ตอนที่ 477 จัดการตัวเล็กเสร็จ จัดการซีเหอต่อ!
“ฮึ!” ตี้เซินแสยะยิ้ม “นังสารเลวคิดว่าตัวเองเป็นปฐมราชินีจริงๆ เสียแล้ว ท่านพี่ เตรียมตัวให้ดี”
“องค์หญิงโปรดวางใจ” ฉางซีกำหมัดแน่นก่อนจะเดินจากไปเตรียมตัวครั้งสุดท้าย
ในขณะเดียวกัน…
อันที่จริงเยี่ยนอวี๋พวกเขายังอยู่ในเมืองต้าจ้างฟู เสียงของนางแค่ส่งข้ามมาจากอีกฟากเท่านั้น จุดประสงค์ก็เพื่ออำพรางการสำรวจของนาง นางอยากจะตรวจสอบให้มั่นใจถึงตำแหน่งของพวกลูกไก่ก่อน จะได้ช่วยพวกเขาออกมา กันไว้ดีกว่าแก้
ทว่านางก็รู้ได้ในทันทีว่า ทั้งในและนอกเมืองเซวียนหยวนนั้นไม่มีกลิ่นอายของพวกลูกไก่อยู่เลย อย่างน้อยก็ไม่มีพลังชีวิต มีเพียงกลิ่นอายที่หลงเหลือเท่านั้น
ต้าซือมิ่งที่ไม่พบอะไรเลยเช่นกันก็เดาว่า “อาจจะหนีไปแล้ว”
“ก็ไม่แน่ ข้ารู้สึกได้ว่าที่นั่นมีกลิ่นอายของเผ่าเทพสุริยันจันทรา หลังจากที่เผ่าเทพนี้หลงผิดไปกับเทียนโฮ่ว พวกเขาก็ลงมือทำได้ทุกอย่าง บางทีพวกเขาอาจจะใช้วิธีอะไรทำให้พวกเราไม่พบตัวเชลยก็เป็นได้” เทพอัสนีเคยเสียเปรียบให้เผ่าเทพสุริยันจันทรามาก่อน มันจึงระวังเป็นพิเศษ
“เช่นนั้นก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของนายท่านได้!” ซีหวังหมู่เชื่อมั่นในปฐมราชินีของพวกมัน
แต่เยี่ยนอวี๋ให้ความสำคัญกับความรอบคอบ นางจึงฟังความคิดเห็นของเทพอัสนี “ข้าและสามีจะล่วงหน้าไปก่อน ซีซีและเสี่ยวเหลยคอยลอบสำรวจ หากเจอตัวประกันให้ช่วยเหลือทันที ปู่จิ่วคอยคุมอยู่ที่นี่ อย่าให้ข่าวเรื่องซีซีและเสี่ยวเหลยฟื้นคืนชีพแพร่งพรายออกไป”
“ได้เลย!” จิ่วอิงยินดีที่จะเฝ้าที่นี่ ถึงอย่างไรมันก็แอบกินได้!
ส่วนเยี่ยนอวี๋ที่สั่งการเสร็จ นางก็ส่งกลิ่นอายของพวกอินหลิวเฟิงให้กับซีหวังหมู่และเทพอัสนี ทั้งสองจำกลิ่นอายที่คุ้นเคยของอินหลิวเฟิงได้ในทันที “ทายาทสายตรงวิหคทมิฬ?”
“อืม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า นางเริ่มคิดถึงวิหคทมิฬแล้ว ในขณะเดียวกันก็เป็นห่วงว่าวิหคทมิฬจะตกอยู่ในอันตรายเช่นเดียวกับซีหวังหมู่และเทพอัสนีหรือไม่ มิเช่นนั้นด้วย ‘การอาละวาด’ ช่วงนี้ของนาง พวกมันคงรีบเร่งไปยังจักรวาลดั้งเดิมแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนี้…
เยี่ยนอวี๋แววตาเคร่งขรึมลง “ซีเหอ”
หากนางไม่จัดการซีเหอและทำให้นางเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป นางก็จะไม่เรียกตนเองว่าปฐมราชินี! ทว่าจู่ๆ ซีหวังหมู่กลับถามว่า “นายท่าน การตายของท่าน ซีเหอสมรู้ร่วมคิดด้วยใช่หรือไม่!”
“นางคู่ควรหรือ” เยี่ยนอวี๋ยิ้มเย็นชา ไม่ใช่เพราะนางดูถูกซีเหอ แต่ซีเหอไม่มีความสามารถพอที่จะเข้าร่วมแผนการการตายของนางได้โดยที่นางไม่รู้สึกตัว
“ก็ถูก แต่นางต้องรู้อะไรแน่นอน! มิเช่นนั้นหลังจากที่ท่านตายไป เหตุใดจึงเอาแต่เล่นงานเหล่าขุนเขาและท้องทะเล” เทพอัสนีคิดว่าถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นเทียนโฮ่ว
ซีหวังหมู่กลับไม่คิดเช่นนั้น “แม้ซีเหอและคนสารเลวนั่นจะเลวมากจริงๆ แต่ข้าก็คิดว่านางไม่มีความสามารถเช่นนั้น มิเช่นนั้นหากในครานั้นข้าปีนก็ต้องปีนออกจาก ‘เหวลึก’ คำสาปนั่นเพื่อกินซีเหอและคนสารเลวนั่นก่อนค่อยตายให้ได้!”
“แล้วเจ้ายังถามอีก?”
“ยืนยันหน่อยไง! ไม่แน่ว่าข้าอาจดูผิดเล่า”
…
ในขณะที่พวกเยี่ยนอวี๋ล่าช้าไปเล็กน้อย ตี้เซินที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งก็หงุดหงิด “เหตุใดจึงยังไม่มาอีก!”
“ข้าน้อยมิทราบ” เทพพิทักษ์เองก็รู้สึกไม่สบายใจ คำพูดเมื่อครู่นี้ทำให้เขาคิดว่าพวกเขามาแล้ว สุดท้ายผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาคน
“ไปเตือนท่านพี่ฉางซี โจรนั่นคดเจ้าเล่ห์แสนกล ให้ระวังอุบายของพวกเขา!” ขณะที่ตี้เซินกำชับ นางก็เห็นเมฆสีรุ้งลอยมาบนท้องฟ้า จากนั้น…
พ่อแม่ลูกทั้งสามก็เดินออกมาจากเมฆ เยี่ยนเสี่ยวเป่าเพิ่งจะโผล่ศีรษะออกมาจากซอกคอของท่านพ่อจนถึงบัดนี้ เพราะว่ามั่นใจแล้วว่าตนเองจะไม่ถูก ‘ทิ้ง’
“เจ้าเด็กฉลาด” เยี่ยนอวี๋จะไม่รู้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นการแกล้งตายของเด็กน้อยได้อย่างไร นางจิ้มหน้าผากเด็กน้อยเบาๆ แล้ว เด็กน้อยกอดมือของท่านแม่ไว้ยิ้มหวานให้ “แม่…”
“เด็กดี อยู่กับท่านพ่อของเจ้านะ อย่าวิ่งเล่นและกินไปทั่ว” จนถึงบัดนี้เยี่ยนอวี๋ยังลืมภาพที่เด็กน้อยกัดนิ้วหัวแม่เท้าของแอนนาไม่ลง สกปรกจริงๆ…
“ขอรับ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพิงกลับไปที่อ้อมอกของท่านพ่อ
“ฮึ!” ตี้เซินที่ดูถึงตรงนี้ก็พ่นหัวเราะเย้ยหยัน “คนของตนเองถูกจับแล้ว พวกเจ้ายังมีจิตใจเกี้ยวพาราสี สมแล้วที่เป็นเผ่ามารไร้หัวใจ”
“พวกเขาอยู่ที่ไหน” เยี่ยนอวี๋ถามอย่างไม่ลีลา
ตี้เซินมองเยี่ยนอวี๋ ยิ้มเย็นชาและเกียจคร้าน “เจ้าใสซื่อเสียจนคิดว่าข้าจะให้เจ้าเห็นพวกเขาแล้วปล่อยให้เจ้าช่วยพวกเขาไปอย่างง่ายดายงั้นรึ?”
“ดังนั้น…” เยี่ยนอวี๋ไม่อยากพล่าม
ตี้เซินเองก็ยินดีที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมา นางจึงชี้ไปที่เด็กน้อยอย่างไม่เกรงใจ “เจ้าพาลูกมาด้วยพอดี ส่งเขามาให้ข้าก่อน ข้าจะส่งตัวประกันให้เจ้า”
“เอ๋?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่พบว่าตี้เซินชี้มาที่ตนเอง เขาก็อยากจะไป แต่ถูกท่านพ่อเขากดไว้ เขาจึงทำได้เพียงอยู่นิ่งๆ ในอ้อมอกท่านพ่อต่อไป ดวงตากลมโตของเขากลับมองตี้เซินไม่กะพริบ
ตี้เซินเองก็กำลังมองเจ้าตัวน้อย “เจ้าวางใจเถอะ ข้ามีคุณธรรมพอ ไม่ทำอะไรเด็กน้อยคนหนึ่งหรอก ข้าแค่ต้องการมั่นใจว่าหลังจากที่ส่งตัวประกันให้แล้ว ฝ่ายข้าจะปลอดภัย!”
“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องความไว้ใจ เจ้าคิดว่าลูกของข้า ข้าจะให้เจ้าหรือ” เยี่ยนอวี๋ตอบ นางรู้แผนการและความมั่นใจของตี้เซินแล้ว
ตี้เซินตบมืออย่างมั่นใจทีหนึ่ง กลิ่นอายของเผ่าเทพสุริยันจันทรานับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นในทันที มันก่อร่างเป็นค่ายกลสุริยันจันทราล้อมเยี่ยนอวี๋สามพ่อแม่ลูกไว้แล้ว
ทว่า…
“ข้ารู้ว่าค่ายกลสุริยันจันทราทำอะไรพวกเจ้าสองคนไม่ได้ แต่ตัวประกันพวกนั้นข้าไม่แน่ใจหรอกนะ เจ้าคงกำลังหาว่าข้าซ่อนพวกเขาไว้ที่ใด บอกเจ้าก็ได้! อยู่ในเขตค่ายกลนี้แหละ น่าเสียดายที่ข้าไม่ปล่อยให้เจ้ามีเวลาหา สามลมหายใจ เจ้าจะส่งลูกมาเพื่อแลกพวกไร้ประโยชน์นั่น! หรือว่าปล่อยให้พวกไร้ประโยชน์ตาย ไม่มีอะไรต้องคุยอีก” ตี้เซินพูดจบ ค่ายกลสุริยันจันทราก็เริ่มทำงานทันที
วิ้ง!
ซู่!
เหนือเมืองเซวียนหยวน ปรากฏการณ์ดวงตะวัน ดวงจันทราและดวงดาวปรากฏขึ้นพร้อมกันอย่างรวดเร็ว
“หนึ่ง”
ตี้เซินเริ่มนับแล้ว จุดประสงค์ของนางคือจับเสือมือเปล่า! ตัวประกันไร้ประโยชน์นั่นแม้จะจับได้ก็ไม่สำคัญเท่าจับเด็กน้อยคนนั้นได้!
ดังนั้น…
“สอง!”
ตี้เซินมองดวงตากลมโตสุกใสคู่นั้นของเด็กน้อยด้วยชัยชนะเต็มเปี่ยม! สายตายังแฝงไปด้วยความอิจฉาและเคียดแค้นโดยที่นางไม่รู้ตัว!
“สาม!”
สิ้นเสียงตี้เซิน ค่ายกลสุริยันจันทราก็จะระเบิดแล้ว! ตี้เซินกลับไม่มีทีท่าว่าจะประวิงเวลา หากนางเดิมพันแพ้ก็แค่ตาย แต่แล้วเมื่อเสียงนางเพิ่งจะสิ้นสุดลง!
เพียะ!
เยี่ยนอวี๋ฟาดฝ่ามือลงไป ตี้เซินที่ถูกเทพผู้พิทักษ์และเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าเทพสุริยันจันทราปกป้องไว้ก็ล้มลงกับพื้นทันที ทำเอานางผู้เย่อหยิ่งถูกตบจนฟันแหลกละเอียด…