ตอนที่ 553 ต้าซือมิ่งเย้าแหย่ภรรยาปกป้องลูก
เยี่ยนอวี๋และเด็กน้อยในครานี้ แม้พวกเขาจะดำลงไปข้างใต้แท่นบูชา แต่เห็นได้ชัดว่า ‘ไปผิด’ ที่แล้ว ทว่าพวกเขาก็อยู่ในโลกแห่งแสงสว่างเช่นกัน สิ่งที่ต่างกันคือโลกแห่งแสงสว่างที่เยี่ยนอวี๋และเด็กน้อยอยู่เป็นโลกแห่งแสงสว่างที่เต็มไปด้วยหมอกสีขาว เหมือนกับอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกโกลาหลและเหมือนกับเดินอยู่ในฝ้ายเรือนแสง
“เนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่างงงัน
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว “ตำแหน่งไม่ถูก”
เยี่ยนเสี่ยวเป่างุนงง “ไม่ถูก อย่างไร” ทั้งๆ ที่ตอนลงมาถูกต้อง แต่พอลงมาแล้วกลับไม่ถูก ทั้งยังไม่มีกลิ่นอายของท่านพ่อรูปงามด้วย เพราะเหตุใดกัน
“ดูท่าฝีมือของกู้จื่อเฟิงเก่จกาจกว่าที่ข้าคาดคิด” เยี่ยนอวี๋รู้ว่านางยังคงไม่รู้จักแอตแลนดี บัดนี้เห็นได้ชัดว่าตกหลุมพรางพวกเขาแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินดังนั้นก็โมโห “ลุงไม่ดี น่ารังเกียจ”
“ใช่แล้ว” เยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อยตัวนุ่มนิ่ม สงบจิตใจลงได้แล้ว “แล้วเสี่ยวเป่ายังโกรธแม่หรือไม่”
“ไม่…” เด็กน้อยที่กอดท่านแม่ไว้แน่นยังเอาหน้าถูไปมาที่คอของท่านแม่ “เป่าผิดเอง แต่ แต่ว่า เป่าร้อนใจ คิด ไม่ถึง”
เยี่ยนอวี๋ใจละลายในทันที แววตาอ่อนโยนจนเหลือเชื่อ “แม่รู้แล้ว แม่รักเสี่ยวเป่ามากเลย”
“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกชมยิ้มร่าและยังกระโดดโลดเต้นอย่างเป็นธรรมชาติ หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนอวี๋กอดไว้แน่น เด็กน้อยคงร่วงลงพื้นอีกครั้ง
เยี่ยนอวี๋จำเป็นต้องตั้งกฎว่า “เช่นนั้นต่อไปเสี่ยวเป่าห้ามไปไหนมาไหนเพียงลำพัง จะร้อนใจอย่างไรก็ต้องบอกท่านแม่ อย่าทำให้ท่านแม่เป็นห่วง ดีหรือไม่”
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่พิงไหล่ของเยี่ยนอวี๋นิ่งๆ ครานี้เขาก็เชื่อฟังจริงๆ แล้ว เขากะพริบตามองไปรอบทิศ จากนั้นก็เห็น…
“พ่อ” เด็กน้อยชี้ไปข้างหน้า เกือบจะลอยออกไปแล้ว
หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนอวี๋เพิ่งย้ำเตือนไป เด็กน้อยคงกระโดดออกไปจริงๆ แล้ว และโชคดีที่เยี่ยนอวี๋เตือนและสั่งสอนทันเวลา เพราะเยี่ยนอวี๋ที่หันไปมองก็เห็นต้าซือมิ่งเช่นกัน และยังเป็นต้าซือมิ่งที่สวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ยังมีมิคาเอลที่แทบจะเปลือยกายยืนอยู่ข้างๆ เขา
เพียงมองแค่ปราดเดียว… เยี่ยนอวี๋ก็ยิ้มเย็นชา “ภาพมายาที่ทำได้หยาบจริงๆ”
“อะไรนะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ ยังคงชี้ท่านพ่อเขา แต่พ่อที่เขาเห็นไม่ใช่พ่อที่เปลือย แต่เป็นพ่อที่กำลังทำอาหาร อยากทานอาหารจังเลย
“ของปลอมไงเล่า เอาไว้หลอกพวกเรา” เยี่ยนอวี๋อธิบาย “เจ้าคิดดูสิ หากเป็นพ่อของเจ้าจริงๆ เจ้าเรียกเขา เขาต้องเดินมาอุ้มเจ้าแล้วใช่หรือไม่”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าคิดดูก็ใช่ แต่ ‘พ่อ’ ที่เขาเห็นก็เดินเข้ามาหาเขาตามเสียงเรียกจริงๆ แล้ว
ทว่า… เยี่ยนอวี๋ยังพูดว่า “อีกทั้งเจ้าสัมผัสท่านพ่อเจ้าได้ ตอนนี้สัมผัสถึงหรือไม่”
เพียงประโยคเดียว… ดับความตื่นเต้นดีใจจนหมดสิ้น ทำให้ใบหน้าน้อยๆ ของเขาบูดบึ้งทันที “ไม่มี”
“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว เสี่ยวเป่าอยู่นิ่งๆ ต้องอยู่ในอ้อมอกของแม่นิ่งๆ นะ” เยี่ยนอวี๋กำชับก่อนจะเดินเปลี่ยนเส้นทาง
ในศีรษะของนางกำลังครุ่นคิดถึงเส้นทางที่ตนเดินมาเมื่อครู่นี้ เตรียมจะทำความเข้าใจกับสถานที่นี้โดยคร่าวๆ ว่าที่ที่นางอยู่คือสถานที่เช่นไร
“ขอรับ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ขานตอบทำหน้าบูดบึ้งด้วยความผิดหวัง รู้สึกโมโหเล็กน้อย “คนไม่ดี ชอบหลอกเป่า รอเป่าเจอ จะตีเขา”
เยี่ยนอวี๋ยิ้มพลางจูบเด็กน้อย เดินไปมาในสถานที่ที่เต็มไปด้วยมายา ไม่มีร่องรอยความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ทำให้หูจวิ้นที่ดูอยู่ครู่หนึ่งอดทอดถอนใจไม่ได้ “ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น จิตใจของเยี่ยนอวี๋ไม่ธรรมดาจริงๆ”
“มิเช่นนั้นนางก็คงสร้างจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่สมบูรณ์แบบเช่นนั้นไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะมีโอกาสเมื่อสามหมื่นปีก่อน แอตแลนคงไม่มีโอกาสได้เจอจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่สมบูรณ์แห่งนั้น” ริกเกิร์ตที่มีฟันทองเต็มปากพูดขึ้น เห็นได้ชัดว่าประเมินเยี่ยนอวี๋ไว้สูงมาก
ในความเป็นจริงแล้ว อันที่จริงพวกเขาไม่ได้ดูถูกเยี่ยนอวี๋ รวมถึงหูจวิ้นด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้ ซ่อนตัวลอบวางแผนทำร้ายนาง อีกทั้ง หูจวิ้นไม่เพียงวางแผนทำร้ายเยี่ยนอวี๋ เขายังวางแผนทำร้ายซีหวังหมู่และพรรคพวก ดังนั้นเขายังถามขึ้นว่า “ทางฝั่งหูเฮ่อยังไม่มีข่าวหรือ”
“ตอนนี้ยังไม่มีพ่ะย่ะค่ะ” ริกเกิร์ตผู้มีฟันทองเต็มปากขมวดคิ้ว รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ถึงอย่างไรนอกจากเขาแล้ว เทพผู้พิทักษ์เจ็ดองค์ที่เหลือก็ไปกรมความมืดตามองค์ชายหูเฮ่อ ทว่า… ไม่ว่าจะเป็นหูจวิ้นและริกเกิร์ตในบัดนี้หรือองค์ชายหูเฮ่อและพรรคพวกก็คิดไม่ถึงว่าพวกซีหวังหมู่ไม่ได้อยู่ในกรมความมืด แต่อยู่ในปราสาทลาซิน่า อีกทั้งยังอยู่ในวังใต้ดินแห่งนั้นที่ต้าซือมิ่งถูกจัดให้ ‘อยู่’ มาก่อน ทว่าแม้แต่ดยุคลาซิน่าเองก็ไม่รู้ว่าเขา ‘ซ่อน’ ศัตรูไว้
“ถามตรงๆ นะ พวกเรามาที่นี่ทำไมหรือ” ซีหวังหมู่ไม่เข้าใจมาตลอดทางว่าที่มันเพิ่งจะกลับไปพักผ่อนแล้วถูกลากมาที่นี่หมายความว่าอย่างไร
“มาถ่ายอุจจาระ?” เอ้อร์เหมาถามนายน้อยของเขา ถึงอย่างไรนี่ก็คือความคิดของนายน้อยเขา และเขาก็ถูกกระทืบอย่างไม่ต้องสงสัย
อินหลิวเฟิงปรายมองเหล่าเทพอย่างหมดคำพูด “พวกเจ้าไม่มีใครคิดได้เลยหรือ”
“เจ้ากลัวว่าพวกเขาจะลงมือกับพวกเรา ใช้พวกเราข่มขู่นายท่าน?” เซ่าเฮ่าขมวดคิ้วถาม
อินหลิวเฟิงยิ้ม “ดีที่ยังมีคนเข้าใจ ไม่เสียเปล่าที่ข้าใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อหาสถานที่ให้พวกเจ้าซ่อนตัวเช่นนี้”
“แล้วนายท่านจะมีอันตรายหรือไม่” ซีหวังหมู่ถามอย่างร้อนรน
อินหลิวเฟิงกลอกตาทันที “เอาเถอะน่า กูไหน่ไนเก่งกาจเช่นนี้ อีกทั้งยังมีต้าซือมิ่ง พวกเขาไม่รังแกผู้อื่นก็ดีแล้ว ยังจะมีอันตรายหรือ”
“แต่ว่า…” อิงหลงเองที่เป็นห่วงทำท่าจะพูดอะไร
เอ้อร์เหมาตั้งสติได้ “นั่นน่ะสิ ตามประสบการณ์ที่ผ่านมา ตราบใดที่พวกเราไม่เป็นอะไร คุณหนูใหญ่เยี่ยนและหรงต้าซือมิ่งรวมถึงนายน้อยก็จะต้องไม่เป็นอะไร”
“รู้จักพัฒนาตนเองควรค่าให้สั่งสอน” อินหลิวเฟิงหุบพัดชี้ไปที่เตียง “รีบปูเตียงเร็วเข้า นายน้อยเจ้าต้องนอนสักงีบ จะอดหลับอดนอนไม่ได้อีก หัวจะล้านอยู่แล้ว”
“พอแล้ว นายน้อยแม้ท่านไม่ได้อดหลับอดนอนก็หัวล้านอยู่ดี” เอ้อร์เหมาพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็เดินไปปูเตียงแล้ว
เซ่าเฮ่าที่มองเจ้านายและลูกน้องสองคนนี้ก็พูดไปออกจึงมองไปที่เม่ยเอ๋อร์ “เม่ยเอ๋อร์ เจ้าคิดเห็นเช่นไร”
“ฟังเขาเถอะ หากคุณหนูใหญ่มีอะไรก็เรียกพวกเราได้อยู่แล้ว” เม่ยเอ๋อร์คิดว่าทุกคนอยู่ในเมืองแอตแลนกันหมด คุณหนูใหญ่ย่อมเรียกพวกเขาได้ไม่ยาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ ซีหวังหมู่และคนอื่นๆ ก็ซ่อนตัวอยู่ในปราสาทลาซิน่าอย่างสบายตามความคิดอันแปลกประหลาดของอินหลิวเฟิง ปล่อยให้หูเฮ่อและพรรควกที่อยู่ข้างนอกคิดให้ตายยังไงก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
นอกจากนี้เยี่ยนอวี๋ในบัดนี้คิดออกแล้วว่าสถานที่ที่นางอยู่แห่งนี้เป็นสถานที่ระดับไหน และนางก็กำลังหาทางออก
แต่หูจวิ้นในบัดนี้ก็พูดกับริกเกิร์ตผู้มีฟันทองเต็มปากว่า “ฉายภาพความจริงในแหล่งศักดิ์สิทธิ์เข้าไป ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่าหลังจากปฐมราชินีเยี่ยนรู้ว่ามิคาเอลพลีกายให้หรงแล้ว นางจะคิดอย่างไร”
ริกเกิร์ตพยักหน้า “ปรีชายิ่งนัก ด้วยระดับความสำคัญที่ปฐมราชินีเยี่ยนมีต่อหรง นางต้องคิดว่าชายคนนี้แปดเปื้อนมิคาเอลแล้ว และยังเป็นชนิดที่ลบล้างไม่ได้ นางต้องขยะแขยงแน่นอน และต้องส่งผลกระทบต่อจิตใจนางแน่นอน”
“ใช่แล้ว” หูจวิ้นยิ้มได้ใจ
ริกเกิร์ตจึงนำภาพในแหล่งศักดิ์สิทธิ์ที่บันทึกไว้ทั้งหมดฉายในสถานที่ที่เยี่ยนอวี๋อยู่อย่างรวดเร็ว เพราะบางภาพก็ฉายช้าเกินไป
ดังนั้น…
“พ่อ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เห็นท่านพ่ออีกครั้ง เขาก็รู้สึกว่าพ่อตรงหน้าไม่เหมือนเดิม ทำให้เขารีบจับท่านแม่ของเขาไว้แน่น รู้สึกประหม่าและตื่นเต้นเล็กน้อย
เยี่ยนอวี๋ชะงักฝีเท้าลง เพราะว่านางมั่นใจว่าต้าซือมิ่งที่นอนลอยอยู่กลางอากาศที่นางเห็นคือสามีของนาง มันเป็นสัญชาติญาณอย่างหนึ่ง
เยี่ยนอวี๋รู้ว่านี่อาจจะไม่ใช่ภาพมายา แต่คือภาพที่เกิดขึ้นจริง นางลูบหลังของเด็กน้อยเบาๆ ปลอบโยนว่า “เราดูก็พอ เพราะว่าพ่อของเจ้าไม่อยู่ที่นี่”
“ขอรับ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าขานตอบอย่างเชื่อฟังและเขาก็เห็น “เท ขี้” เด็กน้อยที่พูดคำว่าเทพีไม่ชัดก็ทำนายความบ้าคลั่งของมิคาเอลต่อจากนี้ได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อเยี่ยนอวี๋เห็นมือที่แผ่ซ่านแสงสีม่วงจางๆ ออกมา รอบกายนางก็เกิดกลิ่นอายพิฆาตหลั่งไหลออกมา เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโหจนตะโกนว่า “ออก ออกไป…”
เยี่ยนอวี๋กลับปิดตาของเด็กน้อยไว้ ไม่ให้เด็กน้อยดูต่อไปแล้ว นางเดาได้ว่าภาพต่อจากนี้ต้องไม่งามแน่นอน แต่เด็กน้อยย่อมอยากดูต่อ
ทว่าเยี่ยนอวี๋ก็เกลี้ยกล่อมว่า “เสี่ยวเป่าเด็กดี ฟังที่แม่พูดดีหรือไม่”
“…ขอรับ” เด็กน้อยขานตอบ เขาเคยรับปากท่านพ่อไว้ว่าต้องรักษาสัจจะ
จากนั้นเยี่ยนอวี๋ก็โมโหจริงๆ และรู้ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ตนเองจึงรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี โชคดี… ที่สามีนางดีพอ
แต่แล้ว… ฉากที่ถูกเร่งให้เร็วขึ้นถูกพลิกผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนแทบจะเป็นฉากในเวลาเดียวกันกับแหล่งศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ ตอนที่มิคาเอลพลีกายให้ต้าซือมิ่ง ทว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของหูจวิ้นคือ เยี่ยนอวี๋สงบนิ่งมาก แม้นางจะมองภาพนั้นตลอด แต่เหมือนกับว่านางจะไม่โมโหแล้ว
นี่มัน… หูจวิ้นยังไม่ทันครุ่นคิด
“ฝ่าบาท ไม่ถูก หรงสกัดกั้นการพลีกายมิคาเอลไว้” ริกเกิร์ตผู้มีฟันทองเต็มปากที่คอยสังเกตการณ์พบว่ามิคาเอลที่พลีกายเป็นดวงดาวเล็กๆ น้อยๆ ถูกสกัดไว้นอกชั้นค่ายกลแล้ว
แต่เขาทำได้อย่างไร?
ริกเกิร์ตกำลังงุนงง หูจวิ้นก็ตะโกนขึ้น “รีบตัดภาพซะ”
ริกเกิร์ตตัดภาพ ฉับ ทันที