ตอนที่ 535 ปกป้องความบริสุทธิ์ของต้าซือมิ่ง!
บนท้องฟ้าที่มีหมู่ดาวรายล้อมเหนือเมืองแอตแลน
ชิ้ง!
ลำแสงสีทองเจิดจ้าวาดผ่านก่อนจะร่วงหล่นลงมายังเมืองแอตแลนราวกับดาวตก ทะลุผ่านชั้นกั้นพื้นที่ของเมืองแอตแลน ร่วงลงมาในปราสาทลาซิน่า ต่างจากการกลับมาของพระชายาลาซิน่า ลำแสงสีทองนี้กระตุ้นการป้องกันหมู่ดาวแอตแลนอย่างเห็นได้ชัด ท้องฟ้าทั้งเมืองสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
ราชวงศ์ทั้งสี่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของแอตแลนย่อมตกตะลึงกับแสงสีขาวบริสุทธิ์ของเมืองแอตแลนที่จู่ๆ สว่างจ้า ถึงอย่างไรเมืองแอตแลนก็เงียบสงบตลอดทั้งปี ย่อมไม่เคยปลดปล่อยแสงสว่างที่แสบตาเช่นนี้
เหตุการณ์นี้เพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่อราชวงศ์ใหญ่ทั้งสี่ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเมืองศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนมากมายในดินแดนล้วนหมอบกราบ บางคนถึงกับสลายไปในคลื่นแสงที่แผดเผานี้
ภาพเช่นนี้… ย่อมทำให้เยี่ยนอวี๋ที่มีประสาทสัมผัสเฉียบแหลมเห็นเข้า “แอตแลนควบคุมประชาชนด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์”
“เห็นประชาชนเป็นทาส จัดหาทุกสิ่งให้พวกเขา พวกเขาเลือกผู้โดดเด่นบางส่วนโดยพิจารณาตามสถานการณ์ มอบแสงศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าให้และมอบสิทธิ์การดูแลแก่พวกเขา” เซ่าเฮ่าเองก็เห็นธาตุแท้
เป็นตาแก่โบราณที่มีชีวิตอยู่มาหลายสิบล้านปีแล้ว ย่อมสามารถเห็นธาตุแท้จากเหตุการณ์ที่พบเห็นได้อย่างง่ายดาย แต่บัดนี้พวกเขาก็ทำได้เพียงเฝ้าสังเกตุการณ์ เพราะจุดประสงค์ที่สำคัญของพวกเขาในตอนนี้ไม่ใช่การทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง ดังนั้นเมื่อ ‘ต้าซือมิ่ง’ ผมสีทองพาทุกคนปรากฏข้างหน้าวังใต้ดินในปราสาทลาซิน่า เทพอัสนีก็ผ่าวับออกไป ระเบิดประตูวังใต้ดินในทันที
“บัดซบ! รุนแรงเช่นนี้เลยหรือ” อินหลิวเฟิงตะลึงงัน แถวนี้มีผู้แข็งแกร่งมากมายเชียวนะ
แต่เทพอัสนีผลักประตูเข้าไป เดินนำทางอยู่ข้างหน้าแล้ว ทว่ามีลำแสงศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่พุ่งเข้าไปที่ลำตัวของมัน แต่ว่า…
“ไสหัวไปซะ!” ซีหวังหมู่ที่คอยช่วยเหลืออยู่ข้างหลังฉีกแสงศักดิ์สิทธิ์ละเอียดเละทันทีและยังเขวี้ยงแสงนั้นออกไปข้างนอก ทำเอาปราสาทโบราณที่สวยงามและยิ่งใหญ่ถูกทำลายเป็นเศษซาก
และในขณะนี้เอง ดยุคแห่งลาซิน่าที่เพิ่งส่งดยุคทั้งสองกลับไปและกำลังเคลื่อนพลมาที่ปราสาทชั้นใน ทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกระเบิดกระเด็นออกจากค่ายกลเคลื่อนย้ายทันที เกือบจะถูกความปั่นป่วนของมิติกลืนกินแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น” ดยุคแห่งลาซิน่าตวาดอย่างโมโห ยังไม่ทราบว่าปราสาทชั้นในของตนถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลองจนเมื่อกองขี้เถ้าขนาดใหญ่ร่วงตกลงมาที่เขา
…
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนอวี๋และพรรคพวกก็เดินเข้าวังใต้ดินไปได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นกลไกหรือหน่วยลาดตระเวนล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ ล้วนถูกจิ่วอิงกินไปหมดแล้ว
กร๊อบ!
กร๊อบ!…
จิ่วอิงที่เคี้ยวพลางพึมพำก็บอกว่า “รสชาติของที่นี่สดใหม่ดี ไม่เหมือนกับของที่ข้ากินก่อนหน้านี้เลย!”
“กินทุกอย่าง เจ้าไม่กลัวปวดท้องหรือไง” เม่ยเอ๋อร์ตอกกลับอย่างเย็นชา
ปากเปื้อนเลือดทั้งเก้าของจิ่วอิงฉีกยิ้ม กล่าวอย่างพออกพอใจว่า “ยังไม่เคยมีของที่ทำให้ปู่จิ่วเจ้าปวดท้องจริงๆ”
“เช่นนั้นเจ้าลองกินข้าดูสิ?” ซีหวังหมู่กล่าว
จิ่วอิง “…”
ให้มันกินแม่เฒ่าดุร้ายตัวนี้ บ้ารึไง! กลับไปคงจะถูกทุบตีอีก จะทำความผิดเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด! จิ่วอิงจึงเคี้ยวเสียงดัง กร๊อบแกร๊บ ต่อไป
เทพอัสนีที่อยู่ข้างหน้าเดินนำหน้าไปจนถึงชั้นใต้สุดแล้ว แต่เมื่อเยี่ยนอวี๋และต้าซือมิ่งเข้าไปก็พบว่าแม้ในวังใต้ดินชั้นล่างสุดจะมีเตียงอยู่จริง แต่กลับไม่มีคน
เยี่ยนอวี๋ที่ขมวดคิ้วในทันทีรีบนำมือทาบลงบนเตียง “ยังอุ่นอยู่ แสดงว่าเพิ่งไปไม่นาน” นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสามีรูปงามท่านนั้นได้อย่างแจ่มชัดเช่นกัน
‘ต้าซือมิ่ง’ ผมสีทองเองก็จับตำแหน่งได้แล้ว เขาจึงหายวับไปข้างหน้าวังใต้ดินทันที แต่เขาคิดไม่ถึงเช่นกันว่า ‘คน’ ในวังใต้ดินจะหายไป
“อย่างน้อยเวลาหนึ่งถ้วยชาก่อนหน้านี้ยังอยู่ แถมยังเคลื่อนย้ายกันอย่างวุ่นวายด้วย” อินหลิวเฟิงตัดสินจากอุณหภูมิและผ้าห่มที่หล่นบนพื้น
“เวลาครึ่งถ้วยชาก่อนหน้านี้ยังอยู่” ‘ต้าซือมิ่ง’ ผมสีทองที่ใช้เวลาเพียงครึ่งถ้วยชาก็ทะลุสองมหาจักรวาลได้ย่อมว่องไวเป็นที่หนึ่ง แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ‘การเปลี่ยนแปลง’ ของแอตแลนทางนี้จะรวดเร็วเช่นนี้ ดังนั้นเขาย่อมมิอาจรู้ว่า ‘ตนเอง’ อีกคนหนึ่งถูกส่งเข้าพระราชวังและถูกส่งไปอยู่กับเอเลน่าแล้ว ฝ่ายหลังยกมือขึ้นกำลังจะจับใบหน้าของ ‘เขา’ แทบจะทิ้งตัวลงบนร่างกาย ‘เขา’ อยู่แล้ว
“หรง!”
เอเลน่าที่ลุ่มหลงจนแทบจะไร้สติไปแล้ว นางหลงเหลือเพียงใบหน้าที่ยังดีอยู่ข้างหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าปรากฏสีแดงผิดปกติ และยังหายใจผิดแปลกไปด้วย
ทว่าอันที่จริงเอเลน่ารู้ว่าสถานการณ์ของตนเองไม่ค่อยดีนัก แต่นางก็ไม่สนใจกลับมีความสุขด้วยซ้ำ “หรง ข้ารู้ เจ้าเป็นคนหยิ่งยโส บางทีเจ้าอาจจะละอายกับการกระทำของข้า แต่ข้าไม่สน! ขอเพียงเป็นเจ้า”
เอเลน่าที่พูดเช่นนี้เสร็จ มือที่ตั้งตารออย่างตื่นเต้นของนางก็ค่อยๆแตะลงบนใบหน้าอันงดงามที่นางใฝ่ฝันมานาน สวรรค์รู้ว่านางอยากจะกุมใบหน้าเขาและจูบเขามานานแค่ไหน
น่าเสียดาย… เมื่อมือของเอเลน่ากำลังจะสัมผัสใบหน้าสง่าสมบูรณ์แบบดวงนั้น
“…”
แสงสีทองเจิดจ้าชั้นหนึ่งแผ่ซ่านออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง มันสกัดมือของเอเลน่าไว้ทันที
เพียงเท่านี้… เอเลน่าตะลึงงัน แต่แสงอร่ามที่แผ่ซ่านออกมาอย่างไร้เสียงนั้นกลับขยายใหญ่ขึ้น ผลักนางออกไปไกลกว่าเดิม
“หรง?”
เอเลน่าคิดว่าต้าซือมิ่งตื่นแล้ว นางจึงพูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้เจ้าและข้าก็จะแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว ข้าแตะต้องตัวเจ้าไม่ได้เลยหรืออย่างไร”
“…”
สิ่งที่ตอบเอเลน่ากลับมีเพียงความเงียบ
ถึงอย่างไรต้าซือมิ่งผมสีดำก็ยังไม่ตื่นจริงๆ การที่เขาปล่อยชั้นแสงนี้ออกมาได้ อาจจะมาจากสัญชาติญาณ ถึงอย่างไรเอเลน่าก็ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นทันที ทำให้นางที่ลุ่มหลงตาสว่างขึ้นในทันที แต่นางยังคงไม่ยอม นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ขนาดอยู่ใกล้เพียงเอื้อมเช่นนี้แล้ว นางยังแตะต้องเขาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการจูบ
ดังนั้นเอเลน่าที่ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมแพ้ลุกขึ้น พยายามเข้าใกล้ต้าซือมิ่ง แต่จะทำอย่างไรได้ นางปีนขึ้นไปไม่ได้แม้แต่เตียง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำอะไรอย่างอื่นอีก
“เป็นไปได้อย่างไร” เอเลน่างงงัน
อีกทั้งพลังของยาลับราชสำนักยังทำให้นางหงุดหงิดเหลือทน “หรง! ขอร้องล่ะ! อย่าทำเช่นนี้กับข้า! ข้าคือเอเลน่า ข้ารักเจ้าเช่นนี้!”
น่าเสียดาย ไม่ว่านางพูดอะไร ต้าซือมิ่งก็ไม่สนใจนาง ทำเอาเอเลน่าแทบคลั่ง “หรง! หรง! ขอร้องล่ะ ขอร้อง…”
เสียงความเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้สมุนภักดีของพระชายาลาซิน่าที่อยู่ข้างนอกทั้งสองคนรู้สึกถึงความผิดปกติ ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง ครั้นกำลังจะผลักประตูเข้าไป จู่ๆ พวกเขาก็ตาเหลือกก่อนจะล้มลงกับพื้น
จากนั้น…