ตอนที่ 551 ต้าซือมิ่งตื่นขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง
“…”
ร่างของต้าซือมิ่งแตกออกเงียบๆ
“!”
มิคาเอลตะลึงงัน เพราะว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น แต่มันกลับเกิดขึ้นในยามนี้… อีกทั้งยังเกิดขึ้นขณะที่นางกำลังจะทำสำเร็จ นี่มัน…
มิคาเอลโถมเข้าใส่ต้าซือมิ่งทันที ยิ่งไปกว่านั้นนางยังปล่อยพลังแสงผนึกที่แข็งแกร่งออกมา “ผนึก! ผนึก! ผนึก!”
แสงสีขาวสว่างจ้าที่พุ่งใส่ต้าซือมิ่งพร้อมกับการโถมตัวใส่ของมิคาเอล ทั่วทั้งบริเวณราวกับถูกแสงกักขังไว้ มิคาเอลระเบิดพลังออกมาอย่างเต็มกำลังเพื่อรักษาต้าซือมิ่งไว้ น่าเสียดาย… ทันใดนั้นเอง ชั่วขณะที่นางปล่อยแสงผนึกออกมา ต้าซือมิ่งก็แตกกระจายและปลิวไสวเป็นลำแสงราวกับขนนก ผสานรวมกับแสงของที่นี่
ทั้งกระบวนการนี้ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ต้าซือมิ่งที่แต่เดิมยังดีๆ เขาก็หายสาบสูญไปราวกับถูกละลายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน
“นี่มัน…”
มิคาเอลที่คว้าน้ำเหลวจริงๆ นางก็ชะงักงัน ผ่านไปนานก็ยังตั้งสติไม่ได้ นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?
“เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่าง…” มิคาเอลมองไปสัมผัสรอบด้านอย่างทำอะไรไม่ถูก ทั่วทั้งร่างของนางก็แผ่ซ่านแสงที่โปร่งใสยิ่งกว่าเดิมออกมาจนร่างกายโปร่งใสไปด้วย ทว่านางสัมผัสกลิ่นอายของต้าซือมิ่งไม่ได้เลยแม้แต่น้อย?
“เป็นไปได้อย่างไร?” มิคาเอลตะลึงงัน นางพึมพำคนเดียวราวกับคนเสียสติอีกครั้ง “เป็นไปไม่ได้ แหล่งศักดิ์สิทธิ์ถูกข้าปิดผนึกไปแล้ว เจ้าอยู่ในนี้ ออกไปไม่ได้ แต่เหตุใดข้าจึงหาเจ้าไม่เจอ”
“ไม่ๆๆ…”
“ไม่ถูก”
“เป็นไปได้อย่างไร”
“หรือว่าเจ้ารู้ว่าข้าไม่ใช่นางแล้ว”
“…”
มิคาเอลที่พูดเพ้อเจ้อไม่หยุดไม่อาจสงบสติอารมณ์ลงได้เลย เพราะว่าการคาดเดาทั้งหมดของนางถูกล้มล้าง นางพบว่าไม่มีข้อใดถูกต้อง ดังนั้นนางจึงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้าซือมิ่ง และตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
เหตุการณ์เช่นนี้เพียงพอที่จะทำให้มิคาเอลที่เตรียมตัวอย่างดีและทำทุกวิถีทางรู้สึกพังทลาย ทั้งๆ ที่นางกำลังจะได้ครอบครอง ใกล้จะได้ครอบครองอยู่แล้วแท้ๆ ความรู้สึกเช่นนี้… ก็เหมือนกับแผ่นดินที่แห้งแตกระแหงเห็นเมฆครึ้มดำทะมึนบนท้องฟ้า รอคอยการหล่อเลี้ยงจากฝนที่กำลังจะเทกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายเมฆดำกลับหายวับเหลือเพียงท้องฟ้าที่สดใส
พังไม่เป็นท่าจริงๆ…
มิคาเอลจึงมิอาจตั้งสติได้เป็นเวลานาน ทว่านางยังคงสัมผัสกลิ่นอายของต้าซือมิ่งอย่างตั้งใจและถี่ถ้วน แต่นางกลับไม่พบว่าภาพเงาอสูรที่เลือนรางในแหล่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับจะชัดเจนขึ้นเล็กน้อย
“หรง หรง…”
มิคาเอลใกล้จะประสาทเสียไปแล้ว เหมือนกับกำลังเดินตามรอยของเอเลน่า สภาพของนางผิดแปลกไป ไร้ซึ่งความอ่อนโยนและการยับยั้งชั่งใจที่เคยมีอย่างสิ้นเชิง
เยี่ยนอวี๋ในครานี้ นางกลับสัมผัสถึงกลิ่นอายเย็นๆ ไหลออกมาอย่างเบาบางจากบริเวณหน้าอกของตน ทำให้นางที่กระวนกระวายใจรู้สึกเหมือนถูกน้ำในฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน นางชะงักเล็กน้อย
“เนะ”
ขณะที่ท่านแม่ของเขาชะงักไปนั่นเอง เจ้าตัวน้อยก็ไหลลงมาจากอ้อมแขนของท่านแม่เขาและลงไปบนพื้น เพราะเขาในครานั้นกำลังอยากลงพื้นพอดี ท่านแม่ของเขาก็กำลังเหม่ออยู่ด้วย ย่อมห้ามเขาไว้ไม่ทัน เขาจึงหล่นลงไปบนพื้นแล้ว
ทว่าเจ้าตัวน้อยตกลงไปไม่เหมือนผู้อื่น ขาของเขาลงพื้นก่อน เมื่อเขายืนทรงตัวได้แล้วก็วิ่งเตาะแตะไปหาลวดลายที่ส่องแสงเหล่านั้นทันที
“เสี่ยวเป่า” เยี่ยนอวี๋รีบห้าม
“ระวัง” กู้จื่อเฟิงเองก็เรียกอย่างตระหนกทันที อันที่จริงเขาไม่มีเจตนาร้ายต่อเด็กน้อยเลย เขาเองก็ชอบเจ้าตัวน่ารักเฉลียวฉลาดคนนี้มากเหมือนกัน
น่าเสียดายเยี่ยนเสี่ยวเป่ารวดเร็วยิ่งกว่าใคร ปฐมราชินีเยี่ยนเหม่อไปเพียงครู่เดียว เขาก็สามารถลงพื้น วิ่งและจับ สาม ‘อิริยาบถ’ ได้สำเร็จ เขากำลังสัมผัสลวดลายเหล่านั้นแล้ว
เยี่ยนอวี๋หัวใจร่วงลงไปตาตุ่ม เจ้าเด็กคนนี้…
“อ้ะเนะ” ทันทีที่เยี่ยนเสี่ยวเป่าสัมผัส แสงของลวดลายเหล่านั้นก็ดับลง เขาดีใจใหญ่ “แม่ ดูเป่า ฉุดยอด”
เยี่ยนอวี๋ตีก้นเด็กน้อยทันที
เยี่ยนเสี่ยวเป่า “?”
ทำไมต้องตีก้นๆ เป่า?
เด็กน้อยที่สับสนงุนงง รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อไปหมด รู้สึกน้อยใจ
เยี่ยนอวี๋เห็นดังนั้นก็สงสารขึ้นมาอีก ได้แต่อุ้มเด็กน้อยพูดด้วยดีๆ ว่า “สามครั้งแล้วนะ รวมถึงครั้งนี้ เจ้าทำให้แม่ตกใจเป็นครั้งที่สามแล้ว ไม่สมควรหรือที่แม่ตีเจ้า”
“เป่า ช่วย” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายังคงรู้สึกน้อยใจ ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำตาคลอ
เยี่ยนอวี๋จูบหน้าผากเด็กน้อยเบาๆ “แม่รู้ว่าเสี่ยวเป่าเก่งมาก แต่เสี่ยวเป่ายังเด็กเกินไป ต่อไปห้ามทำเรื่องอันตรายเช่นนี้อีก แม่กลัว”
“เป่า ช่วย” เยี่ยนเสี่ยวเป่าหัวรั้น เขายังใช้มืออวบอ้วนของตนสุ่มจับลวดลายแสงที่อยู่ใกล้มือเหมือนกับกำลังระบายความโกรธ “แม่ เชื่อพ่อ ไม่เชื่อ เป่า โกรธ”
เยี่ยนอวี๋ “…” เทียบกันได้อย่างไร พ่อเจ้าโตขนาดนี้แล้ว เจ้ายังเล็กเช่นนี้ เหมือนกันหรือ
แต่เห็นแก่เด็กน้อยที่กำลังจะร้องไห้แล้ว อีกทั้งยังมีธุระเร่งด่วน เยี่ยนอวี๋จึงยอมอ่อนข้อให้เด็กน้อยและจูบเขาพูดว่า “แม่ผิดไปเอง แต่เสี่ยวเป่าก็มีส่วนผิด เจ้าทำแม่ตกใจไม่ได้ เข้าใจหรือไม่”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ไม่ตอบ เขาเหมือนกับพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของท่านแม่ของเขาแต่ก็ยังใช้มืออวบอ้วนน้อยๆจับมือของท่านแม่ไว้ราวกับผู้ใหญ่ในร่างเด็ก ก่อนจะใช้ขาถีบลวดลายที่มีแสงตัวหนึ่งดับลง
ความสามารถเช่นนี้… เพียงพอที่จะทำให้กู้จื่อเฟิงทอดถอนใจอีกครั้ง “สมแล้วที่เสี่ยวเป่าเป็นลูกของหรงต้าซือมิ่งและปฐมราชินีเยี่ยน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแสงศักดิ์สิทธิ์และภาษาของแอตแลนตั้งแต่เกิด ตัวข้ากู้จื่อเฟิงศึกษามาหลายหมื่นปีเพิ่งจะรู้ว่าต้องเปิดใช้งานลวดลายเหล่านี้อย่างไร แต่เสี่ยวเป่ารู้ว่าต้องดับพวกมันอย่างไรในพริบตาเดียว”
“เชอะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ไม่พอใจยังคงโมโหจึงไม่ได้แสดงความดีใจให้กู้จื่อเฟิงเห็น แม้กู้จื่อเฟิงกำลังชื่นชมเขาก็ตาม
เยี่ยนอวี๋ “…”
ก็ได้ เด็กคนนี้ของนางมีอารมณ์รุนแรง เพิ่งครบเดือนก็รู้จักแสดงออกมาแล้ว
นางน่ะ ตอนนั้นหัวเราะเขาที่น้ำลายไหล เขาก็โกรธนางนานมาก ตอนนี้ถูกตีก้นต่อหน้าคนนอก คงจะโกรธนานยิ่งกว่า ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโหก็ส่วนโมโห เขาเหยียบลวดลายที่มีแสงที่อยู่รอบๆ เหล่านั้นดับหมดแล้ว
เยี่ยนอวี๋อุ้มเด็กน้อยที่กำลังขุ่นเคืองและจูบใบหน้าอวบอ้วนของเขาทีหนึ่ง “หายโกรธได้แล้ว เราไปหาท่านพ่อเจ้ากันเถอะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าพิงอยู่ในอกของท่านแม่ กอดท่านแม่ของเขาแน่นพูดว่า “ห้ามตีก้น ผู้ใหญ่ ตีมือ ศักดิ์ศรี”
“จ๊ะ” เยี่ยนอวี๋ตอบจริงจัง แต่อันที่จริงอยากจะหัวเราะ นางรู้สึกอยากหัวเราะมากจริงๆ นางอยากจะถามเด็กน้อยว่าเจ้ายังเด็กขนาดนี้ รู้ได้อย่างไรว่าตีก้นแล้วจะเสียหน้า ยังรู้จักพูดคำว่า ‘ศักดิ์ศรี’ อีก ช่าง… ตลกจริงๆ ไม่รู้ว่าได้ใครมา ต้องได้จากพ่อเด็กแน่ๆ
เมื่อคิดได้ดังนี้… เยี่ยนอวี๋ก็กลายเป็นสายลำแสงสีม่วงหม่นอย่างไม่รีรอ นางพาเด็กน้อยหายตัวไปแล้ว ในขณะเดียวกันก็คอยระวังกู้จื่อเฟิงคนนั้นที่อาจจะเล่นเล่ห์เหลี่ยมอะไร
ทว่ากู้จื่อเฟิงกลับไม่ได้ทำอะไร เขายืนอยู่ข้างนอกแท่นบูชาด้วยใบหน้าอมยิ้ม มองเยี่ยนอวี๋และเด็กน้อยหายตัวไป ไม่มีท่าทีเข้าไปขวางแล้ว
เยี่ยนอวี๋เกิดความสงสัย รู้สึกแปลกพิกล แต่นางก็ไม่กลัว อีกทั้งยังไม่ร้อนใจมากแล้ว ถึงแม้ยังไม่รู้ว่าต้าซือมิ่งเป็นอย่างไรแล้ว แต่เยี่ยนอวี๋มั่นใจว่ากลิ่นอายเย็นๆ เมื่อครู่นี้มาจากพ่อเด็กแน่นอน เขากำลังปลอบประโลมนางผ่านไข่มุกเม็ดนั้นที่เขาให้นางเมื่อก่อนหน้านี้
ในความเป็นจริง… กลิ่นอายนั่นมาจากกลิ่นอายของต้าซือมิ่งจริงๆ อีกทั้งชั่วขณะที่เยี่ยนอวี๋ออกจากแท่นบูชา จมลงสู่แหล่งศักดิ์สิทธิ์ ต้าซือมิ่งก็ปรากฏตัวอีกครั้ง
“หรง?”
มิคาเอลที่กำลังจะประสาทเสียไปแล้ว เมื่อนางจับกลิ่นอายของต้าซือมิ่งได้ย่อมดีใจสุดขีด
แต่เมื่อนางเดินตามกลิ่นอายไป นางก็ต้องชะงัก เพราะว่าต้าซือมิ่งไม่ได้นอนอยู่กลางอากาศ แต่กำลังนั่งขัดสมาธิแล้ว
ต้าซือมิ่งชุดดำในบัดนี้ เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
นี่มัน…
มิคาเอลรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ถึงอย่างไรท่านั่งท่านี้เหมือนกับกำลังบอกว่าต้าซือมิ่งตื่นแล้ว
ต้าซือมิ่งที่ตื่นแล้วย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลอก แม้ต้าซือมิ่งที่หลับใหลก็ไม่ง่ายที่จะหลอกเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับเขาที่ตื่นก็ง่ายกว่ามาก อย่างน้อยมิคาเอลก็คิดเช่นนี้ ดังนั้นมิคาเอลจึงระมัดระวังขึ้น น้ำเสียงก็เลื่อนลอย “หรง เจ้า ตื่นแล้ว?”
“…”
หรงต้าซือมิ่งที่ไร้ซึ่งเสียงตอบรับดูเหมือนยังไม่ตื่น เพียงแค่เปลี่ยนอิริยาบถเท่านั้น
เรื่องนี้ทำให้มิคาเอลวางใจลงทันที นางทำท่าจะเข้าใกล้ต้าซือมิ่ง ครานี้นางยังไม่ได้สวมเสื้อกลับ ดังนั้นขณะที่นางกำลังจะเข้าใกล้…
“ไสหัวไปซะ”
ต้าซือมิ่งที่ไม่ได้ลืมตาเปล่งเสียงเยือกเย็นทว่าสง่าออกมา เห็นได้ชัดว่าตื่นแล้ว ตื่นแล้วจริงๆ ตื่นทันกาลพอดี หรืออาจจะ…
“เจ้าตื่นนานแล้ว?” มิคาเอลมองต้าซือมิ่งด้วยสีหน้าย่ำแย่สุดขีด ร่างกายสั่นระริก รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองทำลงไปทุกอย่างอย่าง ความพากเพียรของนางเป็นเพียงเรื่องตลก
ทว่า…
“เจ้าไล่ข้าไปไม่ได้หรอก”