋เฟิง ทำให้บุตรของอี้หยางที่มีท่านเทพปกป้องบาดเจ็บหนักได้
“เพคะ เหนียงเหนียง!” นางฟ้ารับคำสั่งแล้วจึงจากไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง
ท่านเทพอี้หยางที่วิ่งออกมาจากตำหนักสวรรค์อย่างเร่งรีบก็เพิ่งได้พบนางฟ้าภักดี ฝ่ายหลังคุกเข่าลงทันที “ท่านเทพ! เจ้าเมืองเยี่ยนแย่แล้วเจ้าค่ะ! ท่าน…”
“ข้ารู้แล้ว! เร็วเข้า! รีบใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย ข้าต้องกลับไปสวรรค์ชั้นหนึ่ง!” ขณะที่ท่านเทพอี้หยางคว้านางฟ้าภักดีขึ้นมาก็พุ่งตัวไปทางค่ายกลเคลื่อนย้ายหนึ่งเดียวในสวรรค์ชั้นเก้าแล้ว
ชื่อเฟิง!
ชื่อเฟิง!
ท่านเทพอี้หยางในบัดนี้รู้สึกได้ว่า อาการใจสั่นก่อนหน้านี้ของนาง เกรงว่าเป็นเพราะบุตรชายประสบภัย พวกเขาแม่ลูกใจเชื่อมถึงกัน! บัดนี้นางกลัวว่าบุตรชายจะไม่เพียงถูกแทงดวงตาจนบอดเท่านั้น
“ชื่อเฟิง! เจ้ารอแม่หน่อยนะ! แม่กำลังไปแล้ว!” ท่านเทพอี้หยางพึมพำอย่างกระวนกระวายใจ เทวรถทะยานมาข้างกาย พูดขึ้นว่า “เชิญท่านเทพขึ้นรถขอรับ เหนียงเหนียงมีคำสั่งให้ข้าน้อยไปส่งท่าน”
ท่านเทพอี้หยางซาบซึ้งใจ เพราะจากตำหนักสวรรค์ไปค่ายกลเคลื่อนย้ายของสวรรค์ชั้นเก้ามีระยะทางอีกยาวไกล และเทพระดับมหาเทพลงมาไม่สามารถย้ายฉับพลันได้ นี่ไม่ใช่เรื่องการฝ่าฝืนกฎ แต่เป็นเพราะความสามารถไม่ถึง
เทวรถที่ซีเหอส่งมาสามารถย้ายฉับพลันได้! ดังนั้นนี่ช่างเป็นฝนทันกาลสำหรับท่านเทพอี้หยางที่แทบจะอดใจรอปรากฏตัวข้างกายบุตรชายไม่ไหวจริงๆ!
ทว่าแม้จะเป็นฝนทันกาลก็ไม่ทันเสียแล้ว ถึงอย่างไรเยี่ยนชื่อเฟิงก็ตายจนศพเย็นชืดไปแล้ว แม้แต่ท่านเทพผิงเฉิงก็ยังไม่ทันได้สัมผัสตัวเขาเลย
ท่านเทพผิงเฉิงในบัดนี้หลังจากตอบเยี่ยนอวี๋แล้วก็ล้มตึงลงบนพื้นเพราะแรงกดดันศักดิ์สิทธิ์ของเยี่ยนอวี๋! เพราะว่านางที่ได้ยินว่าซีเหอคือเทียนโฮ่วทั้งโมโหและ…
“ซีเหอหรือ” เยี่ยนอวี๋ที่เอ่ยสามคำนี้ออกมาอย่างเยือกเย็น รอบกายของนางก็แผ่แสงสีม่วงหม่นออกมา “ขอให้มิใช่เจ้า มิเช่นนั้น…” เยี่ยนอวี๋ที่คิดถึงเทียนตี้ ร่องรอยความขุ่นเคืองก็ฉายชัดในแววตานาง แต่หากคนที่ทำร้ายเด็กน้อยของนางคือซีเหอ นางจะไม่ยอมทนแน่นอน!
ในขณะเดียวกัน…