ตอนที่ 439 ตายเพราะปากเหม็น! สามีข้าทำได้!
ต้าซือมิ่งที่แผ่แสงสีม่วงอร่ามออกมาทำลายพลังควบคุมกฎเกณฑ์ ขัดขวางการช่วยเหลือท่านเทพอี้หยางไว้ เขายังสังหารสตรีแก่ที่สาปแช่งเด็กน้อยและภรรยาของเขาด้วยพลังทำลายล้าง
ซี๊ด!
ท่านเทพอี้หยางเจ็บจนร้องซี๊ด ทันใดนั้น นางก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างท่วมท้นราวกับภูเขาพลิกทะเลบดขยี้ลงมาคลื่นแล้วคลื่นเล่า เจ็บปวดจนนางไม่มีแรงกรีดร้อง
“อี้หยาง!”
ซื่อฝานเทียนอ๋องสีหน้าพลันเปลี่ยน ดวงตาของเขาเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงออกมาราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผา มันพุ่งเข้าหาท่านเทพอี้หยางอย่างรวดเร็ว พยายามใช้กฎสวรรค์หยุดยั้งการสังหารของต้าซือมิ่ง
วิ้ง!
ทั่วทั้งบริเวณที่ถูกพลังของซื่อฝานเทียนอ๋องส่องสว่างก็หยุดชะงักลง นอกจากอากาศจะหยุดไหลเวียนแล้ว แม้แต่พลังเทพและกองทัพสวรรค์ที่ถูกส่องเหล่านั้นล้วนชะงักงัน แม้แต่ลมหายใจก็ไม่มี ราวกับเป็นเพียงรูปปั้น
ทว่า…
แซ่ด! แซ่ด…
พลังทำลายล้างที่สังหารท่านเทพอี้หยางมาจากต้าซือมิ่ง ไม่ใช่สวรรค์เก้าชั้นฟ้า กระทั่งไม่ใช่ส่วนหนึ่งของจักรวาลแห่งนี้ ดังนั้นมันจึงยังคง ‘ส่องสว่าง’ ต่อไป
แต่ท่านเทพอี้หยางที่ถูก ‘ส่อง’ ช้าลงเล็กน้อย จนทำให้นางเจ็บปวดรวดร้าวและค่อย ‘เบาลง’ เล็กน้อยยังคงตะโกนเสียงดังว่า “ช่วยด้วย! ท่านพี่! ช่วยข้าด้วยยย”
“อี้หยาง!”
ซื่อฝานเทียนอ๋องร้อนรน เขาก้าวออกไปและยื่นมือไปคว้าท่านเทพอี้หยางไว้ เห็นได้ว่าเขารู้ว่าอาศัยกฎเกณฑ์ควบคุมไม่สามารถห้ามเทพเถื่อน ไม่สิ เผ่ามารที่สติฟั่นเฟือนเหล่านี้ได้แล้ว
น่าเสียดาย…
“ออกไปซะ!”
เม่ยเอ๋อร์ที่แบกดาบเล่มใหญ่มา ครานี้นางยืนอยู่ฝั่งเดียวกับต้าซือมิ่ง นางก็รู้สึกว่าสตรีแก่ปากเหม็นคนนี้สมควรถูกสังหาร ใครก็ขัดขวางมิได้! หากใครคิดขัดขวาง เช่นนั้นก็ผ่านดาบของนางไปให้ได้ก่อน
“ออกไป!”
ซื่อฝานเทียนอ๋องไม่เห็นเม่ยเอ๋อร์ผู้สวมชุดสาวใช้ในสายตาแม้แต่น้อย เขาสะบัดแขนเสื้อ กฎแห่งวายุในนั้นก็พัดม้วนสายฟ้าฟาดอันรุนแรง หมายจะฟาดเม่ยเอ๋อร์ให้เป็นเศษซาก
สุดท้าย…
เปรี้ยง!
รอบกายเม่ยเอ๋อร์พลันระเบิดภาพทุ่งอสุรี ดาบใหญ่แปรเปลี่ยนทุ่งอสุรีกลายเป็นซากภูเขาทะเลโลหิต เสียงลมกระโชกแรง ลมคาวเลือดและสายฝนสีเลือดปัดเป่าพลังกฎแห่งวายุของซื่อฝานเทียนอ๋องหายไปทันที
อานุภาพเช่นนี้… การกวาดล้างเช่นนี้! ความเก่งกาจเช่นนี้!
“ระดับมหาเทพ!”
ตี้เซินที่ดูออกว่าการโจมตีของเม่ยเอ๋อร์เทียบเท่าระดับมหาเทพได้แล้วก็ตะลึงงัน เพราะในตอนแรกนางก็ไม่เห็นสาวใช้คนนี้ในสายตาเช่นเดียวกับซื่อฝานเทียนอ๋อง และยังเห็นนางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ฝึกฝนวิชา แม้แต่ระดับขั้นก็ยังไม่ถึงขั้นเทพเถื่อน
ทว่าสุดท้าย?
“ฮึ!”
เม่ยเอ๋อร์ที่ขวางข้างหน้าซื่อฝานเทียนอ๋องพลางพ่นหายใจเยือกเย็นก็ยืนขวางอยู่ข้างหน้าเทียนอ๋องจริงๆ แม้ฝ่ายหลังจะใช้พลังแห่งกฎเกณฑ์ก็ตาม ทว่าทั้งหมดก็ถูกนางขวางไว้แล้ว และพลังที่สามารถทำลายการโจมตีและการต่อต้านได้มีเพียงพลังระดับมหาเทพขึ้นไปเท่านั้น! มีเพียงมหาเทพที่เข้าใจกฎแห่งจักรวาลสวรรค์ชั้นเก้าจึงจะต่อต้านการโจมตีระดับกฎเกณฑ์เช่นนี้ได้
เม่ยเอ๋อร์ทำสิ่งนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่นางมิได้แผ่ซ่านกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมาตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้เลยแม้แต่น้อย ทว่านางกลับสามารถปลดปล่อยการโจมตีระดับมหาเทพได้
“!”
ผูเอ้อตัวที่ถูกมัดไว้ก็อดพ่นคำหยาบออกมาไม่ได้ เขาอยากจะถามจริงๆ ว่ามหาอสูรจากแดนมืดเหล่านี้มีขีดจำกัดหรือไม่ เดิมทีคิดว่าในหมู่พวกเขาก็มีแค่สองสามีภรรยาน้อยที่เก่งกาจ ทว่าสาวใช้ในหมู่พวกเขาที่กระโดดออกมาส่งๆ ก็เพียบพร้อมด้วยพลังการต่อสู้ระดับมหาเทพด้วย! เพียงแค่นางคนเดียวก็คงเป็นถึงมหาอสูรระดับเทพมารในแดนมืดแล้ว!
ที่สำคัญคือ…
“ท่านพี่…”
เพราะการขัดขวางของเม่ยเอ๋อร์ ทำให้ซื่อฝานเทียนอ๋องไม่สามารถช่วยท่านเทพอี้หยางได้เสียที ท้ายที่สุดนางก็ต้องลาจากท่านพี่ของนางตลอดไป ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของนาง รวมถึงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของนางหายไปไม่หลงเหลือสิ่งใด
“อี้หยาง!”
ซื่อฝานเทียนอ๋องเบิกตาโพลง มวลเมฆระเบิดออกมารอบกายเขา ทำให้พื้นที่บริเวณค่ายกลย้ายมิติถูกปกคลุมกลายเป็นโลกที่มีเพียงเมฆสีขาวโพลนทั่วทันที
ปัง!
ฟิ้วๆ!…
กระบี่สวรรค์นับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่เม่ยเอ๋อร์และทุกคนเว้นเพียงตี้เซินจากหมู่เมฆเหล่านั้นอย่างไม่เลือกหน้า! สวรรค์ชั้นหนึ่งสะเทือนไหว!
เห็นได้ชัดว่าซื่อฝานเทียนอ๋องเริ่มปลุกเร้าการโจมตีของสวรรค์ชั้นหนึ่งแล้ว เขาใช้พลังเทพและพลังกฎเกณฑ์ของทั้งสวรรค์ชั้นหนึ่งสังหารกลุ่มคนเยี่ยนอวี๋ที่เข่นฆ่าน้องสาวของเขา รวมถึงสังหารกองทัพสวรรค์และเทพชั้นผู้น้อยที่ถูกจับเป็นเชลยศึกเหล่านั้น ให้พวกเขาตายไปพร้อมกับน้องสาวของเขา!
น่าเสียดาย…
“เทียนกัง”
แสงอร่ามที่แผ่กระจายออกไปโดยมีต้าซือมิ่งเป็นศูนย์กลางก็กันกระบี่ทั้งหมดไว้จนเกิดเสียงกระทบดัง เคร้งๆ อยู่ข้างนอก
“ว้าววว” เยี่ยนเสี่ยวเป่าถูกแสงปะทะที่ระเบิดอย่างต่อเนื่องราวกับดอกไม้ไฟดึงดูดความสนใจทั้งหมดไป เขารู้สึกว่าเป็นภาพงดงามมาก
“ว้าววว” ลูกไก่ปรบมือด้วยปีกน้อยๆ ของตนเอง “สวยจังเลย!”
จิ่วอิงกะพริบตาสีแดงโหดเหี้ยมกลมโตทั้งสิบแปดดวงของตน พยายามเชยชมสีหน้าของซื่อฝานเทียนอ๋องที่เจิดจรัสยิ่งกว่าสีของดอกไม้ไฟท่ามกลางความงดงามของดอกไม้ไฟ
“ให้ตายเถอะ!” ซื่อฝานเทียนอ๋องอยากจะกระอักเลือดออกมาแล้ว
ตี้เซินที่ตั้งสติกลับมาได้นานแล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “ซื่อฝานเทียนอ๋อง เจ้าต้องแสดงฝีมือที่แท้จริงของตนเองต่อสู้กับจักรพรรดิอสูรท่านนี้ เขาสามารถรวมเผ่ามารในแดนมืดในยุคโกลาหลด้วยความแข็งแกร่งของเขา มิใช่อาศัยโชคดั่งที่มหาเทพเฝ้าแดนมืดที่โง่เขลาเหล่านั้นกล่าว”
“จักรพรรดิอสูร!?” ซื่อฝานเทียนอ๋องชะงักเล็กน้อย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเทพรับใช้ตำหนักเทียนตี้ที่ส่งข่าวให้เขาได้กล่าวถึง ‘จักรพรรดิอสูร’ จริงๆ แต่ครานั้นเขากังวลอยู่กับน้องสาวที่สูญเสียบุตรชายสุดที่รักไปและองค์หญิงเจ็ดที่ถูกจับในอาณาเขตการปกครองของเขา ทำให้เขามิได้สนใจคำพูดที่ฟังดูแล้วไม่สำคัญ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…” ซื่อฝานเทียนอ๋องที่สงบอารมณ์ลง รอบกายเขาก็ปลดล่อยแสงประหนึ่งใยแมงมุมออกมา ซึมซาบสู่ท้องฟ้า กระจายลงสู่พื้นดิน ทั่วทั้งร่างของเขาก็ค่อยๆ เลือนรางในกระบวนการนี้
“ตาข่ายสวรรค์ ห่างแต่ไม่รั่ว” เยี่ยนอวี๋รู้ทันทีว่าซื่อฝานเทียนอ๋องกำลังจะใช้ท่าไม้ตาย นางรู้ว่าเขาจะกลายร่างเป็นกฎและระเบียบของทั้งสวรรค์ชั้นหนึ่ง ชะล้างพวกเขาทุกคน
และเมื่อนางเอ่ยขึ้นก็ทำให้ตี้เซินชายตามอง “เจ้าคือใครกันแน่” แม้แต่ท่าไม้ตายของเทียนอ๋องก็รู้ ต้องรู้ว่าเนื่องจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าสงบสุขมาหลายหมื่นปีแล้ว ท่าไม้ตายของเทียนอ๋องนอกจากเทียนอ๋องทุกองค์แล้ว ก็มีเทพน้อยองค์นักที่จะรู้จัก
เท่าที่นางทราบ! จักรพรรดิอสูรของแดนมืดวิญญาณอสูรเพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อพันปีก่อน จักรพรรดิอสูรท่านนี้ยังมีอายุน้อย คนข้างกายเขา โดยเฉพาะนังสารเลวที่อาจจะเป็นภรรยาของเขาคนนี้ย่อมมีอายุไม่ต่างจากเขามาก…
เพียงแต่น่าเสียดาย…
“ข้าเอง”