ตอนที่ 510 ต้าซือมิ่งอีกคนปรากฏตัว
เขาคว้าไข่สีดำฟองหนึ่งได้ ขนาดเท่ากับไข่ไก่ทั่วไปแต่กลับไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต
นี่มัน…เยี่ยนอวี๋ที่มองมาพูดทันทีว่า “น้องของเจ้าลูกไก่หรือ”
ต้าซือมิ่งหมดคำพูดในทันที เพราะทำให้เขานึกถึงพ่อไก่ไปตามสัญชาติญาณ
อันที่จริงเยี่ยนอวี๋เพียงแค่หยอกต้าซือมิ่งเล่นเท่านั้น แต่ตนเองกลับหัวเราะออกมาเสียก่อน
ต้าซือมิ่งที่หยิบไข่ฟองนั้นแล้วก็มาปรากฏตัวข้างกายภรรยา เขายังหันไปกัดติ่งหูของภรรยาเบาๆ ทำเอาเยี่ยนอวี๋ที่ไม่ทันตั้งตัวร้อง ซี๊ด หูแดงไปหมด
ต้าซือมิ่งยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ ในขณะเดียวกันก็มองไปยังหมู่เทพที่ถูกเยี่ยนอวี๋ปกป้องไว้กลุ่มนั้น เห็นได้ว่าสีหน้าดุร้ายและทุกข์ทรมานของพวกเขาเมื่อครู่นี้ค่อยๆ สงบลงแล้ว
“เหมือนกับว่าพวกเขาล้วนได้รับประโยชน์จากการฟื้นฟูก่อนหน้านี้ของเจ้า” หรงต้าซือมิ่งที่สัมผัสได้ถึงความศรัทธาของเหล่าเทพกลุ่มนี้ก็คาดเดาได้แล้ว
เยี่ยนอวี๋เองก็พยักหน้าพูดว่า “ใช่แล้ว เดิมทีพวกเขามาที่นี่เพื่อต้อนรับข้า ทว่าคลาดกันเสียก่อน แต่ที่นี่ไม่ได้ไกลจากเมืองต้าจ้างฟูนัก ดังนั้นพวกเขาจึงได้โอกาสเลื่อนขั้นขณะที่ข้าฟื้นตัว แต่นี่เกรงว่าจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาถูกจู่โจมเช่นกัน”
“อืม” หรงต้าซือมิ่งที่เห็นด้วยกับภรรยาเขาก็สรุปได้ว่า “แอนนาตนนี้คงไม่อยากให้เจ้าได้รับอิทธิพลต่อจักรวาลเพิ่ม”
นี่คือความจริง เยี่ยนอวี๋รู้แก่ใจดี ถึงอย่างไรมหาเทพยี่สิบกว่าองค์ตรงหน้านี้แทบจะคิดเป็นเจ็ดถึงแปดส่วนของพลังการต่อสู้สูงสุดของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เดิมทีก็ไม่มีอะไร ถึงอย่างไรเหล่าขุนเขาและทะเลที่ฟื้นคืนชีพก็แข็งแกร่งกว่าพวกเขาหลายร้อยเท่า แต่ปัญหาคือมหาเทพเหล่านี้ล้วนกำลังเลื่อนขั้น หากพวกเขาเลื่อนขั้นสำเร็จ เช่นนั้นความสามารถของพวกเขาจะอยู่เหนือกว่ามหาเทพที่มีอยู่มากมาย บางองค์อาจจะเลื่อนขั้นเป็นระดับเทียนอ๋องได้เลยทีเดียว
ระดับขั้นเทียนอ๋องในที่นี้ต่างจากเทียนอ๋องที่ถูกแต่งตั้งโดยเทียนตี้ เพราะว่าพวกเขาไม่ใช่เทียนอ๋องที่ได้รับกฎสวรรค์ แต่เป็นเทียนอ๋องที่ตระหนักรู้และควบคุมกฎสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้ด้วยตนเอง พลังการต่อสู้ของพวกเขาสูงถึงระดับเหล่าขุนเขาและท้องทะเล ย่อมสร้างอิทธิพลไม่ธรรมดา
ที่สำคัญคือ… พวกเขาล้วนศรัทธาในตัวเยี่ยนอวี๋
…
เยี่ยนอวี๋ถอนหายใจเบาๆ “ดูท่าจะเป็นแอนนาจริงด้วย”
การประลองที่ต่อเนื่องล้วนมาจากระดับเจตจำนงและความเชื่อ ผู้ที่มีความสามารถเช่นนี้มีเพียงแอนนาผู้ซึ่งมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกับนาง
“แล้วไข่ฟองนี้คืออะไรกัน” ต้าซือมิ่งที่แบมือเผยให้เห็นไข่ฟองนั้น เขาก็อยากถามว่านี่มันคืออะไรกันอีก ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวจะมีเจ้าลูกเจี๊ยบฟักออกมาเรียกเขาว่าพ่ออีกหรอกนะ แม้รู้ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ต้าซือมิ่งยังคงมีบาดแผลในใจ ทว่าเขาเพิ่งจะ ‘หยิบ’ ไข่ฟองนี้ออกมา
“พ่อ”
มีเสียงเรียกพ่อจริงๆ ด้วย
ต้าซือมิ่ง “…”
นี่เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย
เยี่ยนอวี๋ที่ได้ยินเสียงเรียกก็หันไปมองตามเสียง “เสี่ยวเป่า?”
เซ่าเฮ่าและจิ่วอิงที่เหินมาจากท้องนภาส่งเจ้าตัวน้อยมาถึงอย่างปลอดภัยแล้ว
“แม่”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่สัมผัสกลิ่นอายของท่านพ่อและท่านแม่ได้นานแล้ว ในที่สุดน้ำตาเขาก็หยุดไหล แต่น้ำเสียงยังสะอึกสะอื้น น่าสงสารจับใจ
เมื่อเซ่าเฮ่ามาถึงข้างหน้าพวกเขา เยี่ยนอวี๋ก็เห็นดวงตากลมโตที่ร้องไห้จนบวมของเด็กน้อย พลันรู้สึกสงสาร ครั้นกำลังจะยื่นมือไปอุ้มเด็กน้อยมา เด็กน้อยของนางก็กระโจนเข้าไปในอ้อมอกของท่านพ่อแล้ว จากนั้น…
ตุบ
เยี่ยนอวี๋เป่ากำหมัดทุบอกของท่านพ่อเขาทันที ยังตำหนิเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “พ่อโกหก หนีไปเอง ไม่พาเป่า แงงงง…”
เด็กน้อยตำหนิเสร็จแล้วก็ร้องไห้ บอกว่าตนเองตกใจและรู้สึกน้อยใจมาก
ต้าซือมิ่งจะทำอย่างไรได้ เขาได้แต่รวบตัวเด็กน้อยไว้ให้ดี ปลอบประโลมอย่างไร้หนทางว่า “ก็เจ้านอนอยู่นี่ พ่อและแม่ออกมาทำธุระ ต้องขนาดนี้เลยหรือ”
“แงงงง…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้องไห้ต่อ ไม่พอใจกับการปลอบประโลมของท่านพ่อ
เยี่ยนอวี๋ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อย “เสี่ยวเป่าไม่ร้องแล้ว ครั้งหน้าพาเสี่ยวเป่ามาด้วย ดีหรือไม่”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าถลึงดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตามองท่านพ่อเขา
“พาเจ้ามาด้วย” ต้าซือมิ่งได้แต่ตอบตามนั้น
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงหยุดร้องไห้ได้ในที่สุด แต่กลับเช็ดถูน้ำตาบนตัวท่านพ่อของเขาเหมือนกับเอาคืน จากนั้นก็ยื่นมือน้อยๆ ไปหาท่านแม่อย่างเรียกร้องความสนใจ “แม่…”
ต้าซือมิ่งรวบตัวเด็กน้อยกลับมา “แม่เจ้ายุ่งอยู่”
“เสี่ยวเป่าไม่ร้อง ประเดี๋ยวแม่อุ้มเจ้านะ” เยี่ยนอวี๋ลูบขนอ่อนน้อยๆ บนศีรษะของเด็กน้อย อันที่จริงอยากจะบอกว่าอุ้มเด็กไม่รบกวนนางมากเท่าไร ทว่าในเมื่อพ่อเด็กพูดเช่นนี้แล้วก็ประเดี๋ยวค่อยอุ้มก็ได้
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็เชื่อฟัง เขาแอบอิงซอกคอของท่านพ่ออย่างน่าเอ็นดูแล้ว มือข้างหนึ่งก็กอดคอเรียวยาวของท่านพ่อเขาไว้พลางมองไปรอบทิศ
เซ่าเฮ่าที่ดูถึงตรงนี้ในที่สุดก็โล่งอก “นายท่าน อารมณ์ของนายน้อยไม่ธรรมดาเลย เมื่อครู่นี้เกือบจะใช้ค้อนทุบศีรษะของเทียนตี้แล้ว”
“ขวาง” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่านั่นเป็นเพราะน้องเทียนตี้สมควร ใครให้มาขัดขวางพี่เป่า แต่เป่าดันทุบไม่โดน น่าโมโหจริงๆ
ต้าซือมิ่งที่ลูบเด็กน้อย เขาเองก็รู้สึกพึงพอใจมาก คิดในใจว่าสมแล้วที่เป็นบุตรของเขาหรงอี้ เขาหยิบไข่ฟองนั้นออกมายื่นให้เด็กน้อย
“เอ๋” เยี่ยนเสี่ยวเป่าถูกดึงความสนใจไปแล้ว เขาทำท่าจะคว้าไข่สีดำนั่นมา
เยี่ยนอวี๋รีบเตือนทันที “อย่ายื่นทุกอย่างให้เสี่ยวเป่าสิ ระวังเขา…”
เยี่ยนอวี๋ยังไม่ทันพูดจบ
กร๊อบ
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากัดลงไปแล้ว
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางกำลังจะพูดอยู่พอดีเลย เด็กน้อยคนนี้ช่าง…
เยี่ยนอวี๋พูดไม่ออก ต้าซือมิ่งเองก็มองเด็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ถึงอย่างไรเมื่อไข่ดำฟองนั้นถูกเขากัดแล้ว มันก็มีชีวิตขึ้นมาทันที
“นี่คือ?” เซ่าเฮ่าและจิ่วอิงล้อมเข้ามาดู
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลัวว่าไข่จะถูกแย่งไปจึงกัดไว้แน่น
สุดท้าย… ไข่ยังคงถูกท่านพ่อเขาดึงไปอยู่ดี เขาโกรธจนแหกปากร้อง “ให้เป่าไม่ใช่หรือ”
“ให้เจ้าเล่น ไม่ได้ให้เจ้ากิน” ต้าซือมิ่งที่พูดมีเหตุมีผลศึกษาไข่ใบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เขากำลังสัมผัสสิ่งมีชีวิตในนั้น
ไข่สีดำที่ถูกกัดไปคำหนึ่งกำลังแตกร้าว แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างในไม่ยอมออกมา ทว่ากลิ่นอายข้างในนั่นทำให้เยี่ยนอวี๋เคร่งขรึมลง
ผ่านไปครู่หนึ่ง…ขณะที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าจะไปแย่งไข่สีดำกลับมา
ฟิ้ว
ลำแสงสีดำสว่างวาบออกมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่ามันกำลังจะหนี
น่าเสียดายที่รอบกายมันมีแต่วีรบุรุษไร้เทียมทาน ดังนั้นมันจึงหนีไม่พ้น มันถูกวงแหวนสีฟ้าของต้าซือมิ่งปกคลุมไว้แล้วและยังถูกจับกลับมา
เพียงแต่ว่าสิ่งที่อยู่ภายใต้แสงสีฟ้ากลับทำให้เยี่ยนอวี๋ตกใจ “แอนนา?”
“แอนนา” เซ่าเฮ่าร้องเสียงหลง
เพราะว่าสิ่งที่ถูกแสงสีฟ้าปกคลุมไว้ ขนาดเล็กกว่าไข่นั้นหน้าตาเหมือนแอนนา สิ่งที่ต่างกันคือแอนนาในยุคมารเทพมีขนาดใหญ่มโหฬาร ส่วนตัวนี้กลับ…เล็กเป็นพิเศษ
แน่นอนว่า อาจเป็นไปได้ว่าแอนนาใช้พลังวิเศษย่อขนาดตนเองลง เพียงแต่ว่า… นี่ยังคงทำให้เซ่าเฮ่าตะลึงจนลูกตาแทบถลนออกมา
“แอนนา?” จิ่วอิงมองของเล่นตัวน้อยชิ้นนี้อย่างตั้งใจ มันดูออกว่านี่คือตุ๊กตาหญิงที่มีผมสีดำตาสีแดง แม้ตัวเล็กแต่วิจิตร สวมชุดเกราะสีดำ
“อ้ะ” ‘หุ่นจำลอง’ ฉบับมีชีวิตที่ถูกเรียกว่าแอนนากรีดร้องใส่ทุกคน นัยน์ตาปรากฏความสับสน ดูมีสง่าราศี หากมันไม่เล็กจนเกินไปแล้วล่ะก็
“อ้ะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ส่งเสียง “สวย” เจ้าตัวน้อยที่เล็กเหมือนพ่อตัวน้อยของเขา ร่าเริง อยู่ไม่นิ่งยิ่งกว่าพ่อน้อยที่ท่านพ่อเขาให้ ดูน่าสนุกจังเลย
“พ่อ พ่อ ให้เป่า…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูดพลางยื่นมือออกไปแล้ว
แต่ท่านพ่อเขาไม่ได้ให้เขา ยังคงศึกษาแอนนาตัวน้อยตัวนี้พร้อมขมวดคิ้วแน่น เหมือนกับว่าพบปัญหาบางอย่าง เยี่ยนอวี๋จึงถามตามสัญชาติญาณว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“มีกลิ่นอายคล้ายแดนมืด” หรงอี้ตอบและยังใช้พลังจิตสำรวจเข้าไปในวิญญาณของแอนนาตัวน้อย เพียงชั่ววูบหนึ่ง เขาก็เหมือนกับเห็นบางอย่างเข้าแล้ว
ในขณะเดียวกัน…ณ สถานที่ที่ไม่รู้จัก
กลุ่มของอินหลิวเฟิงที่หนีมาสองสามวัน พวกเขาก็มุดเข้าไปในอาคารปลูกสร้างคล้ายวัดที่ซ่อมซ่อหลังหนึ่ง ในที่สุดก็หลุดพ้นจากการไล่ล่าของไส้เดือนยักษ์เสียที
“มารดามันเถอะ” ลูกไก่สีเหลืองอยากจะร้องไห้ มันเกือบจะถูกกินหลายคราตลอดทาง ตกใจแทบตายอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าไส้เดือนเหล่านั้นคืออะไรกัน เหมือนกับว่าจะอยากกินพวกมันมาก
“ที่นี่ไม่ใช่แดนมืดวิญญาณอสูรหรือ ถิ่นของข้าจักรพรรดิน้อยนี่” ลูกไก่สีเหลืองอยากจะร้องไห้ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกลิ่นอายของตนจึงไม่สามารถทำให้ไส้เดือนยักษ์เหล่านี้เกรงกลัวได้
“มีความเป็นไปได้สองอย่าง” อินหลิวเฟิงหอบพลางพูดว่า “หนึ่งคือสายเลือดของเจ้าหมดประสิทธิผลแล้ว ความเป็นไปได้อีกหนึ่งอย่างคือเกรงว่าที่นี่ไม่ใช่แดนมืดวิญญาณอสูร”
“เช่นนั้นคือที่ไหน” เอ้อร์เหมาถาม “เรามาถึงที่ไหนกัน”
“…” ทุกคนเงียบงัน คำถามนี้ไม่มีใครให้คำตอบได้
ทว่า…
“ข้าคิดว่าที่นี่คือที่ไหนนั้นไม่สำคัญ” จางเจ๋อเหอพูด “สิ่งที่สำคัญคือ พวกเจ้าดูข้างหลังพวกเราสิ”
หลินอวี่รู้สึกไม่ชอบมาพากล
ทุกคนและลูกไก่ตัวหนึ่งค่อยๆ หันกลับไปมอง พวกเขาเห็นโลงศพโลงหนึ่งแล้วกลับไม่แปลกใจนัก โลงศพนั้นสีดำสนิท แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือโลงศพโลงนี้ค่อยๆ เปิดออกอย่างไร้สุ้มเสียง
“บัดซบ”
กลุ่มของอินหลิวเฟิงกอดกันกลมทันที จู่ๆ ก็รู้สึกอยากร้องไห้ แต่แล้ว… เมื่อโลงศพเปิดออก แสงสีทองอร่ามที่ทะลักออกมาจากข้างในกลับทำให้พวกเขารู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“นายท่าน?”
ลูกไก่สีเหลืองรีบบินไปหาทันที
จากนั้น…