ตอนที่ 476 ตัดสินโทษองค์หญิงเจ็ด!
“งั้นรีบขึ้นไปกัน!” จิ่วอิงพูดจบก็พุ่งขึ้นไปก่อนแล้ว มันอยากจะผูกเทพสามหมื่นองค์ไว้ที่หางอีก! นั่นถึงเรียกว่าเท่ห์ระเบิด!
เทพอัสนีตบหน้าอกตนเองก่อนจะหมอบร่างมังกรสีดำเลือดอันกำยำลงมาพูดว่า “นายท่าน จวินโฮ่ว พวกท่านขึ้นมาได้เลย”
“เนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าร่วงลงไปบนตัวของเทพอัสนีก่อนผู้ใด เขากำลังลูบเกล็ดมังกรของเทพอัสนีแล้ว “ว้าววว”
เทพอัสนีที่หันกลับมามองเด็กน้อยด้วยสายตาอบอุ่น “นายน้อยจับดีๆ ล่ะ”
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเกาะบนตัวของเทพอัสนี รอบกายยังคงระยิบระยับไปด้วยแสงสีรุ้งศักดิ์สิทธิ์เลือนราง ดูเหมือนเป็นเด็กน้อยมหัศจรรย์จริงๆ ทำเอาซีหวังหมู่มาอยู่ข้างหน้าเยี่ยนเสี่ยวเป่าอย่างระริกระรี้แล้ว “นายน้อย ซีซีขออุ้มท่านได้หรือไม่”
“ได้” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบพลางยื่นมืออวบอ้วนของตนไปทางซีหวังหมู่แล้ว ซีหวังหมู่ดีใจยิ้มตาหยี ฟันอันแหลมคมประหนึ่งเสือนั่น… ทำให้ดูดุร้ายยิ่งกว่าเดิม!
ทำเอาเทพอัสนีจำเป็นต้องเตือนว่า “ซีหวังหมู่ เจ้าอย่ายิ้มเลย สยองขวัญจริงๆ”
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของซีหวังหมู่ก็กำลังเล่นเครื่องแต่งกายที่อลังการของมันแล้ว “สวย! สวย…”
“เห็นหรือไม่! มีแต่เจ้าที่ตาต่ำเห็นว่าข้าดุร้าย” ซีหวังหมู่ตอกเทพอัสนีกลับอย่างได้ใจ ฝ่ายหลังไม่ได้ตอบอะไร มันพาใต้เท้าและจวินโฮ่วที่ขึ้นมาแล้วเช่นกันหายตัวออกจากแดนมืดนิรันดร์ ออกจากสถานที่ที่ขังมันไว้สามหมื่นปี
…
ในขณะเดียวกัน ณ สถานที่ที่ไม่รู้จัก
“จิ๊บ!”
ลูกไก่สีเหลืองที่พาอินหลิวเฟิงและพรรคพวกบินลงมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเพิ่งหลุดออกมาจากมิติ ไม่รู้ว่าหนีมาอยู่ในที่ใด ที่รู้แน่ๆ คืออินหลิวเฟิงและพรรคพวกล้มลงอย่างแรง
“ที่นี่คือที่ไหน” เอ้อร์เหมามองไปรอบตัวที่มีสีเทาหม่นแทบจะมองไม่เห็นอะไร รู้สึกแปลกๆ อย่างไรไม่รู้ เหตุใดจึงรู้สึกขนหัวลุกเช่นนี้?!
“แดนมืดวิญญาณอสูร!” ลูกไก่สีเหลืองจำที่นี่ได้ “ข้าเกิดที่นี่ ฮี่ๆๆ”
อินหลิวเฟิง “…”
เทพไร้ประโยชน์สององค์ “…”
ดังนั้น พวกเขามาถึงสถานที่ที่มืดมิดที่สุดในตำนานหรือ!?
เอ้อร์เหมากลืนน้ำลายมองดวงตาสีแดงที่ซ่อนอยู่ในทะเลทราย ถามอย่างหวาดผวาว่า “ดังนั้น ขอถามว่าข้างหน้านั่นคืออะไร”
“ข้าคิดว่า…” อินหลิวเฟิงขนลุกกำลังจะพูดตามความเป็นจริง
แต่เทพไร้ประโยชน์สององค์ก็ปิดปากของเขาไว้แล้ว “คุณชายอีกา! รบกวนท่านหุบปากเถอะ!”
แต่ถึงแม้อินหลิวเฟิงจะถูกปิดปากไว้แล้ว บางสิ่งที่เหมือนกับไส้เดือนขนาดยักษ์ที่กระโจนออกมาจากทะเลทรายไม่หยุดกลับไม่ได้ถูกหยุดยั้งไว้ พวกมันทะยานเข้าหาลูกไก่สีเหลืองและพรรคพวกแล้ว!
“มารดามันเถอะ! หนีเร็ว” เอ้อร์เหมากลายร่างเป็นพญานกต้าเผิงกำลังจะหนี!
ลูกไก่สีเหลืองกลับร้อง จิ๊บ พูดอย่างสง่าว่า “อย่าได้ตระหนก! นี่คือถิ่นของตัวข้าจักรพรรดิน้อย รอดูข้าจัดการเถอะ!”
อินหลิวเฟิงและพรรคพวกที่แต่เดิมคิดจะวิ่งหนี พวกเขาก็ไปแอบหลังลูกไก่สีเหลืองพลางถอนหายใจโล่งอก ดูเชื่อใจลูกไก่ที่ถึงตัวไม่ใหญ่แต่มีความสามารถไม่เบาตัวนี้
ลูกไก่สีเหลืองที่ระเบิดพลังสายเลือดออกมา มันคำรามอย่างสง่า “ถอยกลับไปเดี๋ยวนี้!”
จากนั้น… ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้ว!
ซู่!
ซู่ๆๆ!…
ไส้เดือนขนาดยักษ์ที่กระโจนเข้ามาเขมือบไปทางลูกไก่สีเหลืองทันที
“อ๊าก! พ่อ!”
ลูกไก่สีเหลืองตะลึงงัน!
ฟิ้ว!
เอ้อร์เหมารีบหิ้วทุกคนที่งงงันบินหายตัวไปทันที
ฟิ้วๆๆ!…
ไส้เดือนขนาดยักษ์ไล่ตาม พวกมันยังทะยานตัวขึ้นมาจะจับเอ้อร์เหมา
ฟู่!
อินหลิวเฟิงที่ตั้งสติได้ก็รีบใช้เพลิงวิหคทมิฬของตนเผาไส้เดือนขนาดยักษ์สองสามตัวจนไหม้เกรียม ทว่าน่าเสียดายที่ยังมีไส้เดือนขนาดใหญ่อีกหลายตัวไล่ตามมาไม่หยุด
“เร็วเข้า! บินเร็วอีก!” จางเจ๋อเหอบอกว่าตนเองไม่อยากกลายเป็นเหยื่อของปีศาจไส้เดือน เขายอมตายในเงื้อมมือของตี้เซิน อย่างน้อยก็มีเกียรติมากกว่า ฮือ!
ในขณะเดียวกัน…
ตี้เซินที่ถูก ‘คิดถึง’ ก็กำลังกระวนกระวายใจ “เมืองต้าจ้างฟูยังไม่มีข่าวอีกหรือ!” ผ่านไปนานเช่นนี้แล้ว ผ่านไปครึ่งค่อนวันแล้ว! เผ่าเทพสุริยันจันทราก็มาถึงที่แล้ว กลุ่มคนเลวเหล่านั้นกลับยังไม่มา
“ทูลองค์หญิงเจ็ด ทางฝั่งเมืองต้าจ้างฟูส่งสารมาว่ายังไม่สามารถหาตัวคนเลวเหล่านั้นเจอพ่ะย่ะค่ะ” เทพพิทักษ์ก็รู้สึกหงุดหงิด แต่เขาก็กล่าวว่า “คนของเราไปด้วยตนเองแล้ว คิดว่าจะต้องมีข่าวในอีกไม่นาน”
“ขอให้เป็นเช่นนั้น!” เมื่อตี้เซินคิดว่าอีกประเดี๋ยวก็จะได้เล่นงานคนเลวพวกนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก แต่สตรีสวมชุดเกราะสีขาวที่ยืนอยู่ข้างนางกลับเป็นกังวล “องค์หญิงมั่นใจหรือ”
“ท่านพี่วางใจเถอะ ขอเพียงจอมโจรเหล่านั้นเป็นห่วง ‘เชลย’ ที่ถูกจับ นางย่อมต้องฟังข้า!” ตี้เซินทึกทักไปเองว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีช่องโหว่อะไร “นอกเสียจากว่านางไม่สนใจเชลยพวกนั้น เช่นนั้นเท่ากับว่าข้าแพ้การเดิมพัน หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ไม่ทำให้เผ่าเทพสุริยันจันทราต้องเดือดร้อน”
“องค์หญิงกล่าวเกินไปแล้ว! ฉางซีไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
“แต่ข้าหมายความเช่นนี้” ตี้เซินกล่าว “เผ่าเทพสุริยันจันทราคือญาติของข้า ข้าย่อมไม่ปล่อยให้ญาติเป็นอะไร หากไม่ใช่เพราะเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน เผ่าเทพสุริยันจันทราอยู่ใกล้เมืองเซวียนหยวนมากกว่าตำหนักสวรรค์ ข้าคงเรียกพลทหารจากตำหนักสวรรค์แล้ว”
ฉางซีคุกเข่าลงทันที “เป็นเกียรติของเผ่าเทพสุริยันจันทรา เผ่าเทพสุริยันจันทรายอมทำคุณประโยชน์เพื่อองค์หญิง เพียงแต่ว่าองค์หญิงไม่ควรเข้ามาเสี่ยง เรื่องนี้มอบหมายให้ฉางซีจัดการ องค์หญิงโปรดกลับตำหนักสวรรค์ก่อนเถอะ”
ฉางซีที่รู้ว่าตี้เซินสำคัญเพียงใด สิ่งที่นางเป็นห่วงมากที่สุดคือชีวิตของตี้เซิน ถึงอย่างไรฝ่ายหลังก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะสืบทอดตำแหน่งเทียนตี้เป็นองค์ถัดไป! และเป็นความภาคภูมิของเผ่าเทพสุริยันจันทรา เผ่าสุริยันจันทราจะรู้สึกเป็นเกียรติเพียงใดหากนางกลายเป็นเทียนตี้องค์หนึ่งจริงๆ!
แต่ตี้เซินตัดสินใจแล้ว นางส่ายศีรษะ “ไม่ เจ้าไม่ไหว ข้าต้องอยู่ที่นี่จึงจะมีโอกาสจับคนเลวนั่นได้! พลังของพวกเจ้าสู้ไม่ได้สักคน”
“เพราะว่าพลังไท่ชูหรือ” ฉางซีสีหน้าเคร่งเครียด “หากฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งเช่นนั้นจริงๆ…”
“รายงานพ่ะย่ะค่ะ! องค์หญิงเจ็ด! คนเลวกลุ่มนั้นมีข่าวแล้ว!” เทพพิทักษ์ที่วิ่งแจ้นเข้ามารายงานแทรกขึ้น “เทพที่เราส่งตัวไปตายหมดแล้ว! เหล่าโจรร้ายกำลังมา”
“ดี!” ตี้เซินลุกขึ้นอย่างดีใจ กำลังจะบัญชาบางอย่าง…
จู่ๆ เสียงอันเยือกเย็นและแฝงความดูแคลนก็ดังขึ้น “ตี้เซิน! ข้าขอบัญชาเจ้าปล่อยคนเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นอย่าหาว่าตัดสินโทษเจ้า”