ตอนที่ 552 ข้ายอมพลีกายเพื่อเจ้า
มิคาเอลมั่นใจในเรื่องนี้ดี เพราะว่านางคือเทพีแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ ในแง่หนึ่งนางคือส่วนหนึ่งของแห่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นนางจึงมั่นใจมาก ทว่าต้าซือมิ่งไม่ได้ตอบอะไรอีก ถึงอย่างไรก็มีแสงสีม่วงอร่ามแยกออกจากร่างกายของเขา เบ่งบานบนท้องฟ้าและผสานรวมเข้ากับแหล่งศักดิ์สิทธิ์
“เจ้ากำลังทำอะไร” มิคาเอลไม่ค่อยแน่ใจ เพราะว่าการทดลองของต้าซือมิ่ง สำหรับนางแล้วไม่มีความจำเป็นใดๆ และไม่มีโอกาสที่จะสำเร็จ แต่แสงสีม่วงเจิดจ้าที่ร่วงหล่นและ ‘ดับสูญ’ ออกมาจากร่างกายของต้าซือมิ่งล้วนกำลังแสดงให้เห็นว่าเขากำลังผสานรวมกับแหล่งศักดิ์สิทธิ์
มิคาเอลไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าบ้าไปแล้ว”
ทว่าต้าซือมิ่งถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่สนใจนางอีก นอกจากเขาจะกำลังผสานแหล่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขายังสร้างค่ายกลลวดลายศักดิ์สิทธิ์อันลึกลับและไร้ตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ซู่ ลวดลายศักดิ์สิทธิ์สีทองพลันสว่างขึ้น มัน ‘ปิดผนึก’ เขาไว้อย่างแนบเนียน เขานั่งขัดสมาธิลงกลางค่ายกลลวดลายศักดิ์สิทธิ์สีทอง ดังนั้นที่เขาเปล่งเสียงขึ้นเมื่อครู่นี้ คงจะเป็นเพราะกลัวว่าค่ายกลนี้ยังไม่ทันสร้างเสร็จ มิคาเอลจะกระโจนเข้ามาก่อน
แม้ตามหลักแล้ว มิคาเอลคงไม่ได้มีความรวดเร็วเช่นนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าต้าซือมิ่งไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใดๆแม้แต่น้อยจึงรีบเอ่ยปากขึ้นก่อน
ส่วนตอนนี้ ค่ายกลสร้างเสร็จแล้ว เขาจึงไม่สนใจมิคาเอลอีก
ถึงอย่างไรอันที่จริงเขาในยามนี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก หรือกล่าวได้ว่าไม่มีเวลาเลย เพราะว่านอกจากเขาจะผสานรวมพลังของร่างตนเองแล้ว ยังต้องถือโอกาสกลืนกินแหล่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดด้วย
ใช่แล้ว มันคือการกลืนกิน ไม่ใช่การหลอมผสานอย่างที่มิคาเอลคิด ไม่มีใครรู้ว่าอันที่จริงหลังจากที่เด็กน้อยเรียก ‘พ่อ’ ไปสองครั้งผ่านสายเลือดและจิตสัมผัสอันมหัศจรรย์ ต้าซือมิ่งก็เริ่มมีสติแล้ว แต่เขาในตอนนั้นยังต่างจากเขาในขณะตื่นอย่างสมบูรณ์ เรียกได้ว่ามีสติสัมปชัญญะค่อนข้างชัดเจน และเขาก็สัมผัสถึงแหล่งศักดิ์สิทธิ์ได้ในครานั้นเอง
ต้าซือมิ่งรู้ว่าเขาสามารถและอยากจะกลืนกินแหล่งศักดิ์สิทธิ์มาก แทบจะมาจากสัญชาติญาณ เขาจึง ‘อัญเชิญ’ ต้าซือมิ่งสีทองมา เขาต้องการใช้ร่างพลังหลอมผสานกับร่างจริงกลายเป็นพลังบางอย่างที่ลึกลับ เพื่อกลืนกินแหล่งศักดิ์สิทธิ์
และทั้งหมดนี้… สำเร็จภายใต้สัญชาติญาณของต้าซือมิ่ง โดยที่มิคาเอลไม่รู้เลย
พูดตามตรง นางจะคาดคิดได้อย่างไรว่าผู้ที่หลับใหลคนหนึ่งจะมีแผนการเช่นนี้ นอกจากนี้อันที่จริงนางยังไม่เข้าใจว่าต้าซือมิ่งเข้าไปในแหล่งศักดิ์สิทธิ์โดยที่ไม่ต้องอาศัยนางได้อย่างไร ก่อนหน้านี้นางไม่ได้คิดมากด้วยซ้ำ นางคิดว่ามันคือการชี้นำของแสงสว่าง จนบัดนี้… ในที่สุดมิคาเอลก็ฟื้นคืนสติได้เล็กน้อย “เจ้าวางแผนมาแต่แรกแล้ว?”
ทว่าต้าซือมิ่งไม่สนใจนางอีกแล้ว เขากำลังยุ่ง
มิคาเอลจึงค่อยๆ สวมชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์และค่อยๆ สงบลง “ดูท่าในขณะที่ข้าคิดร้ายกับเจ้า เจ้าก็คิดร้ายกับข้า ก็ดี ถึงอย่างไรข้าก็มีส่วนผิด ถือว่าหายกัน แต่โปรดอนุญาตให้ข้าเตือนเจ้า การกระทำตอนนี้ของเจ้าคือการทำลายตนเอง แหล่งศักดิ์สิทธิ์คือพลังทำลายล้างที่ตกตะกอนมาจากการระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวาล เจ้าเป็นของความมืด หากกลืนกินแหล่งพลังทำลายล้างนี้มีแต่จะทำให้เจ้าตาย”
คำพูดนี้ฟังดูมีเหตุมีผล ความจริงแล้วมิคาเอลก็ไม่ได้โกหก ต้าซือมิ่งแห่งกรมความมืด พลังของต้าซือมิ่งผมสีทองก็รุนแรงและมีอำนาจเหนือกว่ามาก
พลังการระเบิดจักรวาลครั้งใหญ่ของจักรวาลที่สามารถทำลายจักรวาลหนึ่งได้ แม้จะเป็นเพียงพลังที่ตกตะกอนมาก็เดาได้ไม่ยากว่าระดับของการระเบิดนั้นจะแข็งแกร่งมากแน่นอน
น่าเสียดาย… แม้สิ่งที่มิคาเอลพูดจะมีเหตุผล ต้าซือมิ่งก็ไม่สนใจ
ในความเป็นจริงแล้ว พลังที่ต้าซือมิ่งมีนั้นมืดมนมาก เช่นหุบเหวแห่งความมืดของต้าซือมิ่งผมสีแดง หุบเหวแห่งคำสาปของต้าซือมิ่งผมสีฟ้าล้วนมืดมนมาก แต่เขาสามารถย่อยพลังเหล่านี้ได้ตั้งแต่กำเนิด ดังนั้น…
“…”
แสงสีม่วงระยิบระยับที่ยังคงอ้อยอิ่งและละลายหายไปอย่างเงียบงันยังคงดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อมิคาเอลเห็นว่าห้ามไปก็ไร้ผล นางกลับไม่ได้ร้อนรนใจ เหมือนกับว่านางเองก็หลงไปในความคิด พลังจิตสัมผัสของนางเองก็แผ่ซ่านไปยังทั่วทุกมุมของแหล่งศักดิ์สิทธิ์ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ยอมแพ้
ในขณะเดียวกัน…
กู้จื่อเฟิงส่งสารให้จักรพรรดิหูจวิ้น “จักรพรรดิ สองแม่ลูกปฐมราชินีเยี่ยนเข้าไปในแท่นบูชาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี” น้ำเสียงของหูจวิ้นตื่นเต้นดีใจ
กู้จื่อเฟิงจึงแสดงความยินดีล่วงหน้าว่า “เช่นนั้นข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาทที่ประสบความสำเร็จ”
“เพราะความดีความชอบของเจ้า” หูจวิ้นตอบเสร็จก็ตัดสารก่อนจะวุ่นเรื่องของตนต่อไป
กู้จื่อเฟิงเก็บไข่มุกส่งสารกลับมา ขนตายาวราวกับปีกผีเสื้อสั่นไหวเล็กน้อย ในใจกลับทอดถอนใจไม่รู้จบ “จื่ออวี๋ อย่าโทษข้าที่ครั้งนี้ไม่ได้ช่วยเจ้า ถึงอย่างไรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็ไม่สามารถกลับมาเป็นดังเดิมได้”
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหลังจากที่กู้จื่อเฟิงได้รับความทรงจำเหล่านั้น เขาก็ลังเลขึ้นมาครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเป็นผู้นำที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับที่ปรึกษาของจักรพรรดิของแอตแลน ช่วยหูจวิ้นวางแผนร้าย
…
ในแหล่งศักดิ์สิทธิ์ มิคาเอลที่เงยหน้ามองต้าซือมิ่งอีกครั้ง นางเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “แสงสว่างที่นำทางข้าต้องการให้ข้าหลอมผสานกับเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าต่อต้านข้าเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจำใจต้องใช้วิธีสุดท้ายแล้ว ข้าจะนำพลังทั้งหมดของข้ามอบให้เจ้า ผสานเข้าไปในร่างกายของเจ้า เช่นนี้ ข้าและเจ้าก็จะถือว่าผสานรวมกันแล้ว”
เมื่อพูดจบ ร่างกายของมิคาเอลเลือนลางอีกครั้ง เช่นเดียวกับแหล่งพลังที่ตกลงมาจากต้าซือมิ่งค่อยๆ ผสานเข้าไปในแหล่งศักดิ์สิทธิ์รวมเป็นร่างเดียวกับกัน
ในฐานะที่เป็นเทพีแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ มิคาเอลสามารถผสานกับแหล่งศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งกลิ่นอายทำลายล้างเหล่านั้นไม่มีอิทธิพลต่อนาง เพราะว่าตัวนางกำเนิดจากแหล่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมิคาเอลที่ค่อยๆ สลายไปก็พูดขึ้นว่า “ตราบใดที่พลังของข้าอยู่ในร่างกายของเจ้า ถึงแม้เจ้าจะถูกกลืนกินกลับ เจ้าก็จะยังรักษาจิตดั้งเดิมไว้ได้ หรง เพื่อเจ้า เพื่อแสงสว่าง ตัวข้ามิคาเอลยินยอมพลีกายให้ หวังว่าหลังจากเจ้าสำเร็จแล้ว อย่าลืมฟื้นฟูลัทธิแสงสว่าง ขับไล่ราชวงศ์แอตแลน ล้างแค้นให้บรรพบุรุษลัทธิแสงสว่างของข้า”
เมื่อพูดจบ…
“ลาก่อน”
มิคาเอลที่กล่าวอำลาหายไปในแหล่งศักดิ์สิทธิ์ราวกับกลับไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งศักดิ์สิทธิ์
จากนั้น… แสงสีขาวบริสุทธิ์เป็นจุดเล็กจุดน้อยลอยขึ้นมาจากทั่วทุกมุมของแหล่งศักดิ์สิทธิ์ราวกับดวงดาวน้อยใหญ่ค่อยๆ บรรจบกันไปทางต้าซือมิ่ง