ตอนที่ 545 ต้าซือมิ่งคลั่งรักภรรยา เลี่ยนตาย
น่าเสียดาย เยี่ยนอวี๋ปฏิเสธ “ข้าไม่อนุญาต”
‘ต้าซือมิ่ง’ ผมสีทองเม้มปากอย่างไม่รู้ตัว หางตายังยกขึ้นเล็กน้อย ความอึดอึดและไม่พอใจเมื่อครู่นี้หายเป็นปลิดทิ้ง
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ยอมรับว่าที่ไม่พอใจเป็นเพราะความเข้าใจที่ไม่ต้องเอ่ยปากระหว่างภรรยาและนายน้อยคนนั้น เขาไม่รู้ ‘เรื่องราว’ ของเด็กน้อยและน้ำแกงสีแดง เมื่อคิดได้เช่นนี้ ต้าซือมิ่งผมสีทองก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ความรู้สึกอยากจะผสานรวมกับ ‘ตนเอง’ อีกคนหนึ่งรุนแรงมากขึ้น
ในขณะที่ต้าซือมิ่งคิดเช่นนี้… มิคาเอลที่ถูกเยี่ยนอวี๋ปฏิเสธก็มองไปที่เขา บังเอิญเห็นดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยก็อดยิ้มไม่ได้ “ปฐมราชินีเยี่ยน ท่านคงไม่รู้ว่าต้าซือมิ่งเทพแห่งความมืดมีสถานะสูงส่งมากในแอตแลน ท่านจำกัดอิสระของหรงเช่นนี้คงไม่ค่อยดีเท่าไรนัก”
เยี่ยนอวี๋ “?”
มิคาเอลที่เหมือนกับจะดูออกว่าเยี่ยนอวี๋งุนงงก็พูดต่อไปว่า “บางทีท่านควรจะถามหรงดูว่าเขายินยอมที่จะคุยกับข้าเพียงลำพังหรือไม่”
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าต้องถามข้า ไม่ถามเขาโดยตรงเล่า” เยี่ยนอวี๋ยิ้มจางๆ “ในเมื่อเจ้าต้องการคุยกับสามีข้าเพียงลำพัง ทั้งยังมาขอความเห็นจากข้า ข้าไม่สนิทกับเจ้าเสียหน่อย เรื่องอะไรต้องมอบสามีของข้าให้กับคนไม่รู้จักเช่นเจ้าเพียงเพราะสถานะและความใจกว้างของข้าเล่า เพียงเพื่อโอ้อวดสถานะและน้ำใจ ข้าก็ควรจะมอบสามีของข้าเหมือนกับมอบสิ่งของให้เจ้าพูดคุยเพียงลำพังหรือ เจ้าเห็นสามีของข้าเป็นอะไร”
“ข้า…” มิคาเอลพูดไม่ออก นางยืนเงียบอยู่ที่เดิมราวกับกำลังเสียใจปนประหลาดใจ และราวกับสะเทือนใจ
เยี่ยนอวี๋กลับไม่มองนาง แต่กลับหันกลับไปมองชายข้างกาย เดิมทีนางอยากจะถามความเห็นของเขาเอง แต่กลับเห็นฝ่ายหลังกำลังมองมาที่นางด้วยดวงตาสีทองสุกใสดุจอำพันใส ประกายระยิบระยับน่าหลงใหลยามต้องแสงอาทิตย์
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” มิคาเอลที่ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “หรง เจ้ารู้ว่าข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าแค่กังวลว่าหากข้าคุยกับเจ้าเพียงลำพังจะทำให้ปฐมราชินีเยี่ยนไม่พอใจจึงขออนุญาตนางก่อน ไม่คิดว่าจะทำให้เข้าใจผิด”
เมื่อนางพูดจบ…
เอิ๊กกก…
อินหลิวเฟิงที่เรอเสร็จลูบหน้าอกตนเองเบาๆ จากนั้นก็คุยกับเซ่าเฮ่า “มา ดื่มชา ชานี้เขียว[1]ดีจริงๆ”
เซ่าเฮ่า “?”
นี่จะทำอะไรกันแน่
อินหลิวเฟิงจึงดื่มชาของตนอย่าไม่สนใจใคร จึ๊ๆ
เซ่าเฮ่า “?”
ทำไมรู้สึกว่าน้ำชาคำนี้มีความหมายอย่างอื่นนะ
ทว่าไม่ว่าน้ำชานี้มีความหมายอะไร ต้าซือมิ่งผมสีทองก็เข้าใจแล้ว เพราะว่าเขาไม่ได้ฟังสิ่งที่มิคาเอลพูดเลย เขาเอาแต่มองภรรยาไม่ละสายตา เพราะว่าต้าซือมิ่งสีทองรู้สึกได้ว่าภรรยากำลังหึง เหมือนกับหมาป่าตัวน้อยที่กำลัง ‘ปกป้องอาหาร’ ปกป้องเขาไว้อย่างใกล้ชิด เมื่อมีคนยื่นกรงเล็บหาเขา นางก็ปัดทิ้งอย่างดุร้ายและว่องไวทันที ช่างเด็ดขาดจริงๆ
“หรง?” มิคาเอลจำเป็นต้องเพิ่มเสียงอีกครั้ง น้ำเสียงแข็งกระด้างเล็กน้อย ทว่ายังคงมาดและท่าทีอ่อนโยนและบริสุทธิ์
ต้าซือมิ่งสีทองที่ได้สติเพราะเสียงเรียก ใบหน้าสีขาวนวลของเขาก็ปรากฏสีชมพูระเรื่อ เห็นได้ชัดว่ากำลังรู้สึกเขินอาย เพราะว่าเมื่อครู่นี้เขาเหม่อมองภรรยา…
เยี่ยนอวี๋ที่มองเขาอยู่เช่นกันก็กะพริบตาสองสามที นางพบว่าสามีผมสีทองคนนี้เขินอายง่ายจริงๆ เพิ่งจะสบตานางไม่นานก็หน้าแดงเสียแล้ว
ต้าซือมิ่งผมสีทองที่เขินจริงๆ ก็ลูบเด็กน้อยเพื่อบรรเทาอาการใจสั่นและความคาดหวังของตนเอง เขาอยากจะหลอมผสานกับ ‘ตนเอง’ อีกคนหนึ่งมากจริงๆ อยากจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขา
“หรง…” มิคาเอลไปต่อไม่ถูก
เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองนางครู่หนึ่งก่อนจะมองท่านพ่อของเขา จากนั้นก็มองท่านแม่ของเขา เห็นได้ชัดว่าสมองน้อยๆ ของเขามิอาจทำความเข้าใจในครานี้ได้ ทั้งศีรษะเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
มิคาเอลในครานี้จึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “หรง เจ้าไม่อยากคุยกับข้าเพียงลำพังหรือ หรือว่ากลัวจะเกิดการเข้าใจผิดอะไร”
คำถามนี้… จักรพรรดิหูจวิ้นพอใจยิ่งนัก
เทพพิทักษ์ทั้งแปดและกู้จื่อเฟิงที่เงียบงันล้วนรู้ว่าจักรพรรดิของพวกเขาต้องการให้เทพกรมทั้งสอง ‘จัดการ’ ตนเอง มิคาเอลซือมิ่งสวรรค์เทพแห่งแสงสว่างท่านนี้มีความสามารถไม่เลวเลย
น่าเสียดาย…
ต้าซือมิ่งสีทองที่ลูบเด็กน้อยตอบโดยไม่เงยหน้ามองด้วยซ้ำ “ข้าว่าตามภรรยา”
มิคาเอล “…”
นางจุกจนพูดไม่ออก ชะงักงันทันที
ทว่านางเองก็ไม่รบเร้าต่อ นางโค้งตัวพยักหน้าพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าละลาบละล้วงเอง ” เมื่อพูดจบ มิคาเอลก็กลับไปที่นั่งของตน ไม่ได้ถามเยี่ยนอวี๋ต่อ อาจจะเป็นเพราะรู้ดีแก่ใจว่าถามไปก็มีแต่ทำให้ตนเองอับอาย
“ฮ่าๆๆ” หูจวิ้นหัวเราะกลบเกลื่อนสถานการณ์ชวนอึดอัด “ดูสิ หรงต้าซือมิ่งเทพเจ้าแห่งความมืดที่เดิมทีเป็นผู้เดียวดายและหยิ่งผยอง บัดนี้กลับขจัดความเย่อหยิ่งทั้งหมดทิ้งเพื่อปฐมราชินีเยี่ยน ปฐมราชินีเยี่ยนเก่งกาจจริงๆ”
เยี่ยนอวี๋ได้ยินดังนั้นกำลังจะตอบ… ต้าซือมิ่งสีทองกลับชิงพูดขึ้นว่า “ใครมีภรรยาที่งดงามและแสนดีเช่นนี้ย่อมต้องโอนอ่อนต่อนาง แต่เจ้าไม่มี ย่อมมิอาจเข้าใจได้”
หูจวิ้น “…” เขารู้สึกเหมือนถูกมีดแทงจนพูดไม่ออก
เฟรย์ “…” เหมือนถูกพาดพิง
เด็กน้อยยังดึงดันเสริมว่า “ใช่”
เหล่าเทพฝั่งเยี่ยนอวี๋อมยิ้ม อินหลิวเฟิงลุกขึ้นยิ้มพูดว่า “มา ทุกท่านดื่มชา ชาดี เขียวเช่นนี้”
“ดื่มชา” แม้กู้จื่อเฟิงเองก็รู้สึกว่าคำพูดของคุณชายตรงข้ามท่านนี้จะแปลกพิกล แต่ในจังหวะที่ชวนอึดอัดเช่นนี้ควรดื่มชาผ่อนคลายจริงๆ
“ดื่มชา” เทพทั้งแปดพากันดื่มชา
คนทั้งห้องโถงเริ่มดื่มชา
“ข้าว ของเป่าล่ะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ไม่อยากดื่มชา เขาไม่เห็นของกินน่าทานจนถึงบัดนี้ รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาไม่อยากกินขนมหรือดื่มชาแล้ว
“ข้าน้อยเลินเล่อเอง” กู้จื่อเฟิงรีบลุกขึ้นกล่าวขอโทษ “สาวใช้ ยกอาหารมา”
คนรับใช้ในห้องโถงเริ่มวุ่นวายทันที พวกเขายกอาหารอ่อนและอาหารเหลวที่เจ้าตัวน้อยทานได้ให้เขาก่อน
เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจ รอท่านพ่อของเขาป้อนข้าวให้
ต้าซือมิ่งสีทองที่เข้าใจว่าเด็กน้อยนั่งนิ่งๆ เพื่ออะไร เขาก็เริ่มตักอาหารป้อนใส่ปากของเด็กน้อยอย่างคล่องแคล่ว
งานเลี้ยงเริ่มมีบรรยากาศของงานเลี้ยง ถึงอย่างไรเหล่าเทพฝั่งเยี่ยนอวี๋ก็มีความสุขมากกับการกินดื่ม
จักรพรรดิหูจวิ้นแนะนำแอตแลนให้เยี่ยนอวี๋ฟังอย่างคร่าวๆ จากนั้นก็เริ่มเสวยของตนเอง ไม่ได้พูดจาเป็นพิธีจอมปลอมเหล่านั้นอีก แม้เขาอยากจะพูด แต่เขาตั้งรับการตอบสนองของเยี่ยนอวี๋ไม่ไหวจริงๆ
เอิ๊กกก… เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ทานอิ่มและเรอเสร็จแล้ว เขาก็ลูบท้องน้อยๆ ของตนเองก่อนจะขดตัวในอ้อมอกของท่านพ่อ เห็นได้ชัดว่ากำลังจะนอนเหมือนกับลูกหมูตัวหนึ่ง น่ารักน่าชัง ทำเอาเยี่ยนอวี๋อดลูบเด็กน้อยไม่ได้ “กินเสร็จแล้วหรือ”
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบตาปรือ เห็นได้ว่าง่วงนอนมาก ตาจะปิดอยู่แล้ว
เยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อยสองสามที “เช่นนั้นก็นอนเถอะ”
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบเสร็จก็หลับไป ลมหายใจยาวและมั่นคง หลับไปอย่างรวดเร็ว
ต้าซือมิ่งรวบตัวเด็กน้อย “เมื่อไหร่จะโต”
“ตัวเล็กแบบนี้ตลอดไปไม่ดีหรือ น่ารักจะตาย” เยี่ยนอวี๋ลูบขนอ่อนบนศีรษะของเด็กน้อย รักเด็กน้อยตัวน้อยๆ เช่นนี้จริงๆ
อินหลิวเฟิงอดพูดไม่ได้ว่า “ไม่ใช่สิ กูไหน่ไน เสี่ยวเป่าโตช้าเช่นนี้ คงไม่ใช่เป็นเพราะท่านหรอกนะ ก่อนหน้านี้ตัวยังหดเล็กลงด้วย เช่นนั้นคงไม่ดีหรอก จะเป็นผลเสียต่อความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจเสี่ยวเป่าเชียวนะ ถึงอย่างไรเด็กก็ควรเติบโต ใช่หรือไม่”
ที่สำคัญคือหากเสี่ยวเป่าเป็นเด็กเช่นนี้ตลอดไป หากเจออันตรายก็จะไม่สามารถปกป้องตนเองได้น่ะสิ เช่นนั้นเขาคงอกสั่นขวัญแขวนตลอดเวลา
“หดกลับไปได้เหมือนกันหรือ” ต้าซือมิ่งสีทองจับใจความสำคัญ
เยี่ยนอวี๋ก็จับใจความสำคัญเช่นกัน “ได้เหมือนกัน?”
ต้าซือมิ่งสีทอง “…” เหมือนกับว่าจะเปิดโปงอะไรบางอย่าง
“ตอนเด็กเจ้าก็เป็นเช่นนี้หรือ” เยี่ยนอวี๋ถาม
ต้าซือมิ่งสีทองโกหกไม่ลง ได้แต่พูดว่า “ใช่”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” เยี่ยนอวี๋ซักไซ้
“เหตุผลทางกายภาพ” ต้าซือมิ่งที่หลุบตาลงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าคุย ต้องเปลี่ยนเรื่อง
แต่แล้วเยี่ยนอวี๋ถามต่อไปว่า “เช่นนั้นเสี่ยวเป่าไม่มีผมก็ได้มาจากเจ้าหรือ ตอนเด็กเจ้าก็ไม่มีผม เป็นเด็กหัวโล้นเช่นกันหรือ”
คำถามนี้… ต้าซือมิ่งสีทองไม่อยากตอบแล้ว
จู่ๆ มิคาเอลก็บังเอิญลุกยืน “เชิญทุกท่านตามสบาย ข้าต้องไปก่อนแล้ว” นางรับรู้ได้ว่าหรงอีกคนหนึ่งเหมือนจะผิดปกติ นางจึงต้องรีบกลับไปดู
ดังนั้น…
[1] ชาเขียว เป็นคำแสลง หมายถึงคนเสแสร้ง ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในร้ายกาจ