ตอนที่ 464 น้องเยี่ยนตกลงมาจากสวรรค์!
ซีเหอกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดหลังมือเต้นตุบ เห็นได้ชัดว่าโกรธมาก หลิงเย่ว์ที่อยู่ด้านข้างมองเห็นก็ได้แต่เก็บความร้อนรนไว้ในใจ นางไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากในสถานที่นี้ ทำได้แค่กระวนกระวายใจ กลัวว่าเหนียงเหนียงจะทนไม่ไหวและทำลายภาพลักษณ์ต่างๆ ที่สั่งสมโดยตลอด
ขณะเดียวกันก็มีเสียงรายงานดังขึ้นจากนอกตำหนักเทียนโฮ่ว “รายงานพ่ะย่ะค่ะ!”
“เข้ามา!” หลิงเย่ว์รีบสั่งแทนทันที
ทหารสวรรค์ที่มารายงานเข้ามาในตำหนักทันที “ทูลเทียนโฮ่วเหนียงเหนียง องค์หญิงเจ็ดส่งข่าวมาว่าองค์ชายใหญ่สิ้นชีพในทะเลสาบสือซ่าไห่ โดนโจรร้ายอันดับหนึ่งสังหาร ไม่พบศพพ่ะย่ะค่ะ”
ข่าวนี้ทำให้ซีเหอสูดลมหายใจเข้าเบาๆ น้ำตาไหลออกมาทันที “ฉางอานตายแล้วหรือ! ก่วงมู่เทียนอ๋อง เทพอัคคีจู้หรงและกองทัพเทพสุริยันของข้าล้วนเป็นพวกไร้ประโยชน์หรือไร”
ทหารสวรรค์ที่มารายงานคุกเข่าลงทันที “ล้วนสิ้นชีพพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าไงนะ!” ซีเหอกุมหน้าผากราวกับจะล้มลงไป
“เหนียงเหนียง!” หลิงเย่ว์รีบเข้าไปประคองซีเหอ “เหนียงเหนียงโปรดระงับความโศกเศร้าเพคะ”
มหาเทพไม่น้อยในตำหนักตะลึงงัน…
ซีเหอกลับปล่อยโฮออกมา “ฉางอาน!”
“…หากนั่นคือปฐมราชินีหยวนชูจริงๆ คงไม่ลงมือกับองค์ชายฉางอานหรอก” เทพผู้ภักดีของซีเหอเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่กลับไม่ถูกคัดค้านในทันที คงเป็นเพราะทุกคนยังตกอยู่ในความตื่นตะลึง
ผ่านไปครู่หนึ่ง หงส์เทพก็เอ่ยขึ้นเป็นคนแรกว่า “บัดนี้ คงต้องเชิญให้ฝ่าบาทนำพวกเราไปดูที่ทะเลสาบสือซ่าไห่สักครั้ง หากปฐมราชินีกลับมาจริงๆ ฝาบาทย่อมจำได้แน่”
“ใช่แล้ว!” ปัวเหร่อเทียนอ๋องเห็นด้วย
“ข้าเห็นด้วย!”
“ข้าเห็นด้วย!”
“กระหม่อมเห็นด้วย…”
เหล่ามหาเทพและขุนนางเทพต่างสำทับ
ซีเหอกลับน้ำตาไหลไม่หยุด “หากปฐมราชินีกลับมาจริงๆ พวกเจ้าคิดว่าฝ่าบาทยังนั่งติดหรือ เขาต้องรู้สึกได้และไปที่นั่นตั้งแต่แรกแล้ว แต่เขาไม่ออกมาเลย เพียงเท่านี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ทุกอย่างได้หรือ บัดนี้ฉางอานเด็กน้อยที่เชื่อฟังเช่นนี้ยังถูกสังหาร เทพอัคนีจู้หรงที่เป็นถึงลูกหลานจวนซวีก็ถูกฆ่า ทุกท่านยังคิดว่านางคือปฐมราชินีจริงๆหรือ นางโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าเช่นนี้รึ”
ปัวเหร่อเทียนอ๋องทำท่าจะพูดอะไร…
ซีเหอกลับพูดต่อไปว่า “ฉางอานมีสายเลือดของฝ่าบาท ปฐมราชินีจะจำไม่ได้หรือ การตายของซื่อฝานเทียนอ๋อง ข้าเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับท่านเทพอี้หยาง ฝ่ายหลังดันมีบุตรชายไม่เอาไหน ข้าเข้าใจได้ แต่ฉางอานเล่า แม้ฉางอานจะไม่ได้เก่งกาจมากนัก แต่เขาก็เป็นเด็กซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบสูง เหตุการณ์ครั้งนี้เขายังอยากจะช่วยจับโจรอย่างกระตือรือร้น ทว่าสุดท้ายเล่า”
สุดท้าย…
มหาเทพเบิกฟ้าพูดขึ้นว่า “ข้าสงสัยว่าเทียนโฮ่วจงใจส่งองค์ชายใหญ่ที่โง่เขลาออกไป พูดให้น่าเกลียดก็คือความสามารถอย่างองค์ชายใหญ่หากตกลงไปในเมืองสวรรค์ก็ย่อมไม่มีทางรู้ว่าเป็นโอรสของเทียนตี้แล้วปฐมราชินีจะจำได้หรือ”
“แม้วาจานี้จะไม่สุภาพ แต่… เป็นความจริง” มหาเทพหลันเย่ว์กล่าว
“นั่นน่ะสิ”
“จู้หรงเด็กคนนี้แม้จะมีพลังต่อสู้ไม่ธรรมดา แต่ก็ดื้อรั้นมากนัก อาจจะหาเรื่องตายเอง”
“เช่นนั้นเราไปต้อนรับปฐมราชินีดีกว่า” เหล่าเทพได้ข้อสรุปอย่างยินดีปรีดา
ซีเหอโมโหจะตายอยู่แล้ว แต่นางกลับพูดเสียงดังว่า “หากทุกท่านอยากไป ข้าก็ไม่ขวาง แต่ข้าไม่ไปแน่นอน! เหล่ากองทัพแม่ทัพสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็เช่นกัน! พวกท่านจะมองว่าข้าใจแคบก็ได้ ตลอดสามหมื่นปีที่ผ่านมา ข้าอุทิศตนเพื่อความมั่นคงของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ข้าจะไม่ทำให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าตกอยู่ในอันตราย หากปฐมราชินีกลับมาจริงๆ ข้าจะสารภาพผิดยอมรับโทษเอง แม้จะต้องถูกสังหารด้วยฝ่ามือเดียวก็ตาม! ข้าก็จะไม่เสียใจ!”
“…” เหล่าเทพไม่มีอะไรจะพูด เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าวถึง ตลอดสามหมื่นปีที่ผ่านมานี้ เทียนโฮ่วทำเพื่อความมั่นคงของสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามามากจริงๆ ดังนั้นแม้เทียนโฮ่วมีตบะไม่สูงนัก แต่เหล่าเทพก็ยินยอมที่จะมาประชุมหารือกันที่ตำหนักเทียนโฮ่วของนาง
เมื่อคิดได้ดังนี้…
มหาเทพเบิกฟ้าก็พูดขึ้นว่า “เอาเถอะ เป็นหญิงหม้ายที่มีลูกกำพร้าเช่นท่านก็ไม่ง่าย ข้าจะรังเกียจที่ท่านไม่มีวิสัยทัศน์ พฤติกรรมเหลวไหลก็ไม่ดี ข้าไปเองก็ได้!”
“สามหาว!” ซีเหอทนไม่ไหวแล้ว “ลูกกำพร้าหญิงหม้ายอะไรกัน เจ้าสาปแช่งฝ่าบาทรึ!”
“เทียนโฮ่วโปรดระงับโทสะ เทพเบิกฟ้าเป็นเฒ่าไร้เหตุผล ใช่ว่าท่านจะไม่รู้ว่าเขาพูดจาขวานผ่าซาก อย่าได้ถือโทษโกรธเขาเลย” มหาเทพหลันเย่ว์เกลี้ยกล่อม
ซีเหอโมโหจนปวดเศียรเวียนเกล้า รู้สึกเหมือนกับว่าหากนางถือโทษโกรธเขา นางจะเป็นฝ่ายผิดอย่างนั้น เพียงเพราะว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเฒ่าไร้เหตุผลที่เทพทุกองค์รู้จักดี นางจึงต้องยอมเขางั้นหรือ?
มหาเทพเบิกฟ้ายังดึงดันพูดต่ออย่างไร้สามัญสำนึกว่า “ฮึ! อย่าหาว่าข้าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ถ้าเทียนโฮ่วท่านเก่งจริง เทียนตี้จะไปกักตนอยู่ทุกวันหรือ”
“ข้า…” ซีเหอรู้สึกว่าเทพเบิกฟ้าองค์นี้ท้าทายความอดทนของนางชัดๆ!
“เทพเบิกฟ้าเจ้าพูดน้อยๆ หน่อย!” มหาเทพหลันเย่ว์ก็รู้สึกว่ามหาเทพเบิกฟ้าพูดเกินไปแล้ว
มหาเทพเบิกฟ้าก็หยุดพูดจริงๆ เขาสะบัดแขนเสื้อจากไปทันที “หากผู้เป็นแบบอย่างของข้าอยู่ด้วย ฝ่าบาทจะต้องเข้าประชุมยามเช้าทุกวันอย่างเชื่อฟังแน่นอน! ไม่มีทางลอยละล่องอยู่ทุกวันหรอก”
เสียงพึมพำเสียงดังนี้ทำเอาซีเหอโมโหจนใกล้เป็นบ้าแล้วจริงๆ…
“บัดซบ! หยามกันมากเกินไปแล้ว!” ซีเหออยากจะลงโทษมหาเทพเบิกฟ้านัก! พูดเกินไปแล้ว!
ทว่าทัวถ่าเทียนอ๋องจำเป็นต้องเตือนว่า “เหนียงเหนียง ช่างเถิด แม้แต่เวลาอยู่ต่อหน้าฝ่าบาทมหาเทพเบิกฟ้ายังเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทยังยกย่องเขาที่สืบทอดท่าทีของเหล่าขุนเขาและท้องทะเล ห้ามผู้ใดข่มเหงรังแกเขาเพราะเขาปากร้าย เฮ้อ…”
ตู้ม! ซีเหอรู้สึกว่าเปลวไฟในใจของตนเองระเบิดขึ้นมาบนศีรษะ เดือดพล่านเป็นไฟ! แต่นางทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ไม่เช่นนั้นก็ถือว่านางข่มเหงรังแกมหาเทพเบิกฟ้า
ทว่าสิ่งที่ทำให้ซีเหอสบายใจในทันทีคือ ทัวถ่าเทียนอ๋องยังกล่าวว่า “ในเมื่อคำสั่งหมายจับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าส่งออกไปแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องถอนเป็นการชั่วคราว มหาเทพที่กักตนและออกท่องเที่ยวจะกลับมาในครานี้ เทพรุ่นแรกก็จะกลับตำหนักสวรรค์ ถึงครานั้นคนที่จะจำปฐมราชินีได้นั้นมีมากนัก จะได้ระบุตัวได้ง่ายด้วย”
“ตามนั้น! ผลที่ตามมาข้าจะรับผิดชอบเอง ทุกท่านเชิญ” ซีเหอเห็นด้วยและลุกจากไปอย่างไม่อยากถกเถียงต่ออีก หากถกเถียงต่อไป นางคิดว่าตนเองอาจจะระเบิดคาที่ได้!
ทว่าแม้นางจะลุกขึ้นแล้ว ก็ยังคงมีมหาเทพพึมพำว่า “เทียนโฮ่ววางแผนระยะสั้นไปหน่อย ข้าว่าเห็นนางคงโมโหจนใบหน้าแข็งทื่อไปหมดแล้ว ยังต้องฝืนทน คงลำบากเหมือนกัน”
พรวด! ซีเหอกระอักเลือดในใจ! เกือบจะสะดุดล้มลง
ในขณะเดียวกัน…
“องค์หญิงเจ็ด องค์ชายใหญ่แค่หายสาบสูญ ท่านถึงกับแจ้งว่าเขาสิ้นชีพ คงไม่ค่อยดีนะพ่ะย่ะค่ะ” เทพพิทักษ์ตี้เซินกล่าวเตือนเสียงเบา เขากลัวว่าองค์หญิงเจ็ดจะถูกจับได้ว่าโกหก
ตี้เซินหัวเราะเย็นชา “ข้าบอกด้วยมิใช่หรือว่าไม่พบร่าง”
“…องค์หญิงเจ็ดปราดเปรื่องนัก”
ตี้เซินยกมุมปากอย่างประชดประชัน “นี่ต้องเป็นข่าวที่เสด็จแม่ของข้าอยากได้ยินมากที่สุด ข้ารู้อยู่แล้วว่าเหตุใดนางจึงส่งเจ้าโง่อย่างตี้ฉางอานนั่นมา บางทีนางอาจจะเดาได้ว่าสตรีคนนั้นคือปฐมราชินีหยวนชู ฉางอานเจ้าโง่นั่นตายไป นางจะได้มีพื้นที่เล่นละครเพิ่มขึ้นอีกหน่อย”
“…” เหล่าผู้พิทักษ์ไม่กล้าเอ่ยใดๆ ใครจะกล้าเอ่ยแม้เพียงครึ่งคำ แต่หากเป็นเช่นนี้จริงๆ เทียนโฮ่วเหนียงเหนียงก็ช่างแผนสูงนัก! เพียงแต่ว่าจะขัดขวางปฐมราชินีหยวนชูได้จริงๆ หรือ เหล่าเทพพิทักษ์ไม่กล้าคิด และคิดว่าไม่สมควรคิด
“ข้าจำได้ว่าข้างกายนังสารเลวนั่นมีเผ่ามนุษย์ขยะไม่น้อย หาพวกเขาให้เจอ! มีพวกเขาในมือก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต่อกรกับนังสารเลวนั่นไม่ได้แล้ว!” ตี้เซินยังคงเอาแต่พูดว่านังสารเลว ทำเอาเหล่าเทพพิทักษ์รู้สึกชื่นชมจากใจจริงๆ
…
ในขณะเดียวกัน ในทะเลสาบสือซ่าไห่ เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกบีบปากน้อยๆ จนอ้าออก เขายังไม่ทันกลืนกระดูกหัวแม่เท้าของซากศพแอนนาลงไปก็ถูกแสงสีฟ้างัดออกมาก่อนแล้ว ทำเอาเขาโมโหจนร้องฟึดฟัดไม่หยุด “พ่อ! ไม่…” ไม่งัด เป่าจะกิน!
น่าเสียดายที่อย่างไรก็ถูกงัดออกมาอยู่ดี
เยี่ยนอวี๋กลับไม่รู้ว่าแสงสีฟ้านั่นเกี่ยวข้องกับต้าซือมิ่ง อีกทั้งจู่ๆ ซากศพแอนนาก็หายไป สีหน้านางพลันเปลี่ยน พลังของร่างวิญญาณพลังจิตปกคลุมเด็กน้อยไว้เพื่ออุ้มเขากลับมาข้างกาย ส่วนร่างเดิมกำลังรักษาซีหวังหมู่โบราณ
ทว่าร่างพลังจิตของนางเพิ่งปกคลุมเด็กน้อย จู่ๆ ‘เหวลึก’ แห่งคำสาปข้างหลังนางก็กระเพื่อม!
วิ้ง!
กระบี่ไท่ชางส่งสัญญาณเตือนทันที น่าเสียดาย…
ซู่!
‘เหวลึก’ คำสาปที่ราวกับบ่อน้ำสีดำสังหารนภาก็กลืนกระบี่ไท่ชาง รวมถึงเยี่ยนอวี๋ ซีหวังหมู่และเยี่ยนเสี่ยวเป่าลงไปแล้ว
บุ๋ง…
‘เหวลึก’ คำสาปปล่อยฟองอากาศออกมาสองสามครั้งก่อนจะกลับคืนสู่ความ ‘สงบ’ อย่างรวดเร็ว ยังคงส่งเสียงไร้ระเบียบ ในขณะเดียวกัน…
วิ้ง!
จู่ๆ ทะเลสาบสือซ่าไห่ก็กลับสู่ความมืดมิดราวกับถูกปิดกลไกลทุกอย่างลงกะทันหัน กระแสน้ำสีฟ้าสงบลง เหลือเพียงค่ายกลร้างที่หยวนสื่อเทียนจุนสร้างที่ยังคงเปล่งประกายแสงเลือนราง
ในขณะเดียวกัน…
ตึง!
เยี่ยนอวี๋ที่ถูกกลืนกิน นางรู้สึกว่าข้างหน้าดับวูบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าครามงดงามไร้ที่ติคู่หนึ่งจะปรากฏในสายตา ในดวงตาคู่นั้นดุจระลอกคลื่นไร้ที่สิ้นสุด
ดวงตาคู่นี้…
เยี่ยนอวี๋กะพริบตาสองสามที ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นก็กะพริบสองสามที…