ตอนที่ 453 ต้าซือมิ่งผมฟ้ากลายเป็นมาร! โอ๋เด็กเก่งเป็นที่หนึ่ง
บริเวณที่มืดมิดที่สุดในทะเลสาบสือซ่าไห่ สถานที่ที่มืดมนและคลุมเครือที่สุด เสียงคำรามอันดุร้ายและเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นดังขึ้นอย่างดิ้นรน
หากเยี่ยนอวี๋อยู่ที่นี่ นางต้องจำได้ว่านี่คือซีซีของนาง แต่บัดนี้นางยังไม่ได้เข้ามาในทะเลสาบสือซ่าไห่ ค่ายกลที่หยวนสื่อเทียนจุนกางไว้ก็ยังไม่อ่อนแรงลง นางจึงยังไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของลูกน้องเก่าของนางได้
แน่นอนว่า สาเหตุที่สำคัญยิ่งกว่าคือบัดนี้นางกำลังรักษาบาดแผลให้ต้าซือมิ่ง ไม่มีจิตใจสนใจอย่างอื่น นางย่อมไม่สามารถรู้สึกถึงกลิ่นอายของซีหวังหมู่ที่ค่อยๆ ฟื้นตัวได้
“พ่อ…” เด็กน้อยถูกจิ่วอิงคาบไปอยู่ข้างๆ เขายังคงมองท่านพ่อด้วยน้ำตาคลอเบ้า ปลอบอย่างไรก็ไม่หาย
ลูกไก่เองก็เป็นกังวลมาก “นายท่านคงไม่เป็นอะไรหรอกนะ”
น้ำตาที่คลอเบ้าของเด็กน้อยหยดลงมาทันที จิ่วอิงรีบปลอบ “ร้องอะไรเล่า ท่านพ่อเจ้าแข็งแรงจะตายไป แกร่งกว่าเจ้าอีก หนังเหนียวตั้งแต่เด็ก เจ้าจะกังวลไปทำไม”
“เป่า ไม่เชื่อฟัง…” เด็กน้อยกะพริบตา ยังคิดว่าเป็นเพราะตัวเองไม่เชื่อฟัง ดิ้นไปดิ้นมา ทำให้ท่านพ่อบาดเจ็บ
ดวงตากลมโตแวววับไปด้วยน้ำตาคู่นั้นทำเอาจิ่วอิงใจอ่อนไปหมด “ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวเป่าเสียหน่อย ท่านพ่อของเจ้าไม่กระอักเลือดเพียงเพราะเจ้าดิ้นไปมาหรอก”
“แงงง” เยี่ยนเสี่ยวเป่าปล่อยร้องโฮ เพราะตกใจกับคำว่า ‘กระอักเลือด’ จิ่วอิงปวดศีรษะทั้งเก้าของมันทันที! มันปลอบเด็กน้อยไม่เป็นจริงๆ! โดยเฉพาะเด็กน้อยตระกูลหรง! โชคดีที่ต้าซือมิ่งนั้นลืมตาขึ้นแล้ว “มา”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ดวงตาพร่ามัวไปด้วยน้ำตาเห็นท่านพ่อของเขากำลังกวักมือเรียกก็บินทะยานไปหาทันที แต่ยังไม่กล้าพุ่งเข้าใส่อ้อมอกของท่านพ่อเต็มแรง ทว่าท่านพ่อเขาก็สวมกอดเขาเข้ามาทันที
ครานี้เยี่ยนอวี๋ก็เก็บเข็มแล้ว นางเห็นเด็กน้อยกำลังอิงแผ่นอกของท่านพ่อของเขาอย่างระมัดระวัง ถามเสียงสะอึกสะอื้นว่า “พ่อ พ่อดี?”
“หายแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วจ๊ะ” เยี่ยนอวี๋ลูบศีรษะโล้นๆ ของเด็กน้อยเพื่อปลอบประโลม “ไม่ร้องแล้วนะ ร้องจนตาบวมหมดแล้ว ถ้าร้องอีกไม่น่ารักแล้วนะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลั้นไม่อยู่ “เสียใจ…”
หรงต้าซือมิ่งที่ลูบหลังอ่อนนุ่มของเด็กน้อยก็รู้ว่าเด็กน้อยคงตกใจมาก จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่ภรรยากระอักเลือด เด็กน้อยร้องไห้หนักกว่านี้ ร้องไห้จนภูเขาแทบจะถล่มพื้นดินแตกแยกทีเดียว
จากนั้น…
“แงงง…”
เด็กน้อยปล่อยโฮอย่างหนัก
หรงอี้ “…”
เขาแค่คิดถึงเหตุการณ์นั้นเท่านั้น ไม่จำเป็นต้อง ‘ใจตรงกัน’ เช่นนี้ก็ได้มั้ง…
เยี่ยนอวี๋ที่ไม่รู้ความคิดของต้าซือมิ่งก็จูบเด็กน้อยอย่างสงสาร “พอแล้วๆ เสี่ยวเป่าไม่ร้องแล้วนะ ท่านพ่อเจ้าไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ”
“แงงง…”
เด็กน้อยยังคงร้องไห้ไม่หยุด ทำเอาเสื้อผ้าบริเวณแผ่นอกของท่านพ่อเขาเปียกไปหมด
เยี่ยนอวี๋อยากจะรับเด็กน้อยเข้ามาปลอบ แต่เด็กน้อยจับท่านพ่อเขาไว้แน่น อุ้มมาไม่ได้เลย
ต้าซือมิ่งได้แต่ลูบศีรษะโล้นๆ ของเด็กน้อย กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นักว่า “ร้องอะไร ท่านพ่อเจ้ายังไม่ตายเสียหน่อย”
ครานี้เอง…
“แง! แงงง…”
เด็กน้อยร้องไห้หนักกว่าเดิม! เยี่ยนอวี๋มองต้าซือมิ่งตาขวาง “พูดดีๆ”
ต้าซือมิ่งอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาซบที่ซอกคอ สงบอารมณ์เด็กน้อยพลางปลอบอ่อนโยนว่า “ไม่ร้องแล้ว พ่อสบายดี ต่อไปก็จะสบายดีนะ”
“ไม่ ไม่กระอัก เลือด อึก…” เด็กน้อยที่สะอึกสะอื้นยังตั้งเงื่อนไข
ต้าซือมิ่งคิดว่าเป็นไปได้ยาก เขาปลอบเด็กน้อย “อืม” กระอักออกมาแล้วไม่ให้เจ้าเห็นก็พอ
เด็กน้อยไม่รู้ว่าต้าซือมิ่งกำลัง ‘ทำอย่างขอไปที’ จึงร้องไห้เสียงเบาลงเล็กน้อย “เป่าเสียใจ…”
“ประเดี๋ยวทำซุปไก่ฉีกให้”
“เพิ่ม เพิ่มขนมข้าวเหนียว”
“ตกลง”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าหยุดร้องทันที แต่ยังคงกอดท่านพ่อเขาไว้แน่น
เยี่ยนอวี๋ “…”
นี่มันพ่อลูกประหลาดแบบไหนกัน
“ไม่กินไก่ได้หรือไม่” ลูกไก่ถามขึ้นเสียงอ่อน
“ไม่ ไม่ได้!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบกลับอย่างหนักแน่น
เยี่ยนอวี๋วางใจลง ก่อนจะนวดศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ เจ้าเด็กคนนี้…
“เช่นนั้นตอนนี้หาที่พักผ่อน ทำซุปให้เสี่ยวเป่ากินก่อนดีหรือไม่” อินหลิวเฟิงถามขึ้นจากข้างๆ มีจิตสำนึกรับใช้พ่อคุณทูนหัวเป็นอย่างดี
เด็กน้อยพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดี!”
ตั้งแต่ที่เยี่ยนอวี๋มาถึงที่นี่ก็เห็นแล้วว่ายามนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะเข้าไปในทะเลสาบสือซ่าไห่ “ทุกๆหนึ่งพันปี ผนึกที่หยวนสื่อสร้างไว้จะถดถอย และก่อนที่ผนึกจะอ่อนกำลังจะเป็นช่วงที่ผนึกมีพลังแข็งแกร่งที่สุด เข้าไปได้ยาก”
“เช่นนั้นเราคงไม่ต้องรอถึงชาติหน้าหรอกนะ!” เอ้อร์เหมาครุ่นคิด เช่นนั้นดอกไม้จีนคงเย็นหมดแล้ว
“ก็ไม่ขนาดนั้น พรุ่งนี้พลังผนึกก็จะถดถอย” เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนอวี๋รู้จักผนึกของหยวนสื่อเทียนจุนดี “แต่ตามหลักแล้วหยวนสื่อจะมารอที่นี่ล่วงหน้าหนึ่งวัน เมื่อผนึกอ่อนแรงลงเขาก็จะเสริมพลังให้มันแข็งแกร่งขึ้น บางทีอีกไม่นานเขาก็คงจะมาแล้ว”
“เดี๋ยวนะ! หยวนสื่อที่กูไหน่ไนเจ้าพูดถึง คงไม่ได้หมายถึงหยวนสื่อเทียนจุนหรอกนะ!?” อินหลิวเฟิงจับประเด็นได้ จากนั้นก็คิดถึงความจริงที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมว่า “เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยวนะ…”
อินหลิวเฟิงที่ไม่สามารถสงบอารมณ์ลงได้ เขาสูดหายใจเข้าลึกหลายครา แต่ก็ยังไม่สามารถสงบลงได้ แต่เอ้อร์เหมาก็โพล่งพูดว่า “หรือว่าคุณหนูใหญ่ท่านคือปฐมราชินีหยวนชูองค์จริงจริงๆ!”
เทพไร้ประโยชน์สององค์ตกใจพร้อมเพรียงอย่างไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะตาเหลือกทำท่าจะสลบไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะทดสอบตัวตนของเยี่ยนอวี๋ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างกล้าหาญ แต่พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเทพธิดาที่ทำลายแก่นเทพของพวกเขาคือปฐมราชินีหยวนชู! โอ้!
บ้าไปแล้ว! ใครจะไปคิดถึง
ในจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้า นอกจากหยวนสื่อเทียนจุนแล้ว ผู้ใดจะไปคิดได้ว่าปฐมราชินีหยวนชูที่ตายจากไปสามหมื่นปีจะหวนกลับมา ย่อมหามีไม่
แม้จะเป็นพลังจิตเทพตกสวรรค์ที่อยู่ในทะเลสาบสือซ่าไห่ในบัดนี้ ท้ายที่สุดเขาก็ยังคงคิดว่า “เจ้าคนสารเลวนั่นต้องเป็นผู้สืบทอดของปฐมราชินีหยวนชูแน่ๆ มิน่าก่อนหน้านี้ปฏิกิริยาสะท้อนของปฐมราชินีหยวนชูจึงสะเทือนไหวบ่อยครั้ง ฮึ! ก็ดี เอาพลังปฐมราชินีกลับมาก็ดี ต่อไปจะได้กลายเป็นของข้า…”
เทพตกสวรรค์ที่พึมพำอยู่เช่นนี้ก็มองไปยังส่วนลึกของมิติ มองต้นอิงสีเลือดต้นนั้น จากนั้นเขาก็พบว่าคุณชายผมสีฟ้าที่ไม่เคยลืมตาเลยตลอดสามหมื่นปีกำลังมองมาที่เขา!
นี่มัน…
“!”
เทพตกสวรรค์สะท้าน!
‘ต้าซือมิ่ง’ ผมสีฟ้าที่นั่งพิงต้นอิงอย่างเกียจคร้านก็ยกริมปากอันเย้ายวนขึ้น ดวงตาสีฟ้าครามคู่นั้นพวยพุ่งระลอกคลื่นไร้ที่สิ้นสุดออกมา “มา”
ขณะเดียวกัน!
“…”
หรงต้าซือมิ่งเลิกคิ้วมองไปยังความว่างเปล่าอย่างเงียบๆ