ตอนที่ 450 ซีเหอไร้ยางอาย! ปฐมราชินีถล่มสวรรค์!
แม้ต้าซือมิ่งจะแข็งแกร่งมาก แต่สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเมื่อครู่ที่เขาต้องเผชิญนั้นค่อนข้างมาก มากเสียจนอิทธิพลของเขาที่มีต่อค่ายกลย้ายมิติลดน้อยลง ดังนั้นค่ายกลย้ายมิติที่มีแนวโน้มเสถียรแล้วจึงถูกซีเหอและเทพที่นางพามารับรู้ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งปรากฏการณ์สวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องทำให้มหาเทพไม่น้อยตกใจ ต่างพากันมารวมตัวที่ประตูค่ายกลเคลื่อนมิติแล้ว
หากไม่ใช่เพราะค่ายกลย้ายมิติยังไม่ค่อยเสถียร ซีเหอและเทพเหล่านี้คงไม่ได้มีเพียงพลังศักดิ์สิทธิ์ไหลออกมา แต่คงพากันปรากฏตัวแล้ว ทว่าบัดนี้พวกเขายังมาไม่ได้จึงพากันถามซีเหอว่า “เทียนโฮ่วเหนียงเหนียง เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อซีเหอเห็นว่ามีมหาเทพมากันไม่น้อยก็รู้สึกพึงพอใจ แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า นางเพียงกล่าวว่า “เกรงว่าบัดนี้จะมีสามเรื่อง หนึ่งเซินเซินถูกเผ่ามารแดนมืดจับ สองซื่อฝานเทียนอ๋องตายแล้ว สามเทพตกสวรรค์ก็อาจจะตายไปแล้ว”
ถึงแม้ข่าวเทพตกสวรรค์จะยังไม่ถูกยืนยัน แต่ปรากฏการณ์และเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของเทพตกสวรรค์เมื่อครู่นี้ เทพบนสวรรค์ชั้นเก้าล้วนได้ยิน พวกเขาค่อนข้างมั่นใจว่าเทพตกสวรรค์คงประสบภัยร้ายแล้ว
ทว่าถึงแม้พวกเขาจะคาดคิดไว้แต่แรก เหล่ามหาเทพยังคงหน้าเปลี่ยนสี โดยเฉพาะปัวเหร่อเทียนอ๋อง เทียนอ๋องแห่งสวรรค์ชั้นสองที่เพิ่งเสวนากับซื่อฝานเทียนอ๋องเมื่อครู่นี้ก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขาตกใจถามว่า “ซื่อฝานตายแล้วหรือ”
“เผ่ามารแดนมืดบุกรุก?” มหาเทพองค์อื่นๆ กลับให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากกว่า “หรือว่าที่เทพตกสวรรค์ปิดสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็เพราะต้องการต่อต้านการบุกรุกของเผ่ามารแดนมืด แต่ก็ช้าไป?”
“ยามนี้ข้าก็ยังไม่ทราบรายละเอียด เพียงเพราะค่ายกลย้ายมิติสวรรค์เก้าชั้นฟ้าบังเอิญขัดข้อง นอกจากข้าไม่สามารถพาคนลงไปแล้ว ข่าวคราวก็ขาดหายเช่นกัน” ซีเหอหวังว่ามหาเทพที่โดยปกติแล้วฟังเพียงคำบัญชาของเทียนตี้จะยอมฟังบัญชาของนางในครานี้บ้าง
“ผู้รับผิดชอบค่ายกลย้ายมิติคือมหาเทพเบิกฟ้าใช่หรือไม่ เขาว่าอย่างไรบ้าง” มหาเทพอาวุโสในชุดสีครามรู้จักมหาเทพเบิกฟ้า “แม้เทพเบิกฟ้าจะอารมณ์ร้าย แต่เขาเชี่ยวชาญในเรื่องมิติอย่างลึกซึ้ง เขาน่าจะมีวิธี”
เมื่อได้ยินดังนั้น นางฟ้าหลิงเย่ว์ที่อยู่ข้างกายซีเหอรีบกล่าวอย่างสุภาพว่า “ท่านมหาเทพหลันเย่ว์ มหาเทพเบิกฟ้าบอกว่าไม่สามารถซ่อมแซมได้ ได้แต่รอเจ้าค่ะ เหนียงเหนียงจึงทำได้เพียงรออยู่ที่นี่กับเหล่าเทพเจ้าค่ะ”
“ใช่แล้ว ข้าจำได้ว่าท่านมหาเทพหลันเย่ว์มีสัมพันธไมตรีอันดีกับมหาเทพเบิกฟ้า มิทราบว่าท่านช่วย…” ท่านเทพซือมิ่งคนหนึ่งรีบกล่าวเสริม
น่าเสียดายที่มหาเทพหลันเย่ว์ไม่ใช่คนถือดีในความอาวุโสของตน กล่าวว่า “มิได้ แม้เทพเบิกฟ้าจะอารมณ์ร้าย แต่เขาก็เป็นคนสัตย์ซื่อ ในเมื่อเขาบอกว่าไม่สามารถซ่อมแซมเช่นนั้นก็หมายความตามนั้น ไม่ใช่เพราะไม่พอใจใครจึงจงใจกระทำเช่นนี้”
“…ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น” ซีเหอจำเป็นต้องย้ำ มิเช่นนั้นจะเหมือนกับว่านางใจแคบ คิดว่ามหาเทพเบิกฟ้าจงใจกลั่นแกล้งนางจริงๆ แม้นางจะคิดเช่นนั้นจริงๆ ก็ตาม
มหาเทพหลันเย่ว์ก็มิได้ตำหนิเทียนโฮ่ว “เหนียงเหนียงไม่เข้าใจเขาผิดก็ดีแล้ว”
“ทำไม…” ซีเหอขานตอบอย่างนุ่มนวล แต่ในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์มาก
ครานี้เองมหาเทพเบิกฟ้าก็เอ่ยขึ้นว่า “หลันเย่ว์ เจ้ามิต้องพูดแทนข้า!”
มหาเทพหลันเย่ว์ “…”
ตาแก่นี่สักวันคงต้องตายเพราะอารมณ์ร้ายของตนเองเป็นแน่
มหาเทพเบิกฟ้าที่ปรากฏตัวอีกครั้ง นอกจากคำพูดก่อนหน้าของเขาจะทำให้ซีเหอไม่พอใจอีกครา คำพูดหลังจากนั้นกลับเป็น ‘ข่าวดี’ “พอแล้ว พวกเจ้าอย่าร้อนรนเลย อีกหนึ่งถ้วยชาค่ายกลย้ายมิติก็จะกลับมาใช้งานได้ปกติแล้ว”
“เช่นนั้นย่อมดี” ซีเหอพยักหน้าถอนหายใจเบาๆ นางรู้สึกสบายใจขึ้น และราวกับว่าจะไม่ได้ถือสากับความไร้มารยาทของมหาเทพเบิกฟ้า
มหาเทพที่เหลือรู้สึกตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย “ในเมื่อค่ายกลย้ายมิติเป็นปกติแล้ว เผ่ามารแดนมืดก็สามารถขึ้นมาได้ ทุกท่านโปรดระวังตัวด้วย”
“ฮึ!” ปัวเหร่อเทียนอ๋องกลับไม่คิดเช่นนั้น “เผ่ามารแดนมืดถูกเหล่าขุนเขาและท้องทะเลที่นำโดยปฐมราชินีกวาดล้างสิ้นซากตั้งแต่เมื่อหลายล้านปีก่อน สิบสองเทพมารก็ตายจากไปโดยไร้ทายาทสืบสกุล มิต้องกลัวหรอก”
“แม้เป็นเช่นนั้น แต่เทพตกสวรรค์และซื่อฝานเทียนอ๋องล้วนตายจาก” ซีเหอย้ำเตือน “ไม่ว่าทุกท่านจะมองเผ่ามารแดนมืดอย่างไร บัดนี้เรื่องที่เผ่ามารแดนมืดบุกเข้ามานั้นก็เป็นเรื่องจริง ข้าหวังเพียงทุกท่านจะร่วมมือกันช่วยเซินเซินกลับมา และจับผู้บุกรุกเหล่านั้น!”
“ควรเป็นเช่นนั้น” มหาเทพสิบกว่าองค์ที่มาต่างพยักหน้า กลับคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของค่ายกลย้ายมิติอย่างระมัดระวัง รอเพียงมหาเทพเบิกฟ้าอนุญาต พวกเขาก็จะเข้าไปในค่ายกลย้ายมิติ ไปดูว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรในสวรรค์ชั้นหนึ่งกันแน่
หารู้ไม่ว่า… เมื่อต้าซือมิ่งที่รับรู้ถึงค่ายกลย้ายมิติกำลังจะเป็นปกติ เขาก็ถามภรรยาว่า “จับตำแหน่งของเขาได้หรือไม่”
เยี่ยนอวี๋รู้ว่าชายคนนี้ถามถึงเทพตกสวรรค์ ถึงแม้พวกเขาร่วมกันกลืนกินเขาและพลังจิตทั้งหมดในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของเขาแล้ว แต่จากการลอบสังหารที่จู่ๆ ก็ระเบิดขึ้นในตอนท้ายสุดบ่งบอกได้ว่าเขายังไม่สลายหายไปจนหมดสิ้น!
แต่ถึงแม้เยี่ยนอวี๋ก็อยากจับเทพเลวองค์นั้นออกมาสังหารสักหนึ่งหมื่นครั้ง ทว่าบัดนี้นางเป็นห่วงความปลอดภัยของพ่อเด็กมากกว่า ต้าซือมิ่งกลับลูบคอของนางเบาๆ พลางเอ่ยปลอบว่า “จัดการเขาให้สิ้น วิธีถอนคำสาปที่ง่ายที่สุดคือการกำจัดผู้ร่ายคำสาปใช่หรือไม่”
“ใช่” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า คำสาปอื่นนั้นไม่ยาก แต่ ‘สังหารโกลาหล’ คำสาปที่มีพื้นฐานมาจากพลังโกลาหล แม้นางจะมีวิธีถอนคำสาป แต่ก็เป็นอย่างที่ชายคนนี้พูด วิธีที่ง่ายที่สุดคือการกำจัดเทพตกสวรรค์ทิ้ง เพราะว่าวิธีอื่นจำเป็นต้องผ่านการเตรียมการมากมายและจุกจิก สมุนไพรวิเศษที่ใช้ถอนคำสาปบางชนิดก็หายาก และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะสูญพันธ์ไปแล้ว ดังนั้น…
เยี่ยนอวี๋แผ่กระแสสัมผัสออกไปสำรวจหาตำแหน่งสุดท้ายของเสียงเสียงนั้นอย่างไม่ลังเล เพราะการเตือนสติของหรงอี้ หากไม่กำจัดเทพตกสวรรค์องค์นั้นให้สิ้นซาก เทพตกสวรรค์องค์นั้นคงสร้างปัญหาไม่รู้จบ และจะยังลอบจู่โจมเช่นเมื่อครู่นี้ด้วย
ถึงอย่างในร่างของเด็กน้อยยังมีคำสาป ซึ่งนั่นคือ ‘ชนวน’ ของการลอบจู่โจมที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อในตัวเด็กน้อยและต้าซือมิ่ง
“แล้วเทพเหล่านี้เล่า” จิ่วอิงได้ยินดังนั้นก็รู้ว่าอีกสักครู่คงต้องเปลี่ยนแผนไม่ไปสวรรค์ชั้นเก้าแล้ว เช่นนั้นเหล่าเทพบนหางของมันจะทำอย่างไร ถ้าจะปล่อยไปเฉยๆ มันไม่ยอมหรอก!
“กินซะ” ต้าซือมิ่งเอ่ย
จิ่วอิงดีใจแต่กลับแสร้งถามว่า “เจ้าตัดสินใจได้หรือ” ปู่จิ่วของเจ้ารู้จักเจ้าดีจะตายไป เจ้าก็เป็นเพียงทาสเมียคนหนึ่งเท่านั้น!
“บอกว่าให้เจ้ากินก็กินซะ! พูดมากจริงๆ” เม่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็ทนดูความเสแสร้งของจิ่วอิงไม่ได้ “หากไม่กินอีก ข้าจะปล่อยแล้วนะ”
“นังคนใจดำ!” จิ่วอิงด่ากลับก่อนจะเดินสะบัดหางไปกินเทพเหล่านั้นทั้งยัง ‘ล้าง’ ทำความสะอาดก่อนพลางพึมพำว่า “ปู่จิ่วของเจ้าไม่ชอบกินเทพหรอก ข้าชอบกินคนที่สุด! กระดูกของเทพแข็งเกินไป ฟันจะแตก! อร่อยสู้เนื้อคนไม่ได้”
ขณะที่พูดนั้น… จิ่วอิงก็ยัดเทพกลุ่มหนึ่งเข้าไปในปาก เคี้ยวเสียงดัง กร๊อบแกร๊บ
ท่านเทพผิงเฉินผู้น่าสงสารที่ถูกกินก่อนใคร เขายังไม่ทันตั้งสติได้ก็ถูกเคี้ยวแล้ว
“เดี๋ยวสิ…” ผูเอ้อตัวตระหนก “องค์หญิงเจ็ด ช่วยด้วย!” ข้าบริสุทธิ์นะ!
ตี้เซินไม่คิดว่าศัตรูจะอำมหิตเช่นนี้ จู่ๆ ก็เข่นฆ่าเชลยอย่างไร้มนุษยธรรมเช่นนี้!?
หงส์เทพรีบเอ่ยขึ้นทันทีว่า “หยุดนะ!”
กร๊อบแกร๊บ จิ่วอิงที่ใช้ความพยายามอย่างมากในการกินเทพ มันย่อมไม่ฟังผู้ใดทั้งนั้น มันกินเทพอีกกลุ่มหนึ่งต่อไป ทำเอาเทพองค์อื่นๆ ที่ตั้งสติได้ตกใจจนร้องไห้ “ช่วยด้วยยย”
“ปู่จิ่ว ท่านลากและสะบัดพวกเราต่อไปเถอะ! พวกเราไม่คัดค้านแน่นอน!”
“ช่วยด้วย! หงส์เทพ…”
“องค์หญิงเจ็ด…”
เทพสามพันกว่าองค์ร่ำร้องไม่หยุด พวกเขาร้องไห้เจียนตายแล้ว น่าเสียดายที่พวกเขายิ่งกลัว จิ่วอิงก็ยิ่งกินอย่างเอร็ดอร่อย!
เด็กน้อยอยากจะดูจิ่วอิงกินเทพ แต่ท่านพ่อของเขาไม่อนุญาต ท่านพ่อกดตัวเขาไว้ในอ้อมอกแล้ว “เด็กดี อยู่นิ่งๆ นะ”
“ดูอิงอิง!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่าอยากดู ทั้งยังทำท่าจะกลิ้งออกมาจากอ้อมอกของท่านพ่อ
เอ้อร์เหมาที่อยู่ไม่ไกลก็ทอดถอนใจอย่างเห็นใจว่า “ช่างเป็นฉากเศร้าสลดจนอยากจะหลั่งน้ำตา น่าสงสารจริงๆ เป็นถึงองค์เทพกลับถูกกลืนกินง่ายดายเช่นนี้ คงทิ้งบาดแผลในใจไว้ไม่น้อย”
“เทพที่ตายเร็วยังดี คงไม่ทันรู้สึกอะไร แต่เทพที่รอความตายอยู่นี่น่ะสิคงมีบาดแผลในใจ” อินหลิวเฟิงเองก็รู้สึกว่าเทพกลุ่มนี้น่าสงสารจริงๆ แต่ใครบอกให้พวกเขาตกอยู่ในมือของกูไหน่ไนและต้าซือมิ่งเล่า
และเมื่อจิ่วอิงกลืนเทพลงไปจนหมดแล้ว เยี่ยนอวี๋ก็เพิ่งจะหยุดส่งกระแสจิตสัมผัส นางกล่าวด้วยสีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย “หากการรับรู้ของข้าถูกต้อง น่าจะ…”
เยี่ยนอวี๋พูดได้เพียงครึ่งหนึ่ง ค่ายกลย้ายมิติก็สั่นสะเทือนเสียงดัง วิ้ง แสงพลันส่องสว่างวาบ! เยี่ยนอวี๋ไม่ได้สนใจความเคลื่อนไหวเล็กน้อยเพียงเท่านี้ สิ่งที่ทำให้นางหน้าเปลี่ยนสีคือ…
พรวด!
ต้าซือมิ่งกระอักเลือดออกมา!
ครานี้เอง!
“อ้ะเนะ!”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ใจหายใจคว่ำคิดว่าเป็นเพราะตนเองขยับตัวจึงทำให้ท่านพ่อบาดเจ็บ เขาตัวแข็งทื่อ น้ำตาเอ่อล้นในดวงตา ไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวแม้แต่น้อย