ตอนที่ 500 จุดจบของซีเหอ!
ใบหน้าขาวสง่างามของไป๋ตี้ดำคล้ำขึ้นทันที บาดแผลในใจมิอาจพรรณนาออกมาได้
ซีหวังหมู่อึ้ง หมดคำจะพูด… กลับกลายเป็นตี้เซินที่พูดได้แล้ว เนื่องจากจิ่วอิงตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า มันเลยปล่อยเชลยออกไปอย่างไม่รู้ตัว ตี้เซินจึงโพล่งพูดขึ้นว่า “ท่านพี่… เซ่าเฮ่า?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซีเหอสะดุ้งเล็กน้อยทว่าเห็นได้ชัดว่าในบัดนี้นางรู้ดีว่าหากตนเองไม่คว้าอะไรสักอย่างไว้คงไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้ว ดังนั้นนางจึงจำต้องใจแข็งเอ่ยออกไปอย่างไม่ละอายว่า “เซินเซิน เจ้ารู้ก็ไม่เป็นไร ในอดีตเสด็จแม่และไป๋ตี้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกันตั้งแต่เยาว์วัย หากไม่ใช่…”
“หุบปาก!” ไป๋ตี้โมโหจนเส้นเลือดปูด “ข้าและเจ้าไม่ใช่ทั้งคู่หมั้นตั้งแต่เยาว์วัย และไม่ได้เป็นเพื่อนเล่นกันด้วย ข้าเพียงเติบโตมาพร้อมกับเทียนตี้เท่านั้น”
“ท่านพี่เซ่าเฮ่า…” ซีเหอยังไม่ละความพยายาม
เยี่ยนอวี๋กลับพูดขึ้นว่า “แม้เซ่าเฮ่าหลับนอนกับเจ้าแล้วอย่างไร เจ้าคิดว่าเจ้าจะปัดความรับผิดชอบได้หรือ”
“…ไม่ใช่ นายท่าน ข้าไม่เคย” ไป๋ตี้เซ่าเฮ่าจะบอกว่าตนเองถูกกล่าวหา
ซีหวังหมู่ลูบหลังเซ่าเฮ่าพลางปลอบประโลม “ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ ที่ต้องทนหลับนอนกันนาง”
“ข้าไม่เคยนะ!”
“อ้อ พูดผิด หมายถึงเทียนตี้”
เซ่าเฮ่า “…”
เขารู้สึกว่าซีหวังหมู่ยังคงสงสัยในความบริสุทธิ์ของตนเอง
“ปฐมราชินี ข้า…” ซีเหออยากจะร้องขอให้ไว้ชีวิต
เยี่ยนอวี๋จึงสกัดจุดนางไว้ “ซีซี เสี่ยวเหลย ปล่อยเผ่าสุริยันจันทรา”
“เจ้าค่ะ นายท่าน!” ซีหวังหมู่ทำตามทันที
ฉางซีและกองทัพตระกูลสุริยันจันทราถูกปล่อยออกมาแล้ว พวกเขาล้วนคุกเข่าลงอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่มีใครกล้าขยับหรือบ่นอะไรเลย
“ปู่จิ่ว ปล่อยตี้เซินด้วย” เยี่ยนอวี๋ยังกล่าว
“ได้เลย!” จิ่วอิงปล่อยทันที มันโยนตี้เซินออกไปแล้ว
ตี้เซินล้มลงบนพื้นดัง ตุบ เจ็บไปทั้งตัว ถึงอย่างไรการจับกุมด้วยพลังอำมหิตบนตัวเขาก็ยังไม่สลายไป ทว่าเมื่อเขาล้มลง พันธนาการเหล่านั้นก็พลันสลาย เขาสงสัยว่าจิ่วอิงจงใจแต่เขาไม่มีหลักฐานและก็ทำอะไรมันไม่ได้ด้วย
“…” ซีเหอที่อยากจะพูดอะไรแต่พูดไม่ได้ นางอยากจะคลานไปข้างกายบุตรสาว น่าเสียดายที่เยี่ยนอวี๋ไม่อนุญาตให้นางขยับ นางจึงทำได้เพียงคุกเข่าอยู่ที่เดิม ทว่า… เหล่าทวยเทพสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแอบมองตี้เซิน เนื่องจากคำพูดของเยี่ยนอวี๋ พวกเขาชะงักไปครู่หนึ่ง เกือบจะหลุดพูดไปว่า ‘นี่คือองค์หญิงเจ็ดที่เป็นผู้ชายรึ!’
“เทียนโฮ่วซีเหอสมรู้ร่วมคิดวางแผนสังหารเหล่าขุนเขาและท้องทะเลอันได้แก่ ซีหวังหมู่ เทพอัสนี วิหคทมิฬ มีโทษล้างตระกูล ข้ารักษาตระกูลสุริยันจันทราของเจ้านับหมื่นเอาไว้ แทนที่จะสืบสานและส่งต่อวิชาความสามารถกลับทำบาปแทน จากนี้เป็นต้นไปข้าจะกำจัดเชื้อชาติแห่งเทพของพวกเจ้า จงกลายเป็นนกชิงเหนี่ยว บินไปยังเหมืองเพื่อคาบหินขับไล่มารมาถมทะเลสาบสือซ่าไห่ สือซ่าไห่ไม่เต็ม พวกเจ้าห้ามกลับตำหนักสวรรค์” เยี่ยนอวี๋ตัดสินเด็ดขาด
“…ขอบพระทัยปฐมราชินีที่เมตตา” ฉางซีกล่าวขอบคุณ แม้นางจะรู้ว่าทะเลสาบสือซ่าไห่ไม่มีวันถมจนเต็มได้ นางและตระกูลของนางไม่อาจกลับคืนสู่ตำหนักสวรรค์ได้อีกตลอดกาล และไม่สามารถฟื้นฟูร่างศักดิ์สิทธิ์ได้ตลอดไปเพราะว่าความผิดของพวกเขาทั้งตระกูลมิอาจยกโทษให้ได้
“ขอบพระทัยปฐมราชินีที่เมตตา” กองทัพตระกูลสุริยันจันทราที่เหลือหมื่นนายไม่กล้าคัดค้าน และไม่ควรคัดค้าน ความผิดของพวกเขาใหญ่หลวงนัก ไม่ตายก็ถือว่าคือความเมตตาแล้ว
ส่วนตี้เซิน…
“ข้าไปด้วย!” ตี้เซินสมัครใจ
ฉางซีคัดค้านทันที “องค์… ฝ่าบาท ท่านไม่รู้เห็นด้วย ไม่จำเป็นต้องกระทำเช่นนี้”
“แล้วพวกเจ้ารู้เห็นด้วยหรือ” ตี้เซินรู้ดีว่าอ้างว่าไม่รู้เห็นเป็นเพียงข้ออ้าง “ผลประโยชน์ของตระกูลสุริยันจันทรา ไม่เพียงแค่พวกเจ้าที่ได้รับ ข้าเองก็ได้รับเช่นกัน สมควรชดใช้”
‘ไม่ใช่! ไม่ใช่!’ ซีเหอที่สั่นศีรษะอย่างเอาเป็นเอาตายอยากจะตะโกนออกมา เสียดายที่นางตะโกนอะไรออกมาไม่ได้สักคำ แต่นางยังส่ายศีรษะได้ นางอยากจะพูดกับบุตรสาว ไม่สิ บุตรชาย…
ซีเหอที่เพิ่งค้นพบเรื่องสำคัญพลันตัวแข็งทื่อ นางเพิ่งรู้ว่าบุตรสาวอันเป็นที่รักของนางไม่ใช่บุตรสาว แต่เป็นบุตรชาย เป็นโอรสจักรพรรดิ นี่มัน…
“ตามที่เจ้าปรารถนา” เยี่ยนอวี๋อนุญาต “สือซ่าไห่ไม่เต็ม เจ้าและตระกูลสุริยันจันทราไม่สามารถกลับตำหนักสวรรค์ได้ตลอดไป นี่คือบาปที่เจ้าสมควรชดใช้แทนพี่น้องของเจ้า”
ตี้เซินหวาดหวั่น เขารู้ว่าเยี่ยนอวี๋หมายความถึงอะไรจึงไร้ซึ่งข้อโต้แย้ง “ขอบพระทัยปฐมราชินีที่เมตตา”
‘ไม่…’
ซีเหอร้องตะโกนในใจ นางสั่นศีรษะอย่างเอาเป็นเอาตาย ดิ้นรนไม่หยุด นางอยากจะไปอยู่ข้างกายบุตรชาย นางอยากจะปกป้องบุตรชายของตนเองไว้ นางจะปล่อยให้บุตรหรือโอรสเพียงหนึ่งเดียวของนางถูกเนรเทศออกจากตำหนักสวรรค์ ถูกขับไล่ออกจากศูนย์กลางอำนาจเช่นนี้ไม่ได้ นางไม่ยอมเด็ดขาด
ทว่าเยี่ยนอวี๋ไม่ได้มองนาง แต่แล้ว…
“อมิตาภพุทธ”
เจ้าเมืองแห่งเมืองสุขาวดีทอดถอนใจ “ปฐมราชินี ไม่ว่าท่านจะลงโทษเมืองสุริยันจันทราเช่นไร พวกข้ายินยอมน้อมรับแต่โดยดี ทว่าองค์…ฝ่าบาทคือโอรสขององค์เทียนตี้ สืบทอดร่างพลังไท่สื่อของพระองค์ มิสมควรถูกทอดทิ้งเช่นนี้”
“ยังคิดจะสั่งสอนข้าอีกรึ” เยี่ยนอวี๋ถามกลับอย่างเยือกเย็น
เหงื่อของเจ้าเมืองสุขาวดีไหลลงพื้นไม่หยุด “มิบังอาจ เพียงแต่…”
เพล้ง!
ซีเหอที่จู่ๆ ก็ทำกำไลหยกบนข้อมือของตนแตก เนื่องจากกลิ่นอายเทียนตี้แผ่ซ่านออกมาจากกำไลหยก ช่วยทำลายการสะกดจุดของเยี่ยนอวี๋ นางจึงพูดได้แล้ว “เจ้าทำเช่นนี้มิได้! หยวนชูเจ้าจะทำเช่นไรกับข้าก็ได้ แต่เจ้าห้ามทำเช่นนี้กับลูกชายข้า”
เยี่ยนอวี๋เลิกคิ้ว… สิ่งที่นางมองกลับไม่ใช่ซีเหอ แต่คือกำไลหยกที่ซีเหอทำแตก
ครานี้เอง…ซีเหอยังไม่รู้ตัว แต่เยี่ยนอวี๋สัมผัสได้ว่าเทียนตี้ที่อยู่ในจักรวาลดั้งเดิมมีความเคลื่อนไหวแล้ว
ตั้งแต่ที่ขึ้นมาตำหนักสวรรค์ เยี่ยนอวี๋ก็รับรู้แล้วว่าเทียนตี้กำลังเลื่อนขั้น ดังนั้นการอัญเชิญเหล่าขุนเขาและท้องทะเลเมื่อครู่ นางจึงตั้งใจไม่อัญเชิญเทียนตี้ ทว่านางได้อัญเชิญวิหคทมิฬ แต่ฝ่ายหลังไม่ได้ปรากฏตัวเหมือนกับเทียนตี้ที่ไม่ได้ถูกอัญเชิญ
บัดนี้ซีเหอทำกำไลหยกที่เทียนตี้ให้นางแตก กลิ่นอายเทียนตี้อันคลุมเครือที่แผ่ซ่านออกมาแฝงพลังของเทียนตี้ไว้ มันคือยันต์ป้องกันตัวที่เทียนตี้ทิ้งไว้ให้ซีเหอ
ซีเหอยังไม่รู้สึกตัว… แต่ตี้เซินรู้แล้ว เขามองไปที่กำไลหยกแบบเดียวกันบนข้อมือของตนเอง
ก่อนหน้านี้ แม้เยี่ยนอวี๋จัดการตี้เซินไปแต่กลับไม่ได้แตะต้องกำไลหยกนั่น สุดท้ายก็ไม่ได้เอาชีวิตตี้เซิน ดังนั้นกำไลหยกจึงไม่ได้แตก ตี้เซินจึงไม่รู้ว่าเสด็จพ่อของเขาก็ใช่ว่าจะไม่สนใจไยดี เช่นเดียวกับที่มิได้เมินเฉยต่อเสด็จแม่
ถึงแม้จะจำศีลสามหมื่นปีไม่ออกมาเพราะเจ็บปวดกับการสูญเสียญาติผู้เป็นที่รักไป แต่เทียนตี้ก็ทิ้งยันต์ป้องกันไว้ให้ชายาและธิดาสุดที่รัก การคุ้มครองเช่นนี้อันที่จริงสร้างภาระอย่างมากต่อการเลื่อนขั้นของเขาเอง ดังนั้นเมื่อกำไลหยกที่เทียนตี้มอบให้ซีเหอถูกทำลาย เทียนตี้จึงตื่นขึ้นแล้ว พลังจิตของเขาแผ่ซ่านออกมาจากจักรวาลดั้งเดิมอย่างเงียบๆ
ซีเหอกลับยังคงไม่รู้เรื่องเพราะว่านางในบัดนี้พุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เยี่ยนอวี๋ “หยวนชู เจ้ามีความแค้นหรือความเกลียดชังอะไรก็ให้มาลงที่ข้า! เอาเป็นว่าข้าผิดเอง ข้าไม่ควรลงมือกับสมุนเก่าของเจ้า แม้พวกเขาจะข่มเหงรังแกข้าและลูกชายข้าก็ตาม ข้าไม่สมควรลงมือกับทายาทของฝ่าบาท แม้พวกเขาจะไม่เคารพมารดาใหญ่คนนี้ก็ตาม! ข้ายอมรับผิด ข้ายอมรับผิดทั้งหมด เจ้าจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้! ขอเพียงเจ้าปล่อยเซินเซินไป เขาไม่มีความผิด เขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆ! ทุกอย่างคือความผิดของข้าเอง!”