ตอนที่ 481 ซีเหอ ข้าคือฝันร้ายของเจ้า!
สายฟ้าสีแดงเลือดเหี้ยมเกรียมผ่าลงบนท้องนภาเหนือตระกูลสุริยันจันทราในทันที แสงสีเลือดถูกสาดไปทั่วท้องฟ้า! มันทำนายหายนะนองเลือดที่กำลังจะเกิดขึ้น ตระกูลสุริยันจันทราอลหม่านเพราะสายฟ้าสีเลือดนี้ “เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่รู้สิ!”
“สายฟ้าสีเลือด รู้สึกเป็นลางไม่ดีเลย…”
แม้แต่เทพธรรมดาที่ไม่รู้ว่าตระกูลของตนทำสิ่งใดผิดไปก็อดคิดไม่ได้ว่าสายฟ้านี้เป็นสัญญาณเลวร้าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเทพที่อยู่เบื้องหลังเหล่านั้น อย่างเช่นหัวหน้าตระกูลสุริยันจันทราหรือพี่ชายของซีเหอนามว่า ซั่วเย่ว์ สีหน้าของเขาเองก็เคร่งขรึมลงเพราะการปรากฏของสายฟ้าสีเลือดนี้ “ทหาร ไปตรวจสอบว่าช่วงนี้ในตระกูลเกิดเรื่องผิดปกติใดบ้าง”
“หัวหน้าเผ่าท่านหมายความว่า…” ลูกน้องงุนงงไม่เข้าใจความหมายเท่าไรนัก
อันที่จริงซั่วเย่ว์ก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ในฐานะที่เป็นมหาเทพชั้นยอด เขามีความสามารถพิเศษในการทำนายโชคชะตาและความเป็นไปของเผ่า ดังนั้นเขาจึงถามด้วยสัญชาติญาณว่า “เมื่อไม่นานมานี้ฉางซีนำทัพเข้าหนุนเซินเซินใช่หรือไม่”
“ขอรับ!” ลูกน้องตอบอย่างมั่นใจ
ครานั้นซั่วเย่ว์ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ครั้นได้ยินว่าเป็นทหารที่ตี้เซินสั่งให้เคลื่อนทัพ เขาย่อมไม่ได้ขวาง ทว่าบัดนี้ “ไปตรวจสอบดูว่ากองทัพนี้ไปที่ไหนและทำอะไรลงไป”
“ขอรับ หัวหน้าเผ่า!” ครั้นลูกน้องรับบัญชาแล้วก็กำลังจะจากไป
ปี่รื่อ บุตรชายคนโตของซั่วเย่ว์ผู้รับผิดชอบงานข่าวกรองของตระกูลสุริยันจันทราก็เข้ามารายงานอย่างเร่งรีบว่า “ท่านพ่อ เกิดเรื่องแล้ว!”
“เข้ามาพูด” ซั่วเย่ว์ที่มีหน้าเย็นยะเยือกดุจสายน้ำรีบเรียกบุตรชายคนโตเข้ามาในตำหนักก่อนจะถามขึ้นว่า “ฉางซีเกิดเรื่องหรือ”
“ใช่แล้วขอรับ!” ปี่รื่อสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะสงบอารมณ์ลงภายใต้สายตาที่แน่วนิ่งของท่านพ่อพลางเล่าว่า “ตามข่าวล่าสุดที่ตระกูลของเราได้รับ ฉางซีและทหารชั้นยอดที่นางพาไปรวมถึงองค์หญิงเจ็ดถูกจับแล้ว! ผู้ที่จับพวกเขา…”
ปี่รื่อที่หยุดจังหวะเล็กน้อย เขาจำเป็นต้องสูดหายใจเข้าลึกอีกครั้งจึงจะพูดต่อไปได้อย่างกล้าหาญ “เป็นไปได้มากว่าอาจจะเป็นปฐมราชินีหยวนชูและเหล่าขุนเขาและท้องทะเลของนาง!”
เมื่อพูดจบ… ปีรื่อก็เหงื่อไหลพลั่กราวกับใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีไปหมดแล้ว สีหน้าเขาซีดเผือด
ซั่วเย่ว์ที่แต่เดิมดูเหมือนจะสงบนิ่งได้ก็ทุบโต๊ะตรงหน้าจนยุบ! เพียงพอที่จะบอกได้ว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อจิตใจของเขามากเพียงใด
“เป็นไปได้อย่างไร…” ความรู้สึกแรกของซั่วเย่ว์คือไม่เชื่อ! ทว่าสัญชาติญาณทำให้เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว “รีบส่งสาส์นไปให้ท่านอาของเจ้า!”
“ท่านพ่อโปรดวางใจ ก่อนที่ลูกจะมาหาท่านที่นี่ ลูกได้ส่งสาส์นให้ท่านอาแล้วขอรับ บัดนี้ท่านอาน่าจะได้รับข่าวแล้ว ทว่าเกรงว่าสถานการณ์ของท่านอาไม่ค่อยจะสู้ดีนัก” บัดนี้ปี่รื่อรู้สึกเหมือนบ้านรั่วแล้วยังถูกฝนตกกระหน่ำใส่ทั้งคืนอีก
ซั่วเย่ว์ย่อมคิดถึงข่าวที่ส่งมาจากตำหนักสวรรค์เมื่อไม่นานมานี้ รู้ว่าแม้ตำหนักสวรรค์ในครานี้จะมั่นคงดีแล้ว แต่น้องสาวของเขาคงถูกสายฟ้าสีรุ้งที่ฟาดลงมาครั้งสุดท้ายนั่นถล่มจนบาดเจ็บหนัก!
แน่นอนว่าที่ซั่วเย่ว์และปี่รื่อรู้สถานการณ์ของซีเหอก็เป็นเพราะหลิงเย่ว์ส่งสารมาให้พวกเขาอย่างลับๆ เพื่อให้พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะถูกเรียกไปหาได้ทุกเมื่อ
ทว่า…
“ท่านอาอาจจะเลื่อนขั้นแล้วจริงๆ เพียงแต่ว่าไม่สามารถเอาชนะการกวาดล้างของสายฟ้าในตอนท้ายสุดได้ อย่างน้อยเท่าที่ลูกทราบ สวรรค์ชั้นเก้าก็เชื่อเช่นนี้และยังรู้สึกเสียดายแทนท่านอา” ปี่รื่อกล่าว
แต่ซั่วเย่ว์รู้ดีว่าน้องสาวคนนั้นของเขาแม้จะมีความสามารถไม่ธรรมดา และยังได้รับพลังระดับต้นกำเนิดมาโดยบังเอิญ แต่นางเป็นผู้มีเล่ห์เหลี่ยม การงานจุกจิกที่ต้องจัดการก็มีมากในแต่ละวัน การเลื่อนขั้นของนางจึงถูกกำหนดไว้แล้วว่าเป็นไปได้ยาก
ดังนั้นชั่วเย่ว์จึงส่ายศีรษะทันที พูดว่า “เกรงว่าบัดนี้คงพึ่งท่านอาของเจ้าไม่ได้แล้ว แม้ผู้ที่มาไม่ใช่ปฐมราชินีหยวนชูก็ต้องเป็นผู้สืบทอดพลังของปฐมราชินี และยังได้รับการยอมรับจากเหล่าขุนเขาและท้องทะเล เจ้ารู้หรือไม่ว่าคือเหล่าขุนเขาและท้องทะเลตนใด”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้…
ปี่รื่อก็หวาดหวั่นขึ้นมาอีกครั้ง “ตามที่เล่า คือบรรพบุรุษซีหวังหมู่และเทพอัสนีขอรับ”
“เป็นไปไม่ได้!” ซั่วเย่ว์ปฏิเสธทันที “ทั้งสองตนนี้ตายไปนานแล้ว แม้ตัวหนึ่งจะยังไม่ตาย แต่ก็ไม่สามารถฟื้นตัวกลับไปเป็นดังเดิมได้ ยิ่งไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการได้”
“ท่านพ่อหมายความว่า…” ปี่รื่อที่พอจะทราบเบื้องหลัง แต่ก็ไม่ทราบเรื่องราวทั้งหมดรู้สึกตกตะลึง “ตระกูลเราลงมือกับพวกมันเองหรือขอรับ”
“อย่าเพิ่งถามเรื่องที่เจ้ายังไม่สมควรรู้” ซั่วเย่ว์ไม่อยากพูดถึงรายละเอียด อีกทั้งเหล่าเทพในตระกูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ตายจากไปแล้ว ความตั้งใจเดิมของเขาคือนำความลับนี้ตายจากไปพร้อมกับเขาด้วย ทว่าบัดนี้…
“รายงานขอรับ…”
“รายงานท่านหัวหน้าเผ่า พบผู้แข็งแกร่งไม่ทราบจำนวนกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองสุริยันจันทราของเราอย่างรวดเร็วขอรับ”
การรายงานเช่นนี้เพียงพอที่จะทำให้ปี่รื่อสีหน้าเปลี่ยน “เร็วเช่นนี้เลยรึ!” เขาเพิ่งจะได้รับข่าวสารจากด่านหน้าสุดเมื่อครู่นี้เอง ฝ่ายตรงข้ามก็มาเข่นฆ่าถึงหน้าประตูบ้านแล้ว!? เร็วเกินไปแล้ว?!
“เปิดใช้งานค่ายกลป้องกันระดับสูง!” ซั่วเย่ว์ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดทันที “เรียกประชุมเหล่าผู้อาวุโสและผู้ดูแลที่ตำหนักสุริยันจันทราเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ ท่านพ่อ!”
“ขอรับ หัวหน้าเผ่า!”
ปี่รื่อและผู้ตรวจตราแข็งแกร่งแห่งอาณาจักรสุริยันจันทรารีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที
และในบัดนี้กลุ่มของเยี่ยนอวี๋ที่กำลังจะถึงเมืองสุริยันจันทราจริงๆ ก็ลดความเร็วลง เห็นได้ชัดว่ากำลังให้เหล่าตระกูลสุริยันจันทราได้ ‘เตรียมตัว’
“อุแว้!” จิ่วอิงชอบความรู้สึกการประจันหน้าเช่นนี้เหลือเกิน “ภรรยาอี้เอ๋อร์ ต้องการให้ปู่จิ่วของเจ้าไปแจ้งก่อนหรือไม่ว่าให้เผ่าสุริยันจันทราล้างคอให้สะอาดเสียก่อน”
จิ่วอิงที่ชอบงาน ‘ขยายเสียง’ เช่นนี้กำลังมองเยี่ยนอวี๋ด้วยดวงตาทั้งสิบแปดที่ลุกโชนไปด้วยความอำมหิต ดวงตาทุกดวงล้วนกำลังบอกว่า เอาหน่อยเถอะ! นะ…
เยี่ยนอวี๋ดันพยักหน้าเสียอย่างนั้น “ได้”
“อุแว้!” จิ่วอิงจากไปอย่างตื่นเต้นดีใจ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าส่งเสียงเล็กเสียงน้อย “รอเป่า! เป่าไปด้วย!”
“เป่าไม่ไป” เยี่ยนอวี๋ลูบผมบนศีรษะของเด็กน้อย “เป่าเป็นเด็กดีนะ”
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบเสียงอ่อนโยน ไม่งอแงเลยแม้แต่น้อย
ต้าซือมิ่งลูบเด็กน้อยทีหนึ่ง “เชื่อฟังจริงๆ เลยนะ”
“ฮึ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารู้ว่าท่านพ่อเขากำลังบอกว่าเขาแกล้งทำตัวเป็นเด็กดี เพราะกลัวถูกท่านแม่ของเขาจัดการ เขาจึงไม่พอใจพูดว่า “แม่ พ่อล้อเป่า แม่จัดการเขา!”
ทว่าต้าซือมิ่งยังพูดขึ้นว่า “ท่านแม่เจ้าทำไม่ลงหรอก ท่านพ่อเจ้างามเช่นนี้”
เยี่ยนเสี่ยวเป่า “…”
เขาที่ไม่สามารถโต้แย้งกลับได้แต่นั่งคอตก
เยี่ยนอวี๋หัวเราะ สองพ่อลูกนี่…คนหนึ่งจงใจหยอกนาง อีกคนไม่เล่นด้วย ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นและหัวใจชุ่มฉ่ำจริงๆ
เพียงแต่ว่า…
“เลือดต้องล้างด้วยเลือด”
ในเสียงหัวเราะอันอ่อนโยนของเยี่ยนอวี๋กลับแฝงไปด้วยจิตวิญญาณนักฆ่าอันแข็งกล้า!
ในขณะเดียวกัน…
“หยวนชู!”