ตอนที่ 543 บ๊ายบาย เอเลน่า!
“อ้ะเนะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าขว้างค้อนใส่เอเลน่า ใบหน้าอีกฝั่งหนึ่งของนางเละทันที
เด็กน้อยที่ตกใจอีกครั้ง เขาก็ทุบลงไปตามสัญชาติญาณ ไหนเลยจะสนใจว่าเอเลน่าพูดอะไร เขาตกใจกับเจ้าสัตว์ประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์นี่จะตายอยู่แล้ว
เอเลน่าที่ถูกทุบจนหน้าเละ นอกจากเลือดจะสาดแล้ว ยังถูกปฐมราชินีเยี่ยนที่ลงมือพร้อมกับเด็กน้อยถีบไปทางจิ่วอิง
จิ่วอิงกัดเสียง กร๊อบ ลงไปประหนึ่งอ้อยเข้าปากช้าง เอเลน่าถูกมันกินเข้าไปแล้ว
“กร๊อบแกร๊บ… อืม รสชาติยังพอใช้ได้” จิ่วอิงที่เคี้ยวพลางลิ้มลองรสชาติรู้สึกว่ารสชาติของเชื้อราชวงศ์แอตแลนถือว่าดีกว่าเทพทั่วไปเล็กน้อย
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเหวอ ต้าซือมิ่งสีทองที่ตกใจจนกางม่านสกัดกั้นสีทองออกมาอัตโนมัติ เขาปิดตาเด็กน้อยไม่ทัน ทำให้เด็กน้อยต้องเห็นฉากสยดสยองเช่นนี้ เซ่าเฮ่าที่สังเกตเห็นเช่นกันก็กังวล ครั้นกำลังจะเข้ามาปลอบนายน้อยว่าอย่ากลัว ทว่า… เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ชี้ไปที่จิ่วอิงตะโกนอย่างโมโหว่า “อิงอิง! กิน ไข่มุกของเป่า ได้ยังไง!”
“หา?” จิ่วอิงไม่เข้าใจ
เยี่ยนอวี๋กลับรู้ทันที “มงกุฎนั่น เสี่ยวเป่าเล็งมานานแล้ว”
“ใช่แล้ว!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าทำหน้ามุ่ย “วิบวับ ของเป่า!”
จิ่วอิงเคี้ยวต่อไป “ปู่จิ่วเจ้าคงคายออกมาให้เจ้าไม่ได้หรอก เคี้ยวละเอียดหมดแล้ว”
“เชอะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพิงท่านพ่อของเขาอย่างโมโห “อิงอิงไม่ดี!”
ต้าซื้อมิ่งสีทองลูบเด็กน้อยเบาๆ จากนั้นก็ยื่นไข่มุกสีทองอร่าม พูดให้ถูกต้องคืออัญมณีที่เปล่งแสงหลากสีมาให้
“ว้าว…” เด็กน้อยหายโกรธทันที เขากุมไข่มุกระยิบระยับนั่นไว้แล้ว
เฟรย์กลับเบิกตามอง “นั่นมัน…”
“มุกแห่งแสงสว่างของลัทธิแสงสว่าง” กู้จื่อเฟิงเอ่ยขึ้นทีละคำรู้สึกตกใจเหมือนกับถูกฟ้าผ่า
ริกเกิร์ต ผู้เฒ่าที่มีฟันสีทองเต็มปากก็อดพูดไม่ได้ในยามนี้ว่า “มิน่าพลังของหรงจึงพัฒนาขึ้นอย่างมาก เขาพบวิหารแห่งแสงสว่างแล้วนี่เอง!”
ดวงตาสีฟ้าของจักรพรรดิหูจวิ้นขรึมลงราวกับมรกตที่ไร้ก้นบึ้ง กลิ่นอายรอบกายก็สงบนิ่งลงมาก แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เชื้อเชิญในตอนท้ายว่า “เช่นนั้น หลังจากหนึ่งชั่วยาม พบกันที่โถงบนสุดของปราสาท ปฐมราชินีเยี่ยน”
“หวังว่าถึงครานั้น ข้าจะได้ยินข่าวดี” เยี่ยนอวี๋ตอบ
จักรพรรดิหูจวิ้นเลิกคิ้วมองเยี่ยนอวี๋ ยิ้มเล็กน้อยพลางตอบว่า “ย่อมไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
“ข้าจะรอดู” เยี่ยนอวี๋พยักหน้าเล็กน้อย
จักรพรรดิหูจวิ้นจึงหันหลังจากไป ไม่ได้กล่าวลาต้าซือมิ่งแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรในสายตาของจักรพรรดิท่านนี้มีเพียงเยี่ยนอวี๋ที่ทำให้เขาชายตามองได้
แม้ต้าซือมิ่งจะแสดงความสามารถไร้เทียมทานออกมา แต่หลังจากที่ภัยคุกคามเมืองสลายไป จักรพรรดิหูจวิ้นก็ไม่เห็นเขาในสายตาอีก แม้ต้าซือมิ่งเทพแห่งความมืดท่านนี้ยังนำไข่มุกแห่งแสงสว่างอันเป็นสมบัติล้ำค่าของวิหารแห่งแสงสว่างออกมา จักรพรรดิหูจวิ้นยังคงไม่สนใจทว่าไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรก็ไม่สามารถหยุดเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ส่งเสียง ว้าว ไม่หยุดได้ เขาจูบท่านพ่อของเขา “รัก! เป่ารักพ่อ! ว้าววว”
“นายน้อยรักไข่มุกมากกว่ามั้ง” ซีหวังหมู่พูดแทงใจดำ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าแกล้งไม่ได้ยิน เขาเล่นไข่มุกต่อไป เยี่ยนอวี๋หัวเราะ ไม่ได้สนใจเหล่าเทพแอตแลนที่เอาแต่มองนางก่อนจะจากไป ดูนางทำตัวสบายเหมือนกับอยู่บ้านตนเองมาก
ในขณะเดียวกัน หูเฮ่อที่เดินเข้าไปในปราสาทองค์หญิงอดถามไม่ได้ว่า “ท่านพ่อ ปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้หรือ”
“มิเช่นนั้นเล่า” จักรพรรดิหูจวิ้นถามกลับ
เฟรย์พูดขึ้นว่า “ตราบใดที่เจ้าต้องการ เจ้าสามารถกำราบพวกเขาได้แน่นอน แต่เจ้าไม่อยาก และยังทอดทิ้งเอเลน่าด้วย เจ้ามันไร้หัวใจ!”
ก่อนหน้านี้เฟรย์ไม่กล้าพูด เนื่องจากแรงกดดันของจักรพรรดิหูจวิ้นเมื่อครู่ ตอนนี้นางรู้สึกอิจฉาปฐมราชินีที่สามีไปเล่นหูเล่นตาด้วย นางมิอาจอดกลั้นไว้ได้อีก “หูจวิ้น เจ้าคงไม่ได้ชอบสตรีนางนั่นหรอกนะ! คิดจะเมตตานางรึ!”
“ฝ่าบาท กระหม่อมขออำลา” กู้จื่อเฟิงไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องครอบครัวของจักรพรรดิ เตรียมจะจากไป ทว่าองค์ชายหูเฮ่อกลับพูดขึ้นว่า “จะว่าไปแล้ว ปฐมราชินีนั่นเหมือนกับว่าจะมองท่านกู้ต่างออกไป พวกท่านเคยรู้จักมาก่อนหรือ”
“สามหาว!” จักรพรรดิหูจวิ้นกริ้วตวาดใส่สองแม่ลูกไร้สมอง “สมองหมูเช่นเพวกเจ้าคิดเป็นแต่เรื่องไร้สาระ เด็กดีเช่นเอเลน่าถูกพวกเจ้าอบรมเป็นเช่นนั้น น่าอับอายสิ้นดี ไสออกไปพิจารณาตนเองใหม่ซะ”
“ฮึ” เฟรย์หัวเราะเย็นชา “พิจารณาตนเอง จะได้ให้เจ้าและปฐมราชินีนั่นมีค่ำคืนที่ดีรึ ฝันไปเถอะ! ตัวข้าเฟรย์จะต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ให้ได้ หูเฮ่อ เราไปกันเถอะ!”
“ขอรับ ท่านแม่” หูเฮ่อที่จากไปพร้อมเฟรย์จริงๆ ไม่พอใจกับการตัดสินใจของจักรพรรดิหูจวิ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทายาทเช่นนี้… ทำให้หูจวิ้นเอ่ยกับเหล่าสมุนผู้ภักดีว่า “ข้าจะวางใจมอบบัลลังก์ให้เจ้าได้อย่างไร”
“องค์ชายยังเด็ก” กู้จื่อเฟิงพูดได้เพียงเท่านี้
“ฮึ” หูจวิ้นยิ้มเย็นชา “หกหมื่นปีแล้ว ยังเด็กหรือ”
กู้จื่อเฟิงไม่ได้ตอบ
ทว่าริกเกิร์ตก็เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท ทรงมีแผนการอะไรหรือไม่ มิเช่นนั้นด้วยความสามารถของแอตแลน เมื่อครู่นี้ท่านไม่จำเป็นต้องแสดงความอ่อนแอด้วยซ้ำ”
“ใช่แล้ว ฝ่าบาท” เทพองค์อื่นๆ ก็สำทับ
แม้เยี่ยนอวี๋และพรรคพวกจะมีความสามารถไม่ธรรมดา แอตแลนของพวกเขาก็เสียเปรียบตรงที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แต่หากต้องสู้กันจริงๆ ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือเมืองแอตแลน โอกาสชนะของพวกเขาย่อมสูงลิ่ว! เพียงแต่ว่าการกระทำของหูจวิ้นแสดงออกอย่างชัดเจน นั่นคือการแสดงออกอย่างอ่อนแอ ดังนั้นเทพผู้พิทักษ์อาวุโสที่เฉลียวฉลาดเหล่านี้รวมถึงกู้จื่อเฟิงผู้อ่อนโยนจึงไม่ได้เปิดโปงกลับยังช่วยเสริมด้วย
“ฮึ คืนนี้พวกเจ้าจะรู้เอง” จักรพรรดิหูจวิ้นไม่ได้พูดตรงๆ
ดังนั้นเมื่อถึงเวลาหนึ่งชั่วยาม… เทพพิทักษ์ทั้งแปดท่านและกู้จื่อเฟิงเพิ่งรู้ว่าจักรพรรดิของพวกเขามีแผนการ เพราะว่าในงานเลี้ยงมีบุคคลลึกลับไม่ธรรมดาท่านหนึ่งมาร่วมด้วย!
ในครานี้เองเยี่ยนอวี๋และพรรคพวกที่เก่งกาจเหนือชั้น พวกเขาเพิ่งจะมาถึงโถงจัดเลี้ยงจากปราสาทองค์หญิง ระหว่างนั้นไม่ได้ออกจากปราสาทแอตแลน ราวกับเห็นตนเองเป็นแขกผู้มีเกียรติ ทำตัวตามสบายมาก แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปในโถงจัดเลี้ยง เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็มองไปที่สตรีที่เปล่งแสงประกายคนหนึ่งด้วยความประหลาดใจ “เอ๋?”
แทบจะในเวลาเดียวกัน… ต้าซือมิ่งผมสีทองก็มองไปที่สตรีที่เปล่งแสงได้คนนั้นเช่นกัน