เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 507 เรือนหอที่มาช้า

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ตอนที่ 507 เรือนหอที่มาช้า

“แค่ก แค่กๆ…” หยวนสื่อเทียนจุนที่เพิ่งพูดได้สองประโยคก็ไอไม่หยุดและยังอาเจียนเป็นเลือดออกมา ทำให้เด็กน้อยที่เห็นดังนั้นส่ายศีรษะน้อยๆ ของเขาไม่หยุด ทำหน้าเวทนาหนักหนา

ทุกคนที่เคร่งเครียดเห็นดังนั้นก็อยากจะหัวเราะ แต่คิดว่าถ้าหัวเราะแล้วจะทำให้หยวนสื่อเทียนจุนดูไม่ดี ทว่าหลังจากหยวนสื่อเทียนจุนอาการดีขึ้นกลับยิ้มขึ้น “นายน้อยน่ารักจริงๆ”

“อย่า… พูด…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่า ท่านปู่ท่านรีบรักษาตัวเถอะ เป่าเห็นแล้วอนาถใจจะแย่

พรวด ซีหวังหมู่และจิ่วอิงกลั้นไม่อยู่ พวกมันหัวเราะออกมาแล้ว

จิ่วอิงคาบเด็กน้อยจากอ้อมอกของท่านพ่อเขามา “นักแสดงตัวน้อย”

“ฉลาด” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายังไม่รู้ว่านักแสดงคืออะไร แต่ก็พยายามอธิบายว่า นักแสดงหมายถึงคนฉลาด

หยวนสื่อเทียนจุนยิ้มอย่างเชื่องช้า “ใช่แล้ว นายน้อยฉลาดหลักแหลม น่ารักน่าชัง”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าซบลงบนศีรษะของจิ่วอิง น่าจะเป็นเพราะถูกชมจนรู้สึกเคอะเขิน

หยวนสื่อเทียนจุนที่แต่เดิมร้อนใจและกระวนกระวายใจกลับสงบนิ่งลงเพราะเด็กน้อย ทำให้เขาพูดได้อย่างสบายใจว่า “แอนนาอยู่ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้ว อย่างน้อยจิตตานุภาพของนางก็ลักลอบเข้ามาแล้ว และยังเป็นเวลานานแล้วด้วย ข้าคิดว่าเรื่องที่ปฐมราชินีร่วงหล่นเกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับแอนนา เพราะว่าจิตตานุภาพของแอนนาแผ่ซ่านคำสาปสะกดใจอย่างกลมกลืนตลอดเวลา”

“คำสาปสะกดใจ?” ซีหวังหมู่เกาศีรษะ “คำสาปสะกดใจที่มีระดับต่ำกว่าคำสาปสะกดจิตมีผลด้วยหรือ”

เทียนตี้กลับรู้ว่า “สำหรับผู้มีจิตใจเรียบง่ายเช่นเจ้าซีซี คำสาปสะกดใจย่อมไร้ผล แต่สำหรับเทพส่วนใหญ่ที่ต้องใช้จิตนึกคิดเพื่อตระหนักรู้ความลึกลับของจักรวาลและค่อยๆ เลื่อนขั้น ทั้งกระบวนการนี้หากไม่ระวังย่อมโดนคำสาปสะกดใจได้ง่าย”

“ใช่แล้ว” หยวนสื่อเทียนจุนหยักหน้า “อีกทั้งยังยากที่จะรู้ตัว เช่นข้า หากไม่ใช่เพราะถูกปฐมราชินีปลุกให้ตื่น เกรงว่าบัดนี้ข้าคงยังไม่พบว่ามีปัญหา”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เยี่ยนอวี๋ก็ถามว่า “เจ้าล่ะเป็นอะไรมากไหม หลักธรรมอื่นไม่ไปตระหนักรู้ แต่ไปตระหนักรู้หนทางสู่การกลับสู่ธรรมชาติ”

“หากไม่ใช่เพราะปฐมราชินี ตาแก่เช่นข้าคงไม่อยากตระหนักรู้วิถีหวนสู่ธรรมชาติหรอก” น้ำเสียงของหยวนสื่อเทียนจุนเจือความน้อยใจ

เยี่ยนอวี๋ “…”

ก็ได้ นางเดาไม่ผิดจริงด้วย

หยวนสื่อเทียนจุนยังพูดอีกว่า “ปฐมราชินีท่านร่วงหล่นไปกะทันหันจริงๆ ข้าจึงคิดจะตระหนักรู้วิถีกลับสู่ธรรมชาติเพื่อสืบหาข่าวเกี่ยวกับการร่วงหล่นของท่านว่ามีมิชอบมาพากลหรือไม่”

“จากนั้นก็เกือบพาตนเองไปตาย” เยี่ยนอวี๋อดพูดไม่ได้ “เมื่อก่อนที่ข้าอยู่ก็ไม่เคยคิดว่าพวกเจ้าจะไม่เอาไหน เหตุใดข้าเพิ่งร่วงหล่นไปสามหมื่นปี พวกเจ้าก็ทำอะไรไม่เอาไหนเอาเสียเลย”

เยี่ยนอวี๋อยากพูดเช่นนี้มานานแล้ว ก่อนหน้านี้แค่ยังไม่ได้โอกาสเหมาะสมจึงไม่ได้พูด

ครานี้ดีแล้ว ไล่เทศนาทีละคนเสียเลย “เทียนตี้ ในฐานะที่เจ้าเป็นจักรพรรดิทั้งสามโลก เจ้าอยากจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นสร้างโลกน่ะไม่ผิด ความคิดก็ดี ความสามารถก็ถึง และก็เป็นวิถีทางแห่งการขจัดรากของปัญหาทั้งปวงได้ แต่ว่า…สวรรค์เก้าชั้นฟ้าในตอนนี้ เจ้าขยี้ตาตนเองดูให้ดี สวรรค์เก้าชั้นฟ้าในตอนนี้ไม่ได้ต่างจากสภาพเพิ่งปรับปรุงใหม่หลังล่มสลายเลย”

“ชู…”

“หุบปาก เรียกอาจารย์ หากยังบังอาจเรียกชูชู อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ เรียกประชุมทวยเทพ จะอัดเจ้าต่อหน้าทุกคนให้ดู” เยี่ยนอวี๋ตอกกลับทันที

เทียนตี้กล่าวอย่างรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “เมื่อก่อนท่านไม่สนใจชื่อเรียกเหล่านี้ ท่านก็แค่ตามใจสามีของท่าน” มีสามีแล้วลืมศีลธรรม คำนี้เทียนตี้ไม่กล้าพูดออกมา แต่ความหมายที่แท้จริงทุกคนย่อมรู้

ต้าซือมิ่งยังดึงดึนจะพูดต่อว่า “ช่วยไม่ได้ที่ข้าหล่อ”

เทียนตี้ “…”

ไม่เคยพบเจอชายดอกบัวขาวไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน

แต่แล้ว…

“ใช่”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าผู้รักพ่อสมชื่อส่งเสียงหน่อมแน้ม “พ่อ พ่อ หล่อที่สุด เหมือน เหมือนเป่า”

พรวด ทุกคนหลุดหัวเราะอีกครั้ง

เยี่ยนอวี๋เกือบจะสั่งสอนต่อไปไม่ได้ แต่นางต้องรักษาเกียรติของทุกคนไว้ นางจึงพูดถึงซีหวังหมู่และตนอื่นๆ ต่อว่า “แล้วก็พวกเจ้า เซ่าเฮ่าก็เหมือนกัน ไหนเจ้าลองพูดเสียหน่อยดีหรือไม่ว่าเจ้าประสบปัญหาอย่างไร”

จักพรรดิขาวกลายเป็นจักรพรรดิชมพู[1]ไปเสียแล้ว ใบหน้าของเขาแดงไปหมด ท่าทีเลิ่กลั่ก

เยี่ยนอวี๋ยิ้มเย็นชา “พวกไร้ประโยชน์”

“ก็เลี้ยงดูโดยท่านทั้งนั้น…” เทียนตี้เถียงกลับเสียงเบา

ตี้เซิน “…”

ภาพลักษณ์ของเสด็จพ่อในใจเขาพังทลายลงครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าเขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเขาคือโอรสที่แท้จริงของเสด็จพ่อ เขาเองก็ชอบต่อล้อต่อเถียงกับเสด็จแม่เช่นนี้มิใช่หรือ

…เมื่อคิดได้เช่นนี้ ตี้เซินก็คอตก

ทว่าเยี่ยนอวี๋เอ่ยมาถึงเขาพอดี “คานบนไม่ตรงคานล่างย่อมเอียง ข้าว่าเจ้าคำเดียวยังกล้าโต้เถียง บุตรของเจ้าได้มาจากเจ้าทั้งนั้น เก่งแต่พูด สมควรแล้วที่ถูกเล่นงานจนพิการ”

ตี้เซิน “…”

อยู่เฉยๆ ยังถูกแขวะจะทำอย่างไรได้

เทียนตี้ “…” ลืมไปว่าโอรสอยู่ที่นี่ เริ่มใหม่อีกครั้งได้หรือไม่

ดีที่หยวนสื่อเทียนจุนพูดอย่าง ‘ยุติธรรม’ ว่า “ปฐมราชินี สำหรับพวกข้าแล้ว ท่านย่อมสำคัญกว่าชีวิตของพวกข้า หากการตายสามารถแลกมาด้วยความจริงที่ท่านร่วงหล่น พวกข้าก็ไม่เสียดาย ส่วนเทียนตี้ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ นั้นเขาทั้งเจ้าชู้และสารเลว ต่อไปท่านต้องเลือกชายาดีๆ สักคนให้เขา เรือนหลังจะได้ไม่ไฟไหม้ ไม่ต้องคอยกังวลใจ”

เทียนตี้ “…”

เจ้าชู้น่ะเขายอมรับ แต่สารเลวนี่คืออะไรกัน พวกนางอยากได้อะไร เขาก็ให้หมดแล้วมิใช่หรือ

“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย พูดเรื่องแอนนาก่อน หยวนสื่อแหตุใดเจ้าจึงคิดว่าคือแอนนา แล้วก็เจ้าคิดว่ามีเทพจำนวนเท่าไรต้องคำสาปสะกดใจแล้วหรือ” เซ่าเฮ่าผู้หลักแหลมรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

เยี่ยนอวี๋เองก็ไม่ได้สั่งสอนต่อไป ถึงอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้สำคัญที่สุด แต่นางก็รู้ว่า เรื่องนี้เกรงว่าจะตรวจสอบได้ยาก ถึงอย่างไรผลกระทบทางจิตวิญญาณนั้นก็ลึกลับเกินไป

หยวนสื่อเทียนจุนเองก็ส่ายศีรษะกล่าวว่า “พูดยาก แต่เทียนโฮ่วซีเหอ ไท่ซ่าง หงเหมิง และเทพตกสวรรค์ต้องคำสาปเป็นแน่ มิเช่นนั้นพวกเขาจะกล้าหาญเพียงใดก็ไม่กล้าทรยศปฐมราชินี พวกเขาล้วนเป็นผู้ที่เคยประจักษ์อิทธิฤทธิ์ของปฐมราชินีมาก่อน โดยเฉพาะหงเหมิงอาจารย์ของข้า เขา…”

“นั่นก็เป็นเพราะเขามีความคิดเช่นนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คำสาปสะกดใจจึงมีอิทธิพลต่อผู้ดำรงอยู่เช่นเขา แม้คำสาปสะกดใจจะรับมือยาก แต่หากไม่ใช่เพราะจิตใจแปดเปื้อนก็คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเจ้าน่ะก็เพราะร้อนใจเกินไปจึงมีปัญหา” เทียนตี้ไม่รู้สึกเห็นใจบรรพบุรุษหงเหมิงและเทพองค์อื่นๆ เหล่านั้นเลย ทว่า…

“ลัทธิเต๋าของเจ้า เจ้าจะก่อตั้งลัทธิใหม่ของตนเองในอนาคตก็ได้ อย่างไรก็แล้วแต่ ข้ามิสามารถอภัยให้ลัทธิเต๋าได้ ลัทธิสุนัขที่ทงเทียนเจ้าบัดซบเป็นผู้นำนั่น” เทียนตี้แสดงอารมณ์

หยวนสื่อเทียนจุนส่ายศีรษะ “เรื่องนี้ไว้คุยกันวันหลัง ตอนนี้ปัญหาเรื่องแอนนารุนแรงกว่า มิทราบว่าปฐมราชินีท่านมีวิธีแก้ไขหรือไม่”

“ยังไม่มี” เยี่ยนอวี๋ส่ายศีรษะ และพูดถึงประเด็นของปัญหา “เพราะว่าข้าไม่สามารถจับกลิ่นอายของแอนนาได้เลย ไม่มีแม้แต่น้อย”

หากไม่ใช่เพราะหยวนสื่อเทียนจุนมั่นใจว่าคือแอนนา เยี่ยนอวี๋คงไม่คิดเช่นนี้ ถึงอย่างไร… “ซากศพของแอนนาก็ถูกสามีกลืนไปแล้ว”

“อะไรนะ” เทียนตี้และคนอื่นๆ เหลือบมองต้าซือมิ่ง ไอ้ของนั่นกลืนได้ด้วยหรือ ไม่มีอาการอาหารไม่ย่อยหรือ

ทว่า…ต้าซือมิ่งพูดขึ้นว่า “ยังคายออกมาได้”

ต้าซือมิ่งที่พูดว่า ‘คาย’ ก็ ‘คาย’ ออกมาก็เผยซากศพขนาดใหญ่ของแอนนาออกมาเพียงสะบัดแขนเสื้อ เรียกความสนใจของเจ้าตัวน้อยได้ทันที เขายังไม่ลืมครั้งที่แล้วที่เขาเพิ่ง ‘กัด’ นิ้วหัวแม่เท้าของเจ้าหมอนั่นไปและถูกท่านพ่อของเขาแคะออกมา

ทุกคนในเหตุการณ์ “…” ?

ในอดีตหยวนสื่อเทียนจุนใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อนำซากศพของแอนนาและเทพมารอื่นๆ ผนึกไว้ในทะเลสาบสือซ่าไห่อย่างสมบูรณ์ บัดนี้ต้าซือมิ่งกลับพกซากศพแอนนาติดตัวมาด้วย? ที่สำคัญคือยังไม่มีกลิ่นอายใดๆ เล็ดลอดออกมา หากไม่ใช่เพราะต้าซือมิ่งปล่อยมันออกมา แม้แต่เยี่ยนอวี๋ก็คงไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นสามีนางไม่ได้กลืนกินไป เพียงแค่ ‘ซ่อน’ เอาไว้

“…ซากศพยังอยู่ ข้าอาจจะจับจิตตานุภาพที่ซุกซ่อนอยู่ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้ผ่านการสัมผัสซากศพ ส่วนปัญหาที่ว่าเทพองค์อื่นๆ โดนคำสาปสะกดใจหรือไม่นั้น…”

“ข้าเอง” เทียนตี้พูดต่อจากเยี่ยนอวี๋ “ข้าเลื่อนขั้นแล้วและยังมีความสามารถในการตรวจสอบเทพที่ยังทำหน้าที่หลักได้ นอกจากนี้ หยวนสื่อ ตำหนักเทียนจุนของเจ้ามีสายของเผ่ามารปะปนอยู่ด้วย”

เมื่อพูดจบ เทียนตี้ก็ปรายมองต้าซือมิ่งทีหนึ่งและพูดต่อไปว่า “ยุวเทพองค์นั้น เขาคือหนึ่งเดียวในตำหนักเจ้าที่รู้ว่าใครเป็นใครตาย ลองตรวจสอบดูดีๆ อาจจะพบเบาะแสใหม่ก็เป็นได้”

“แอนนาและแดนมืดในตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน” ต้าซือมิ่งที่ถูกพาดพิงเอ่ยขึ้น “แดนมืดในบัดนี้อยู่ในกำมือของข้า หากมีความผิดปกติ ข้าย่อมต้องรู้”

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” เทียนตี้ตอบอย่างไม่สนใจนัก ขณะเดียวกันก็พูดต่อไปว่า “หยวนสื่อต้องการพักฟื้น ชู… อาจารย์ เราแยกย้ายกันก่อนเถอะ ให้เซ่าเฮ่าอยู่ที่นี่”

“อืม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้าก่อนจะออกคำสั่งว่า “เสี่ยวเหลย เจ้าไปโลกมนุษย์รับเสี่ยวอิงขึ้นมา มันจับเทียนอ๋องท่านหนึ่งไว้แล้วก็ซานเซิงเจ้าเด็กนั่น…”

“ข้าไปดูกับเซินเซินเอง” เทียนตี้กล่าว

เยี่ยนอวี๋ไม่พูดมากอีก ทว่านางยังไม่ได้ออกจากตำหนักหยวนสื่อเทียนจุน อยากรอให้หยวนสื่อเทียนจุนหายดีก่อนแล้วค่อยคุย ดังนั้นนางทั้งครอบครัวจึงอยู่ในตำหนักเทียนจุนชั่วคราว

สามพ่อลูกเยี่ยนชิงก็เพิ่งผ่านเหตุการณ์ลึกลับและระทึกขวัญมา ต้องพักผ่อนเพื่อให้สมองได้ชะลอการรับข้อมูลมหาศาล มิเช่นนั้นคงสับสนจนยุ่งเหยิง ยากที่จะปรับตัวยอมรับความจริงได้

เด็กน้อยเรียกท่านพ่อของเขาให้มาช่วยทำอาหารให้อย่างมีความสุขแล้ว และยังเรียกร้อง “เอาเนื้อเยอะ เยอะ เป่าชอบ พ่อ อย่าอู้”

ต้าซือมิ่ง “…”

แค่ไม่ได้ให้เนื้อกินครั้งเดียว เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ …สมแล้วที่เป็นลูกของเขาหรงอี้

ต้าซือมิ่งที่คิดถึง ‘เนื้อ’ ของตนเองเช่นกันก็รีบทำอาหาร ป้อนเด็กน้อยและกล่อมเขานอนเงียบๆ

เยี่ยนอวี๋ใช้เวลาว่างช่วยเหลือการเกิดใหม่ของหงส์เทพ เมื่อนางเสร็จธุระแล้วเดินมาดูสองพ่อลูก เด็กน้อยก็หลับปุ๋ยในอ้อมกอดของท่านพ่อเขาแล้ว

“กินอิ่มแล้วหรือ” เยี่ยนอวี๋หยิกแก้มนุ่มนิ่มของเด็กน้อยเบาๆ และพูดเสียงเบาว่า “ช่วงนี้เสี่ยวเป่าไม่ได้นอนหลับดีๆ เท่าไรเลย ครั้งนี้น่าจะได้นอนนานขึ้นสักเล็กน้อยแล้วสินะ”

เยี่ยนอวี๋ที่รู้ว่าเด็กน้อยหลักแหลมมากรู้แก่ใจดีว่า ช่วงนี้เจ้าตัวน้อยไม่ได้นอนหลับสนิทเพราะปัญหามากมายของผู้ใหญ่ ทำให้นางรู้สึกสงสารจับใจ

แต่ว่าเยี่ยนอวี๋ที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากพ่อเด็ก นางเงยหน้าขึ้นด้วยความงงงวย แน่นอนว่าเห็นต้าซือมิ่งกำลังเลิกคิ้วมองมาที่นาง

“ทำไมหรือ” เยี่ยนอวี๋กะพริบตาถาม

“เด็กน้อยอิ่มแล้ว แต่สามีเจ้าหิวมาตลอดเลย”

[1] ไป๋ตี้ แปลว่า จักรพรรดิขาว

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท