ตอนที่ 561 การไล่ล่าของไท่ชางเริ่มขึ้นแล้ว!
เมื่อได้ยินดังนั้น… เยี่ยนอวี๋ก็รู้จุดประสงค์ของกู้จื่อเฟิงแล้ว
“ข้ามีสุราจอกหนึ่ง ข้าเองก็ไม่กลัวที่จะพูดตามตรง สุรานี้มีปัญหา ท่านดื่มไปแล้ว หากยังคงสามารถแก้ปัญหาได้ เช่นนั้นข้าน้อยกู้จื่อเฟิงเต็มใจที่จะชดใช้ รับใช้สวรรค์เก้าชั้นฟ้า”
กู้จื่อเฟิงที่บอกจุดประสงค์ของตนออกมาอย่างตรงไปตรงมาก็นำสุราสีแดงจอกหนึ่งออกมา ซึ่งนี่ก็คือภารกิจที่หูจวิ้นมอบหมายให้เขา แต่เขาฉลาดตรงที่เขารู้ดีว่าบุคคลระดับเยี่ยนอวี๋ ไม่ว่าโกหกนาง ปิดบังนางหรือจะหลอกล่อนางล้วนต้องถูกเปิดโปง มีเพียงการแสดงความซื่อสัตย์ต่อกันเท่านั้นจึงจะทำภารกิจลุล่วงได้ ดังนั้นสิ่งที่กู้จื่อเฟิงกล่าวล้วนเป็นความจริง ไม่มีความเท็จแม้แต่คำเดียว
นี่ก็คือความปราดเปรื่องของเขา เขารู้จักนิสัยของเยี่ยนอวี๋ดี รู้ว่านางต้องการอะไร
ส่วนเยี่ยนอวี๋… นางลุกขึ้นยืน
กู้จื่อเฟิงมองนาง ไม่ได้ฝืนใจนาง แต่อันที่จริงเขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่านางจะดื่มหรือไม่ เพราะว่านางเองก็รู้จักเขาดีดังเช่นที่เขารู้จักปฐมราชินีท่านนี้ ดังนั้นจะดื่มหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับนาง หากนางไม่เล่นด้วย เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ความรู้สึกเช่นนี้… กู้จื่อเฟิงยังไม่ทันครุ่นคิดเสร็จ เยี่ยนอวี๋ก็ยกจอกสุราขึ้นมาก่อนจะดื่มลงไปในอึกเดียว “ตกลง”
กู้จื่อเฟิงประหลาดใจ “ในเมื่อท่านเชื่อเขา อันที่จริงเลือกที่จะไม่ดื่มก็ได้ ถึงอย่างไรเขาก็คือตัวแปรที่สำคัญที่สุด ท่านอาศัยตัวแปรเช่นเขาแก้ไขปัญหาได้แน่นอน”
“ข้าไม่ชอบเป็นฝ่ายรับและไม่ชอบรอ” เยี่ยนอวี๋วางจอกสุราลง หันหลังเดินออกจากวิหาร
จู่ๆ กู้จื่อเฟิงลุกขึ้นยืน “ท่านไม่กลัวว่าจะเสียใจภายหลังหรือ ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในสุรามีอะไร”
“ผู้ที่เกิดในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ย่อมสมควรตายในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า” เยี่ยนอวี๋กลับตอบไม่ตรงคำถาม นางเดินออกจากวิหารไปแล้ว จากนั้นก็เห็นหูจวิ้นที่รออยู่ข้างนอกอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าเยี่ยนอวี๋มั่นใจว่าหูจวิ้นไม่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่นี้ของนางและกู้จื่อเฟิง ถึงอย่างไรวิธีการของกู้จื่อเฟิงก็เหนือชั้นนัก
ดังนั้นหูจวิ้นที่รออยู่ตรงนี้เพียงเพื่อต้องการทดสอบ ‘ผลลัพธ์’ เมื่อเยี่ยนอวี๋ออกมา เขาก็รู้ว่ากู้จื่อเฟิงทำสำเร็จอีกแล้ว ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มจริงใจออกมา “ปฐมราชินีเยี่ยนไปแล้วหรือ”
“ใช่ กลัวว่าเจ้าจะลงมือกับลูกน้องเก่าของข้า ต้องกลับไปดูเสียหน่อย” เยี่ยนอวี๋ยิ้มมุมปาก เดินผ่านหูจวิ้นออกจากกรมแสงสว่างอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
หูจวิ้นกลับสะอึกกับคำพูดของนางอยู่นาน ถึงอย่างไรเขาก็วางแผนจัดการลูกน้องเก่าของเยี่ยนอวี๋จริงๆ แต่จนถึงบัดนี้ เขายังไม่ได้รับข่าวใดๆ เลยซึ่งนี่ก็เพียงพอที่จะบอกว่าแผนการของเขาล้มเหลว เมื่อถูกเยี่ยนอวี๋เอ่ยถึงเช่นนี้… หูจวิ้นพลันรู้สึกว่าตนเองถูกหลอกลวงอีกครั้ง ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกับตอนที่ถูกต้าซือมิ่งหลอกก่อนหน้านี้ไม่นาน ทำให้เขารู้สึกขัดเคืองอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่ว่าเขาจะเคืองอย่างไร เยี่ยนอวี๋ก็จากไปแล้ว
กู้จื่อเฟิงเดินออกมาคารวะหูจวิ้น “ฝ่าบาท ภารกิจลุล่วงพ่ะย่ะค่ะ”
“นางไม่รู้ว่าสุรามีปัญหาหรือ” หูจวิ้นถามขึ้นทันที เพราะว่าเขารู้สึกได้ว่าเยี่ยนอวี๋ปราดเปรื่องยิ่งนัก
“รู้พ่ะย่ะค่ะ แต่เพื่ออิสระ จำเป็นต้องดื่ม” กู้จื่อเฟิงกล่าว ส่วนรายละเอียด เขาไม่ได้คิดจะกล่าวถึง
แม้หูจวิ้นอยากจะถามรายละเอียด แต่เขารู้ว่ากู้จื่อเฟิงไม่ได้เป็นคนคุยง่ายเหมือนหน้าตา ถึงอย่างไรเขาก็บรรลุจุดประสงค์แล้วรอแค่โอกาสสุดท้ายทว่ากู้จื่อเฟิงในบัดนี้พูดขึ้นว่า “กระหม่อมขอไปส่งปฐมราชินีพ่ะย่ะค่ะ”
“หืม?” หูจวิ้นขมวดคิ้ว “หวั่นไหวหรือ”
“ฝ่าบาทพูดเป็นเล่นไป นางคือเหยื่อของท่าน” กู้จื่อเฟิงรู้มาตลอดว่าหูจวิ้นคิดอะไร บัดนี้เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้เอ่ยเพื่อลองเชิงเขา
หูจวิ้นหัวเราะร่า “ข้าชอบคบค้าสมาคมกับคนฉลาด ไปเถิด”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” กู้จื่อเฟิงอำลาหูจวิ้นเสร็จก็รีบตามเยี่ยนอวี๋ไป
ทว่าขณะที่เขาตามปฐมราชินีเยี่ยนทันนั้นเอง…
แกรก!
แกรก แกรก แกรก!…
แท่นบูชาแตกละเอียดแล้ว ทำเอาผู้เฒ่าฟันทองริกเกิร์ตที่กำลังเฝ้าแท่นบูชาตกตะลึง ถึงแม้หลังจากที่เขาได้รับคำเตือนจากกู้จื่อเฟิงแล้วจะเตรียมใจไว้แล้ว เขายังพาศิษย์ไม่น้อยมาที่นี่เพื่อคอยรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน แต่ความรวดเร็วของต้าซือมิ่งก็เร็วกว่าที่พวกเขาหรือกู้จื่อเฟิงคาดคิด
หรงอี้ในบัดนี้ เขากลืนกินแหล่งศักดิ์สิทธิ์สำเร็จแล้ว แท่นบูชาของกรมแสงสว่างพังทลายลงทันที ไม่เพียงเท่านี้…
ปัง!
แสงสีทองที่พุ่งออกมายังทำลายค่ายกลทาโรต์ที่ริกเกิร์ตฟันสีทองสร้างขึ้น ศิษย์ไม่น้อยของริกเกิร์ตตายคาที่ ไม่ทันกรีดร้องสักคำด้วยซ้ำ
“อ้ะเนะ!”
เสียงหน่อมแน้มของเด็กน้อยดังขึ้นพร้อมแสงสีทองที่พุ่งออกมา ทำให้กู้จื่อเฟิงหยุดชะงักด้วยสัญชาติญาณ เขาถึงกับสงสัยว่าที่ต้าซือมิ่งสามารถออกมาในยามนี้อันที่จริงแล้วไม่ได้ถูกผนึกไว้ หูจวิ้นสีหน้าเปลี่ยนในทันที เขารีบหายตัวไปทางแท่นบูชาแล้ว
เหล่าชั้นผู้น้อยใหญ่ของกรมแสงสว่างล้วนตื่นตระหนก!
กรมแสงสว่างและราชสำนักที่ภายนอกยังคงร่วมมือกัน ครานี้ต้องร่วมมือกันจริงๆ พวกเขาล้วนปล่อยพลังกดทับลงไปที่แท่นบูชาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ภาพเช่นนี้… ทำให้กู้จื่อเฟิงถามว่า “เสียใจใช่หรือไม่ บางทีตอนนี้เขาอาจจะออกมาได้แล้ว ไม่ได้ถูกผนึกในสวนเอเดนเหมือนกับที่ช้าคาดคิด เกรงว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าที่ท่านและข้าคิด”
“ไม่ใช่หรอก แค่แข็งแกร่งกว่าที่เจ้าคิด สำหรับข้าแล้ว นี่คือเรื่องปกติ” เยี่ยนอวี๋ตอบพลางได้ยินเสียงเด็กน้อยกำลังเรียกนาง “แม่ เป่า! เป่ากำลังไปเดี๋ยวนี้! ไม่ได้ ดื้อ”
อุ๊บ เยี่ยนอวี๋อดหัวเราะไม่ได้ รู้ว่าเด็กน้อยกำลังขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทว่านางไม่รับคำขอโทษ นางหันหลังเดินจากไปเหลือเพียงกู้จื่อเฟิงมองแสงสีทองที่พุ่งออกมาคนเดียว
เมื่อเยี่ยนอวี๋เดินออกไปจากกรมแสงสว่าง กู้จื่อเฟิงก็พบว่าแสงสีทองหายไปในทันที
นี่มัน…
“หรือว่าแสงสีทองที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เพียงเพื่อให้เสี่ยวเป่าได้พูด” กู้จื่อเฟิงอดสงสัยไม่ได้ว่าความเคลื่อนไหวเมื่อครู่นี้มีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว แต่เขาก็ได้แค่เดา ไม่สามารถพิสูจน์ได้เลย เพราะว่าหลังจากที่แสงสีทองสลายไปแล้ว สองพ่อลูกต้าซือมิ่งไม่ได้ออกมา ถูกสวนเอเดนปิดผนึกไว้เหมือนกับที่เขาคิดไว้ แต่ในขณะเดียวกันกู้จื่อเฟิงก็ไม่มั่นใจเช่นนั้นแล้ว ทว่า…
“น่าสนใจ”
แววตากู้จื่อเฟิงวูบไหว เขารู้ว่าเขาเจอคู่ต่อสู้แล้ว ปฐมราชินีเยี่ยน นางไม่เพียงสามารถสู้รบฆ่าฟันได้เท่านั้น นางยังอ่านใจคนได้ทะลุปรุโปร่งยิ่งกว่าผู้ใด! ทว่า… สิ่งเดียวที่นางคาดคิดไม่ถึงคือคนที่กู้จื่อเฟิงมีใจให้ไม่ใช่เยี่ยนจื่ออวี๋ แต่คือนางเยี่ยนอวี๋ เยี่ยนอวี๋ในตอนนี้ ไม่ใช่เยี่ยนจื่ออวี๋ ไม่ใช่ปฐมราชินีเยี่ยน แต่คือเยี่ยนอวี๋ผู้แข็งแกร่งและเฉลียวฉลาด สง่างามและนุ่มนวล เป็นที่รักใคร่และมีความชอบธรรม และได้หลอมรวมความเป็นเทพและความเป็นมนุษย์แล้ว คือเยี่ยนอวี๋ที่เป็นมารดาของเสี่ยวเป่า เยี่ยนอวี๋ภรรยาของต้าซือมิ่ง เยี่ยนอวี๋บุตรสาวของเจ้าสำนักชางอู๋
หลังจากเสร็จสิ้นการวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากมายและหลังจากที่ได้เผชิญหน้ากัน กู้จื่อเฟิงรู้ว่าคนที่เขาชอบไม่ใช่เยี่ยนจื่ออวี๋ที่ไร้เดียงสา แต่คือเยี่ยนอวี๋เทพมนุษย์
แต่ว่า…
“ข้าไม่บอกเจ้าหรอก” กู้จื่อเฟิงยิ้ม หากเจ้าชนะ ข้าจะภักดีต่อเจ้า หากเจ้าแพ้ ข้าจะฝังเจ้าไปพร้อมสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ประโยคนี้ กู้จื่อเฟิงก็แค่คิดในใจ เขาที่ระมัดระวังเช่นนี้ย่อมไม่ปล่อยให้ใครได้ยิน แต่เขารู้ว่าการแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว เขาต้องคิดให้ดีว่าปฐมราชินีเยี่ยนจะเดินหมากอย่างไร
…
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนอวี๋ที่เดินออกจากกรมแสงสว่างก็หายตัวไปที่กรมความมืด และเมื่อนางปรากฏตัว… ซีหวังหมู่และคนอื่นๆ ก็วิ่งเข้ามาหาทันที “นายท่าน!”
“พวกเจ้ายังไม่จากไปหรือ” เยี่ยนอวี๋รู้สึกประหลาดใจ
ซีหวังหมู่พูดว่า “พวกเราเพิ่งกลับมา วิหคทมิฬบอกว่า ท่านน่าจะใกล้กลับมาแล้ว ที่นี่ยังเคยถูกค้นมาด้วย ตอนนี้ปลอดภัยมากแล้วล่ะ”
“ใช้ได้นี่” เยี่ยนอวี๋เหลือบมองและกล่าวชมอินหลิวเฟิง
อินหลิวเฟิงสะบัดพัดออกอย่างสง่า ครั้นกำลังจะพูดอะไร… เอ้อร์เหมาก็พูดขึ้นว่า “คุณหนูใหญ่ท่านอย่าชมเลย หางของนายน้อยพวกเราโผล่ออกมาแล้ว”
อินหลิวเฟิง “…”
เขาอยากจะได้ยาใบ้สักห่อ
เยี่ยนอวี๋ยิ้มจางๆ พูดว่า “ไปเถอะ เข้าไปคุยข้างใน”
“เดี๋ยวสิ นายท่าน นายน้อยล่ะ จวินโฮ่วล่ะ ปู่จิ่วล่ะ ถูกจับไปแล้วหรือ” ซีหวังหมู่ตั้งคำถามสี่ข้อพร้อมกัน
เซ่าเฮ่าเองก็กังวล อินหลิวเฟิงกลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย “เป็นไปไม่ได้แน่นอน คงจะกินข้าวของศัตรูอยู่สินะ กว่าพวกเขาจะรู้ตัวคงเสียใจจนไส้ขาดเลือดตายไปแล้ว คงเจ็บใจที่ไม่ได้ไล่พวกเขาออกมาแต่แรก”
พรวด เยี่ยนอวี๋อดหัวเราะไม่ได้ เพราะว่าเขาเปรียบเทียบได้ดีจริงๆ ถึงอย่างไรสามีของนางก็กำลังพาเด็กน้อยทาน ‘ของ’ ของแอตแลนอยู่จริงๆ
ส่วนปู่จิ่ว…
“ปู่จิ่วคงได้รับภารกิจบางอย่าง ข้าไม่ได้ถาม” เยี่ยนอวี๋รู้ว่าปู่จิ่วตัวนี้คงไปทำอะไรบางอย่าง ตั้งแต่ตอนที่ปู่จิ่วแอบหนีไป ทว่าเม่ยเอ๋อร์กล่าวตรงประเด็นว่า “มันหิวน่ะสิ!”
“ปล่อยมันไป” เยี่ยนอวี๋ไม่สนใจ นอกจากนี้ “การล่าของเราเริ่มขึ้น ณ บัดนี้”