ตอนที่ 557 เสี่ยวเป่านำกลุ่มไปหาพ่อ
เด็กน้อยที่ตะลึงครู่หนึ่ง หลังจากที่กลืนซาลาเปาที่ละลายในปากลงไปก็มองท่านแม่ของเขาอย่างน่ารักน่าชัง “มัน เรียก เรียกเป่าหรือขอรับ”
ครานี้เยี่ยนอวี๋ก็ไม่ค่อยมั่นใจ นางจึงหันกลับไปมองหมาป่ายักษ์ศีรษะบวมเป่งกำลังพยายามลุกขึ้นมา
“เฟนเลย์ เจ้านายของเจ้าไม่ใช่หูจวิ้นหรือ” โลกีเองก็ถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
ทว่าเฟนเลย์หมาป่ายักษ์ตัวนั้นกลับไม่สนใจเขา มันกำลังมองเด็กน้อยอย่างตั้งใจ “นายน้อย ท่านคือบุตรแห่งผู้สร้างหรือก็คือนายน้อยของเฟนเลย์”
เยี่ยนเสี่ยวเป่า “(⊙_⊙)?”
เด็กน้อยที่แสดงสีหน้างุนงง เขาก็มองท่านแม่ของเขาต่อไป
เยี่ยนอวี๋เดินเข้าใกล้เฟนเลย์ นางรับรู้ได้ว่าสิ่งที่หมาป่ายักษ์ตัวนี้พูดเป็นความจริง มันยอมรับลูกของนางเป็นเจ้านายอย่างจริงใจ นอกจากนี้เหมือนกับว่ามันจะรู้ว่าเยี่ยนอวี๋จะไม่เชื่อ หลังจากนางอุ้มเจ้าตัวน้อยเดินเข้ามาใกล้ เฟนเลย์ก็คายหัวใจอสูรของตัวมันเองออกมา ซึ่งเป็นหัวใจที่เปื้อนเลือด
“อ้ะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบปิดตาทันที บอกว่าเจ้าทำเป่าตกใจ
แต่โลกีเชื่อว่าเจ้าตัวน้อยแกล้งทำเป็นตกใจ ช่างเป็นนักแสดงตัวน้อยจริงๆ
ทว่าโลกีก็ช่วยขยายความว่า “ความหมายของเฟนเลย์คือหากเจ้าไม่เชื่อสามารถสลักกลิ่นอายของทารกน้อยคนนี้บนหัวใจของมัน จากนี้พวกเขาก็จะใช้ชีวิตร่วมกัน”
ทว่าเฟนเลย์กลับพูดว่า “ใช้เลือด ข้าสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อนายน้อยจนวันตาย”
“ไม่ ไม่ๆ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าปฏิเสธกับท่านแม่ของเขา “เจ็บๆ เลือดไหลเจ็บๆ เป่ากลัว…”
เยี่ยนอวี๋ลูบเด็กน้อย “แต่เสี่ยวเป่าก็จะได้ครอบครองหมาป่าใหญ่หล่อเหลาตัวนี้นะ”
“ไม่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่าไม่เสียดายแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรเฟนเลย์ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความงามของเขา ทั้งไม่วิบวับและยังแดงจัดอีกด้วย เป่ากลัว
โลกี “…”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมีคนปฏิเสธความจงรักภักดีของเฟนเลย์ เอาเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นเด็กไร้เดียงสาอยู่ดี ไม่รู้ว่าเฟนเลย์แข็งแกร่งเพียงใด
หมาป่ายักษ์เฟนเลย์หดหู่ใจมาก ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นความภักดีที่จริงใจที่สุดของมันครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้มันจำเป็นต้องภักดีเพราะถูกบีบคั้นหรือไม่ก็เป็นผลประโยชน์แลกเปลี่ยนหรือมีผลประโยชน์ร่วมกัน
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางก็ทำได้เพียงปลอบเด็กน้อยต่อไป “แม่รับรองว่าจะไม่ทำให้เสี่ยวเป่ารู้สึกเจ็บ ดีหรือไม่”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองท่านแม่ของเขาตาปริบ แม้จะไม่ได้พูดว่า ‘ไม่’ แต่ก็แสดงสีหน้าชัดเจน
ถึงอย่างไรเยี่ยนอวี๋ถูกมองเช่นนี้ก็ทำไม่ลง นางจึงทำได้เพียงถอยก้าวหนึ่งและขอร้องว่า “เช่นนั้นเสี่ยวเป่าถ่มน้ำลายแทนนะ”
“ขอรับ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบตกลงทันที ยังถ่มน้ำลายใส่หัวใจขนาดใหญ่ของเฟนเลย์ที่โชกไปด้วยเลือด
เฟนเลย์ “…”
เอ่อ… มีกลิ่นนม
โลกี “…”
เอ่อ… แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ?
แต่ไม่ว่าโลกีคิดอย่างไร ถึงอย่างไรเยี่ยนอวี๋ก็สลักผนึกลึกลับตัวหนึ่งลงไปบนหัวใจของเฟนเลย์แล้ว
เพียงแค่ชั่วขณะ… เฟนเลย์ยักษ์ก็สัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างตนเองและนายน้อย มันสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของนายน้อยพลุ่งพล่านเป็นพิเศษ แม้แต่ต้นไม้แห่งชีวิตก็สู้นายน้อยไม่ได้
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับไม่รู้สึกอะไร เขาดื่มนมต่อไปแล้ว
อึก
เฟนเลย์ที่กลืนหัวใจลงไปในร่างกาย มันก็หมอบลงอย่างอ่อนแอ ดูท่าการคายหัวใจอสูรตนเองออกมามีผลกระทบต่อตัวมันเองอย่างมาก อีกทั้งอันที่จริงมันยังรู้สึกวิงเวียน เพราะรอยนูนบนศีรษะยังไม่ยุบ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเองก็ดื่มนมจนหมด เขาเก็บขวดนมกลับไปก่อนจะเรอออกมาเบาๆ
ทว่าหลังจากที่โลกีสำรวมเฟนเลย์ครู่หนึ่งแล้วก็พูดว่า “ในตัวของเฟนเลย์ยังมีกลิ่นอายของหูจวิ้น ให้ข้ากำจัดทิ้งเถอะ หูจวิ้นจะได้ไม่สามารถใช้สิ่งนี้สร้างปัญหาอีก”
“นั่นคือผนึกของราชาแอตแลน รอข้าฟื้นตัวแล้วก็กำจัดทิ้งเองได้” เฟนเลย์ไม่สนใจ
แต่โลกีย้ำว่า “แต่พวกเราต้องลงมือในยามนี้ อีกทั้งวิญญาณร้ายซาตานก็อยู่ที่นี่ มันจะหาเราเจอและคอยรบกวนพวกเราได้ตลอดเวลา”
“คืองูที่มีปีกตัวนั้นน่ะหรือ” เยี่ยนอวี๋ถาม
“ใช่แล้ว” โลกีพยักหน้า “ซาตานต่างจากเฟนเลย์ตรงที่ ซาตานเป็นทาสที่ทำให้เป็นปีศาจทางสายเลือด โดยใช้เลือดของหูจวิ้นเอง มันจะเชื่อฟังคำสั่งของหูจวิ้นเท่านั้น และยังไม่มีวันตายด้วย”
“เป่า ตี” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบอกว่าเป่าไม่กลัวหรอก
เยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อย “แต่มันจะมาตลอด เสี่ยวเป่ากินข้าวไม่ทันแน่ๆ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าชะงักเล็กน้อย ไม่พูดอะไรอีก
เยี่ยนอวี๋จึงส่งสัญญาณให้โลกีเริ่มลงมือได้
หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ก็ไม่ได้คัดค้าน
วิ้ง
โลกีที่ทั่วทั้งร่างสะท้อนแสงสีทองมรกตออกมา เหนือฝ่ามือของเขายังปรากฏสัญลักษณ์ประหลาดซึ่งดูเหมือนสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายงูสองตัวกำลังชูมงกุฎ และอันที่จริงนี่คือสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์แอตแลน ในฐานะที่โลกีเป็นลูกหลานของราชวงศ์ย่อมมีตราสัญลักษณ์เช่นนี้ และสามารถดึงตราผนึกของราชาบนตัวของหมาป่าออกมาได้
ตราผนึกราชาที่ว่าอันที่จริงก็คือพระบรมราชสัญลักษณ์ เพียงแต่ว่าเป็นตราผนึกที่ถูกหูจวิ้นเสริมพลังศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิลงไป ทำให้ยิ่งพิเศษและยิ่งแข็งแกร่ง
ทว่าเห็นได้ชัดว่าโลกีก็มีความสามารถไม่ธรรมดา แสงหม่นที่ไหลออกมาจากดวงตาของเขายิงโดนตราผนึกราชานั่นทันที “กร่อน”
ขณะที่โลกีเปล่งเสียงศักดิ์สิทธิ์แอตแลนอันโบราณนั่นเอง ตราผนึกราชานั่นก็ถูกพลังกัดกร่อนอันทรงพลังทำลายเกิดเสียงดัง แซ่ดๆ
จากนั้น…
พรวด หูจวิ้นที่กระอักเลือดขนานใหญ่ออกมาในทันที ริมฝีปากของเขาซีดเผือด
“ฝ่าบาท” ริกเกิร์ตฟันทองตกตะลึง “เกิดเรื่องแล้วหรือ”
ดวงตาของจักรพรรดิหูจวิ้นมืดมนราวกับทะเลสาบสีเขียวเข้มสองแห่งที่มองไม่เห็นก้นบ่อ ลมหายใจของเขาก็หนักหน่วงเล็กน้อย “โลกีบัดซบนั่น เขายังไม่ตาย”
“อะไรนะ” ริกเกิร์ตประหลาดใจสุดขีด
หูจวิ้นยกมือขึ้นเช็ดเลือดบนปาก สายตาเย็นยะเยือก “เขาทำลายตราผนึกราชาที่ข้าทิ้งไว้บนตัวของเฟนเลย์ทิ้ง ไอ้คนบัดซบ”
“เข้าไปสวนเอเดนแสนปีแล้ว เขายังไม่ตาย?” ริกเกิร์ตคิดไม่ถึงเลย “เช่นนี้หมายความว่าเฟนเลย์และซาตานอยู่ในสวนเอเดนหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นไปได้สูง ปฐมราชินีเยี่ยนทำลายโลกมายาแตกละเอียด สร้างพายุหมุนมิติขึ้นมา ทำให้นาง เฟนเลย์ และซาตานถูกพัดม้วนเข้าไปในสวนเอเดน” หูจวิ้นนวดระหว่างคิ้ว รู้สึกเหมือนเรื่องราวยิ่งยุ่งยากและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม
หลายปีมานี้เขาคิดมาตลอดว่าน้องชายไม่เอาไหนคนนั้นตายอยู่ในสวนเอเดนไปนานแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะยังมีชีวิตอยู่ และยังมาสร้างปัญหาให้เขาอีกแล้ว
นอกจากนี้เมื่อเขาเพิ่งคิดเช่นนี้เสร็จ…
แครก
แครกๆ
มีเสียงความเคลื่อนไหวแปลกประหลาดดังขึ้นจากข้างใต้แท่นอัญเชิญ ทำให้หูจวิ้นที่แม้จะไม่สามารถเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแหล่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังคงเฝ้าสังเกตบริเวณแท่นบูชาสีหน้าเคร่งขรึมทันที
ริกเกิร์ตเองก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึม “ฝ่าบาท หรงคนนี้ เกรงว่าจะกำลังวางแผนทำการใหญ่ที่แม้แต่เราก็คาดคิดไม่ถึง เกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มิอาจคาดเดาได้ครั้งใหญ่”
หูจวิ้นย่อมเข้าใจดี สีหน้าของเขาย่ำแย่กว่าเดิม ถึงอย่างจนถึงบัดนี้ นอกจากกู้จื่อเฟิงที่ทำสำเร็จแล้ว แผนการหลังจากนั้นก็ล้มไม่เป็นท่า
“ไปเรียกกู้จื่อเฟิงมา” หูจวิ้นรู้สึกว่าเขายังคงต้องการความช่วยเหลือจากมันสมองของจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าคนนี้ ให้เขามาช่วยวิเคราะห์และวางแผนขั้นต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ อีก
ริกเกิร์ตไปหากู้จื่อเฟิงอย่างว่องไว
ในขณะเดียวกัน… ในแหล่งศักดิ์สิทธิ์
“นี่เจ้า…”
มิคาเอลที่มองแหล่งศักดิ์สิทธิ์แตกร้าวจากกันอย่างทำอะไรไม่ถูก นางก็ลุกขึ้นยืนมองรอยแตกร้าวรอบๆอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง นัยน์ตาเคร่งเครียด
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็เดาออกแล้วว่า “เจ้ากำลังกลืนกินแหล่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้กำลังผสานแหล่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างนี้นี่เอง… มิน่าเจ้าจึงไม่ต้องการการพลีกายของข้า เจ้าหาวิธีการกลืนกินแหล่งศักดิ์สิทธิ์เจอแล้ว แต่ว่า… ไม่ถูกสิ หากเจ้ากลืนกิน เช่นนั้นก็ยิ่งต้องการให้ข้าช่วยผสานความไม่เสถียรของแหล่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากลืนกินอย่างอุกอาจเช่นนี้ มีแต่จะทำให้เจ้าระเบิด หรง เจ้าได้ยินสิ่งที่ข้าพูดหรือไม่”
“…”
ต้าซือมิ่งที่ไร้การตอบสนองใดๆ เขาย่อมไม่ได้ยินอะไร อีกทั้งแม้เขาจะได้ยินแล้ว เขาก็จะทำเป็นไม่ได้ยิน
ดังนั้นมิคาเอลรออยู่ครู่หนึ่ง ไม่รอให้มีการตอบสนองใดๆ รอยแตกร้าวในแหล่งศักดิ์สิทธิ์ก็หนาแน่นขึ้นกว่าเดิม ถือได้ว่าเป็นการตอบสนองนางอย่างเงียบๆ
“เจ้าไม่เชื่อข้า ยังคงดึงดันกระทำเพียงลำพัง เจ้าจะเสียใจ” มิคาเอลส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “ในเมื่อเจ้าดื้อรั้นเช่นนี้และไม่สนใจกับการฟื้นฟูลัทธิแสงสว่าง เช่นนั้นข้า… มิคาเอลคงต้องจากเจ้าไป ข้าต้องนำเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ทูลบอกหูจวิ้น ให้เขาห้ามเจ้า มิเช่นนั้นเจ้าไม่เพียงแต่จะทำลายตนเอง แต่จะทำลายแอตแลนด้วย”
เมื่อพูดจบ มิคาเอลที่เงียบและรอคอยคำตอบอีกครั้ง อันที่จริงนางหวังว่าต้าซือมิ่งจะรั้งนางไว้ เพราะว่านางอยากจะร่วมมือกับเขามากกว่า น่าเสียดาย… ต้าซือมิ่งไม่ได้ยินเลย มิคาเอลหายใจกระฟัดกระเฟียด “ได้ ในเมื่อเจ้าไม่สนใจข้าเช่นนี้ ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจ”
เมื่อพูดจบ รอบกายมิคาเอลค่อยๆ เลือนรางอีกครั้ง นางกำลังจะหายออกไปจากแหล่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว หลังจากที่ไม่ได้รับการตอบสนองจากต้าซือมิ่ง เห็นได้ชัดว่านางจะไปหาตัวสำรองอย่างหูจวิ้น
ทว่า…