ตอนที่ 560 ปิดโลงศพของต้าซือมิ่งไว้ไม่อยู่แล้ว!
กู้จื่อเฟิงถามพลางยิ้มจางๆ ก่อนจะนำเยี่ยนอวี๋เข้าไปในวิหาร “ข้าน้อยด้อยความสามารถ เต็มใจที่จะไขปริศนาให้ปฐมราชินี”
เยี่ยนอวี๋ก้าวเข้าไปในวิหาร พบว่าหูจวิ้นไม่ได้ตามมาด้วย นางอดยิ้มไม่ได้ “ท่านกู้เนื้อหอมในแอตแลนจริงๆ”
“ก็แค่รู้สถานการณ์เท่านั้น” กู้จื่อเฟิงชงชาให้เยี่ยนอวี๋ด้วยตนเองหลังจากที่นางนั่งลงแล้ว
เนื่องจากไม่ต้องเป็นห่วงต้าซือมิ่ง เยี่ยนอวี๋ในครานี้จึงดูเขาชงชาได้อย่างสงบและสบายใจ พูดตามตรงดูดีไม่เบา ถึงอย่างไรชุนซิ่นจวินท่านนี้ก็มีใบหน้างดงาม งามกว่าดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิและพระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง
แม้เจ้าจะรู้ว่าเขาใจดำ วางแผนทำร้ายเจ้าได้ ข้างในไม่ได้เหมือนภายนอกที่อ่อนโยน ใจกว้างและเมตตา แต่เมื่อเจ้าต้องเผชิญหน้ากับเขาก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความงามของเขา เพราะว่าบุรุษคนนี้ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือลักษณะนิสัยล้วนไร้ซึ่งความดุดันก้าวร้าว นี่คือพรสวรรค์อย่างหนึ่ง สามารถทำให้ผู้ที่ถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนดีแต่ก็ยอมรับในตัวเขาโดยไม่รู้ตัว
ทว่า… เยี่ยนอวี๋ไม่เป็นเช่นนั้น นางถามอย่างมีแผนการในใจว่า “พูดมาเถอะ ข้าจะลองฟังดู”
“เชิญดื่มชาก่อน” กู้จื่อเฟิงไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย แต่เยี่ยนอวี๋ไม่ได้รับชาในมือของเขามา
กู้จื่อเฟิงยิ้มเล็กน้อย วางชาลงข้างหน้าเยี่ยนอวี๋อย่างดื้อรั้นก่อนจะเริ่มพูดว่า “เยี่ยนจื่ออวี๋ก็คือปฐมราชินีตัวท่านเอง”
เยี่ยนอวี๋เลิกคิ้วไม่พูดอะไร แสดงสีหน้า ‘แถต่อไปสิ’
“นางคือความเป็นมนุษย์แรกเริ่มที่ค่อยๆ หลุดออกจากตัวท่านตั้งแต่ที่ท่านกำเนิดมาพร้อมสติปัญญา ดังนั้นนางจึงเต็มไปด้วยอารมณ์จิตนึกคิดและความสุจริตอันแรงกล้าเหมือนกับเด็ก แต่เดิม… นางไม่มีคุณสมบัติที่จะกลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์อย่างอิสระได้ แต่เมื่อตัวท่านร่วงหล่น นางย่อมหลุดออกจากการผูกมัด เข้าไปเวียนว่ายตายเกิด กลายเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้” กู้จื่อเฟิงกล่าว
เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะเชื่อในสิ่งที่กู้จื่อเฟิงพูด แต่อันที่จริงนางเคยคาดเดาไว้เช่นนี้นานแล้ว นางมักคิดว่าแม่นางน้อยเยี่ยนจื่ออวี๋คนนั้นต้องมีส่วนเชื่อมโยงกับนางเองแน่นอน แต่หากจะบอกว่านางคืออดีตชาติ การกลับชาติมาเกิดของนาง จะดูจะขาดแคลนบางอย่างไป ดังนั้นสิ่งที่กู้จื่อเฟิงพูดย่อมมีความเป็นไปได้ในระดับหนึ่ง
“การวิเคราะห์ของข้าน้อย แม้เพิ่งจะสรุปออกมาได้ แต่ข้าน้อยคิดว่าอย่างน้อยก็มีความแม่นยำหกส่วน หากข้าน้อยเดาไม่ผิด ครั้นเมื่อท่านเกิดใหม่เป็นเยี่ยนจื่ออวี๋ นางยังมีตัวตนของนางเอง จากนั้นค่อยๆ ถูกท่านผสาน จากข้อมูลที่ข้ารวบรวมได้ จิตสำนักของท่านตื่นเต็มที่เมื่อครั้นเยี่ยนจื่ออวี๋ปฏิเสธการขอแต่งงานของน้องชายข้า ออกไปคลอดบุตรและถูกนักฆ่าซุ่มโจมตี” กู้จื่อเฟิงบอกเล่าสถานการณ์ของเยี่ยนจื่ออวี๋ทีละเหตุการณ์ได้เป็นลำดับและถูกต้อง
จู่ๆ เยี่ยนอวี๋ก็ยิ้มและยื่นมือไปยกแก้วน้ำชาขึ้นมา จิบคำหนึ่ง “ตอนนี้สิ่งที่ข้าสนใจมากกว่าคือสิ่งที่ท่านกู้ได้เรียนรู้”
“ปฐมราชินีกล่าวเกินไปแล้ว เทียบกับต้าซือมิ่ง อันที่จริงข้าน้อยก็แค่อวดรู้เล็กๆ น้อยๆ” กู้จื่อเฟิงตอบอย่างจริงจัง “ข้าน่ะก็แค่อาศัยความทรงจำสองชาติแรกที่มี หนึ่งในนั้นบังเอิญมีบุญวาสนากับจื่ออวี๋”
“เกรงว่าไม่ใช่เพียงวาสนา คงเป็นส่วนหนึ่งของแผนการมากกว่า” เยี่ยนอวี๋วางถ้วยชาลง มั่นใจแล้วว่ากู้จื่อเฟิงคนนี้ได้เรียนรู้สิ่งที่ดีที่สุดแล้ว หรืออาจจะพูดได้ว่า “เจ้าเป็นอะไรกับผู้เฒ่าหงเหมิงคนนั้น”
“ลูกศิษย์” กู้จื่อเฟิงไม่ได้ปิดบัง
เยี่ยนอวี๋ถามอีกว่า “เรียนกับเขามากี่ปีแล้ว”
“นับพันปีก่อนจะออกจากสำนักศึกษาและมายังแอตแลนเมื่อสามหมื่นปีก่อน” กู้จื่อเฟิงตอบตามความเป็นจริง
“ดีมาก” เยี่ยนอวี๋พยักหน้ากลับเปลี่ยนมาถามว่า “หากข้าต้องการให้เจ้ากลับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าล่ะ”
กู้ชื่อเฟิงที่กำลังชงชาชะงัก คิดไม่ถึงว่าเยี่ยนอวี๋จะถามเช่นนี้ เพราะว่าเขาไม่เคยคิดจะกลับไป และไม่คิดว่าเยี่ยนอวี๋จะอภัยให้คนทรยศเช่นเขาคนนี้
เรื่องนี้ทำให้เขาอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “หรือว่าจะเป็นเหมือนที่ข้าน้อยคาดเดา จื่ออวี๋คือตัวตนความเป็นมนุษย์ของท่านปฐมราชินี หลังจากที่ผสานกับความเป็นมนุษย์นี้แล้ว จิตใจของท่านก็โอนอ่อนและเมตตา”
“อืม เหตุใดจะไม่ได้เล่า” เยี่ยนอวี๋วางถ้วยชาในมือลง “ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังมีค่า อีกอย่างก็คือเจ้าชอบเยี่ยนจื่ออวี๋”
เมื่อสิ้นเสียง… กู้จื่อเฟิงก็หยุดเคลื่อนไหว เงยหน้ามองเยี่ยนอวี๋ มองสตรีที่วิจิตรและงดงามท่านนี้ “ปฐมราชินีเยี่ยน ท่านกำลังกล่าวว่าข้าน้อยมีใจแก่ท่านหรือ”
“เจ้ามีหัวพิสุทธิ์เจ็ดห้องแต่กำเนิด แม้จะมีอายุครบหนึ่งพันปี สวรรค์เก้าชั้นฟ้าจะสิ้นสลายและเจ้าจะวางแผนการตายของตนเองเพื่อมายังแอตแลน ต้องการให้จักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าสลายในกำมือของเจ้า สิ่งที่คนเลือดเย็นไร้จิตใจเช่นเจ้าชอบที่สุดไม่ใช่เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาและไฟแรงเช่นเยี่ยนจื่ออวี๋หรือ เจ้ายังให้ชุนซิ่นจวินเป็นอิสระจากความเป็นมนุษย์ของเจ้า ก็เพราะอาวรณ์มิใช่หรือ” เยี่ยนอวี๋กล่าว
กู้จื่อเฟิง “…”
มีชั่วจังหวะหนึ่งที่เขารู้สึกหวั่นไหว เพราะว่าเขารู้ดีว่าเยี่ยนอวี๋พูดถูก เขาชอบเยี่ยนจื่ออวี๋ คนที่จริงใจและทุ่มเทเช่นนั้นมีพลังดึงดูดอย่างเป็นธรรมชาติสำหรับเขา มิหนำซ้ำ… การจัดการและกลืนกินจักรวาลแห่งหนึ่งด้วยน้ำมือของตนเองเป็นเรื่องที่วิเศษยิ่ง เขาไม่อยากพลาด
นอกจากนี้…
“แต่ปฐมราชินีท่านก็รู้ดีว่าเยี่ยนจื่ออวี๋กลับมาไม่ได้แล้ว” กู้จื่อเฟิงตอบอย่างสงบ “ท่านจะปอกลอกความเป็นมนุษย์กลับไปเกิดเป็นเยี่ยนจื่ออวี๋เพียงเพราะคนทรยศไม่ได้”
“เช่นนั้นสามีข้าต้องทำลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้วทำลายแอตแลนแน่นอน” ขณะที่เยี่ยนอวี๋พูด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “เขาไม่ใช่บุรุษที่เอาใจได้ง่ายๆ อีกทั้งเขาก็เป็นคนที่พวกเจ้าคาดไม่ถึงที่สุดในแผนการทั้งหมดของเจ้า”
ครานี้เอง ต้าซือมิ่งยังให้ความ ‘ร่วมมือ’ ราวกับพิสูจน์ว่าภรรยามองตนเองไม่ผิดอย่างรู้ใจ
แกรก!
แท่นบูชาในวิหารแสงสว่างร้าว แสงโปร่งใสจางๆ เล็ดลอดออกมา
“ดูสิ” เยี่ยนอวี๋เลิกคิ้ว “แอตแลนจะต้องพ่ายแพ้”
“แต่ข้าน้อยไม่คิดเช่นนั้น” กู้จื่อเฟิงส่ายศีรษะ “ข้าน้อยรู้ว่าต้าซือมิ่งกำลังกลืนกินแหล่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าผลจากการกลืนกินคืออะไร”
“เจ้าจะบอกว่าเขาจะถูกสวนเอเดนปิดผนึกหรือ” เยี่ยนอวี๋ไม่แปลกใจที่กู้จื่อเฟิงจะรู้ผลลัพธ์การกระทำของต้าซือมิ่ง อีกทั้งนางยังมั่นใจว่าเขาบอกหูจวิ้นแล้ว ทว่า…
เยี่ยนอวี๋กล่าวอย่างสงบว่า “ข้าเชื่อเขา”
“เช่นนั้น เรามาเดิมพันกัน ข้าเดิมพันด้วยตัวข้า ท่าน… ก็เดิมพันด้วยตัวท่าน”