ตอนที่ 506 หยวนสื่อเทียนจุนเปิดโปง
ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต แม้แต่กลิ่นอายของหยวนสื่อเทียนจุนก็ไม่มี นี่มัน…
หัวใจของเยี่ยนอวี๋จมดิ่งลงทันที ทว่า…
“ไป”
ต้าซือมิ่งที่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติแทบจะเวลาเดียวกันกับภรรยา เขาก็โอบภรรยาเหินเข้าไปในส่วนลึกสุดของตำหนักเทียนจุน พันธนาการและค่ายกลที่สัมผัสตลอดทางล้วนถูกรัศมีสีฟ้าที่แผ่ซ่านออกมาจากรอบกายเขากัดกร่อนจนหมดสิ้น
ภาพเช่นนี้ทำให้เทียนตี้ที่ตามติดมาหรี่ตาลงเล็กน้อย ส่วนตี้เซินที่ถูกเขาหิ้วมาด้วย ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความตะลึง “จักรพรรดิอสูรคนนี้…”
กระแสน้ำสีฟ้าที่ระเบิดในทะเลสาบสือซ่าไห่ก่อนหน้านี้ก็คือกลิ่นอายนี้ ดังนั้นพลังที่ทำลายผนึกของหยวนสื่อเทียนจุนคือจักรพรรดิอสูรคนนี้ ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกเขาว่าสวามีของปฐมราชินีแล้ว แข็งแกร่งจริงๆ เกรงว่าจะเก่งกาจยิ่งกว่าหยวนสื่อเทียนจุนเสียอีก
…
ในขณะที่ตี้เซินตะลึงกับกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาของต้าซือมิ่ง ต้าซือมิ่งก็พาภรรยาและลูกปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าห้องจำศีลของหยวนสื่อเทียนจุนแล้ว
ประตูห้องจำศีลนั่นก็ถูกต้าซือมิ่งเปิดออกด้วยแสงสีฟ้าที่กวาดออกไป ประกายเพลิงนิพพานเฟิ่งหวงพุ่งทะลักออกมาทันที
“หงส์เทพ?” เทียนตี้จำได้ทันที เพลิงนิพพานเฟิ่งหวงเหล่านี้มาจากหงส์เทพ
เยี่ยนอวี๋เองก็รับรู้ถึงแล้ว พลังจิตของหงส์เทพรวมตัวก่อเป็นร่างวิญญาณปรากฏขึ้นท่ามกลางเพลิงไฟ “รีบ ช่วย เทียนจุน…”
เมื่อนางเพิ่งพูดจบ เพลิงนิพพานเฟิ่งหวงที่ทะลักออกมาจากในห้องก็สลายไปอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายและจิตวิญญาณของหงส์เทพกำลังสลายไปอย่างรวดเร็ว มันเป็นสัญญาณของการแตกสลายอย่างสมบูรณ์
“รวม”
เยี่ยนอวี๋รีบใช้พลังฟื้นคืนชีพรวบรวมเพลิงนิพพานเฟิ่งหวงที่สลายไว้เหนือฝ่ามือ ในขณะที่ทำเช่นนี้นางก็เหินเข้าไปในห้องจำศีล
ในห้องจำศีล หยวนสื่อเทียนจุนที่รอบกายถูกปกคลุมด้วยเพลิงนิพพานเฟิ่งหวง ใบหน้าของเขาปรากฏรอยแตกร้าวชัดเจน นี่คือร่องรอยการสิ้นสุดชีวิตของทวยเทพรุ่นแรก
เห็นได้ชัดว่าหงส์เทพกำลังใช้เพลิงนิพพานเฟิ่งหวงของนางกระตุ้นพลังเกิดใหม่นิพพาน เพื่อยับยั้งการสิ้นสุดชีวิตของหยวนสื่อเทียนจุนไว้ แต่สำหรับหยวนสื่อเทียนจุนแล้ว ตบะของนางต่ำเกินไปจึงไม่สามารถยับยั้งไว้ได้
โชคดีที่เยี่ยนอวี๋มาแล้ว นางกำลังใช้วิชาฟื้นคืนชีพช่วยหยวนสื่อเทียนจุน ขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งว่า “เทียนจุน ตื่น”
เยี่ยนอวี๋ที่พบว่าหยวนสื่อเทียนจุนมีจิตสับสนวุ่นวายตั้งแต่ที่เข้ามา นางย่อมต้องปลุกหยวนสื่อเทียนจุนให้ตื่น เพราะอาการสับสนวุ่นวายของเขานั้นผิดปกติ ไม่ใช่เหมือนเมื่อครั้งที่นางรู้สึกได้จากเมืองสุริยันจันทรา แต่เป็นอาการที่เหมือนกับถูกบางสิ่งกักขังไว้
ในขณะเดียวกัน…ไป๋ตี้เซ่าเฮ่าที่เพิ่งปรากฏตัวมาก็เอ่ยขึ้นว่า “เทพที่เหลือในตำหนักเทียนจุนล้วนสิ้นชีพ”
“สิ้นใจไปอย่างพิกล” เทพอัสนีขมวดคิ้วพลางหิ้วร่างศพออกมา
เทียนตี้เห็นแล้วก็เข้าใจทันทีว่า ‘แปลกพิกล’ ที่เทพอัสนีกล่าวถึงคือเรื่องอะไรกันแน่ เทพองค์นี้ตายอย่าง ‘สงบสุข’ เป็นพิเศษ เทพองค์นี้ก่อนหน้านี้น่าจะกำลังชงชา เมื่อตายยังคงท่าทางและสีหน้าขณะชงชาไว้ แต่ไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว
“ข้าไม่เคยเจอการตายเช่นนี้มาก่อน” เทียนตี้ขมวดคิ้วก่อนจะยื่นมือไปแตะหน้าผากของเทพองค์นี้เพื่อจับความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่เทพองค์นี้จะตาย
นี่คือพลังวินิจฉัยอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นพลังวิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ของเทียนตี้ สำหรับผู้อื่นแล้ว ตายก็คือตายไม่สามารถพิสูจน์หาหลักฐานใดได้ แต่สำหรับเทียนตี้แล้วกลับมิใช่เช่นนั้น เขาสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่ผู้ตายได้เห็นได้ยินและได้สัมผัสในตอนสุดท้ายก่อนตาย แม้ผู้ตายจะไร้ซึ่งร่างศพ ตราบใดที่เทียนตี้อยากรู้ เขาก็สามารถสัมผัสถึงความคิดสุดท้ายของผู้ตายได้ผ่านการคิดรำพึงถึงผู้ตาย ดังนั้นเมื่อเทียนตี้เก็บมือกลับไป เซ่าเฮ่าก็ถามขึ้นทันทีว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่มีความผิดปกติใดๆ” เทียนตี้ส่ายศีรษะนัยน์ตาเคร่งขรึม รู้ว่านี่คือความผิดปกติครั้งใหญ่ที่สุด ถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ตายจะไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ก่อนตาย
มิหนำซ้ำผู้ที่เทพอัสนีนำตัวมาเป็นถึงยอดท่านเทพ ผู้รับใช้ที่เก่งกาจที่สุดในตำหนักเทียนจุนท่านหนึ่ง ผู้ดำรงชีวิตระดับนี้ไม่มีทางไร้ซึ่งลางสังหรณ์ก่อนตาย ทว่าก็ไม่มีเลยจริงๆ…
“เช่นนั้นนี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน” ซีหวังหมู่ที่พาสามพ่อลูกเยี่ยนชิงเร่งตามมาถึงมันก็ไม่เข้าใจ “เทียนตี้ ไม่ใช่ว่าเจ้ายิ่งบำเพ็ญเพียรก็ยิ่งถดถอยลงหรอกนะ สัมผัสอะไรไม่ได้เลยหรือ”
“…ใช่” เทียนตี้ตอบพลางส่งกระแสจิตสัมผัสออกไปทั่วทุกมุมของตำหนักเทียนจุน พยายามสืบหาเบาะแสบางอย่าง สุดท้าย…เขาก็พบบางอย่างเข้าจริงๆ
ทว่าหยวนสื่อเทียนจุนที่ลืมตาขึ้นเล็กน้อยก็เอ่ยขึ้นว่า “แค่ก พอแล้ว ปฐมราชินี ที่เหลือข้าเอง ท่านไปช่วยหงส์เทพก่อนเถิด”
“ได้” เยี่ยนอวี๋เก็บพลังฟื้นคืนชีพกลับคืนก่อนจะหล่อเลี้ยงเลือดอันศักดิ์สิทธิ์ของเฟิ่งหวงที่รวมตัวอยู่เหนือฝ่ามือของนาง ทำให้วิญญาณและกลิ่นอายของหงส์เทพที่อยู่กระจัดกระจายรวบรวมกลับมา
หากเป็นเทพองค์อื่น แม้จะเป็นมหาเทพ เมื่อวิญญาณสลายถึงระดับนี้แล้วย่อมไม่มีทางช่วยได้แล้ว แต่หงส์เทพกลับต่างออกไป สิ่งที่ถูกปลุกในตัวนางคือโลหิตอันศักดิ์สิทธิ์ของเฟิ่งหวงที่บริสุทธิ์ยิ่งนัก ดังนั้นตราบใดที่ยังมีเลือดบริสุทธิ์สมบูรณ์เพียงหนึ่งหยดหลงเหลืออยู่ นางก็จะเกิดใหม่ได้
ดังนั้น… เมื่อหยวนสื่อเทียนจุนรักษาร่างกายที่แตกสลายของตนเองไว้ได้แล้ว พลังจิตของหงส์เทพก็ถูกรวบรวมกลับคืนและจมหายเข้าไปในโลหิตสีดำทองหยดหนึ่งที่อยู่เหนือฝ่ามือเยี่ยนอวี๋
“ว้าววว” เยี่ยนอวี๋เป่าเกือบจะยื่นมือไปจับ ดีที่เขาหักห้ามใจไว้ได้ ไม่ได้ยื่นมือไป ไม่เช่นนั้นหงส์เทพคงถูกเผาจนสลายเพราะนางยังอ่อนแออยู่มาก
ส่วนหยวนสื่อเทียนจุน เขาก็กล่าวขอบคุณ “ขอบคุณสหายน้อยหงส์เทพ”
หงส์เทพที่ไม่สามารถตอบได้ก็เตรียมพร้อมเกิดใหม่แล้ว
เทียนตี้กลับถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น”
หยวนสื่อเทียนจุนที่ถูกถาม สีหน้าเคร่งขรึมลงในทันใด เขากลับพูดว่า “เรื่องนี้อาจจะต้องไปคุยกันในจักรวาลดั้งเดิม”
เมื่อสิ้นเสียง…เทียนตี้และเซ่าเฮ่าสีหน้าพลันเปลี่ยน เยี่ยนอวี๋เองก็แสดงแววตาเคร่งขรึม “ได้ เรากลับไปคุยที่จักรวาลดั้งเดิม”
ทว่า…ต้าซือมิ่งกลับไม่เห็นด้วย “ใช่ว่าจักรวาลดั้งเดิมจะปลอดภัย ข้าช่วยสร้างค่ายกลเอง”
“จวินโฮ่ว ท่านไหวหรือ” แม้ซีหวังหมู่ไม่รู้ว่าพวกเขาเหล่านี้กำลังเล่นทายคำปริศนาอะไรกันอยู่ แต่มันรู้ว่าในเมื่อหยวนสื่อเทียนจุนขอให้ไปคุยกันในจักรวาลดั้งเดิม นั่นก็หมายความว่าสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามีหูมีตา
ครั้งนี้อย่าว่าแต่ซีหวังหมู่เลย แม้แต่เยี่ยนอวี๋ก็อดถามไม่ได้ว่า “ค่ายกลของเจ้ากันเสียงได้ไม่ดีมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ”
ต้าซือมิ่งที่ก่อนหน้าเอาใจภรรยา ตอนนี้กลับล่มไม่เป็นท่า เขาลบคำสบประมาทอย่างจริงจังว่า “หลอมผสานเลื่อนขั้นแล้ว”
เมื่อพูดจบต้าซือมิ่งก็เริ่มสร้างค่ายกล แม้แต่เทียนตี้ก็ไม่ทันพูดแทรก ได้แค่ถามเยี่ยนอวี๋อย่างไม่เชื่อใจนักว่า “เขา… ไหวหรือ”
เยี่ยนอวี๋กลับพยักหน้า “ในเมื่อสามีบอกว่าได้ ย่อมไม่มีปัญหา”
“ไม่มีปัญหาจริงๆ ด้วย” หยวนสื่อเทียนจุนคือบรมครูผู้ริเริ่มค่ายกล ย่อมเห็นวิถีทางความเป็นไปได้ เขาผ่อนคลายลงเล็กน้อยและยังเอ่ยเน้นทีละคำขึ้นหลังจากต้าซือมิ่งสร้างค่ายกลเสร็จแล้วว่า “ข้าคิดว่าแอนนาฟื้นคืนชีพแล้ว อีกทั้งนางยัง…”