ตอนที่ 562 เร็วหนึ่งก้าว ชนะทุกก้าว
ดวงตาของซีหวังหมู่ส่องประกายราวกับดวงอาทิตย์ “นายท่าน ท่านมอบหมายงานได้เลย ซีซีจะไปทำเดี๋ยวนี้”
“นายท่านคิดจะเริ่มจากตรงไหน” ทั่วเรือนร่างของเทพอัสนีเปล่งประกายวิบวับ เห็นได้ชัดว่าอดใจรอไม่ไหวแล้ว
พูดเป็นเล่น พวกมันไม่เคยลืมว่าแอตแลนกำลังกัดกร่อนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า พวกมันเก็บอารมณ์โมโหไว้ ขาดก็เพียงคำสั่ง พร้อมระบายทุกเมื่อ
“หลิวเฟิง” เยี่ยนอวี๋กลับเรียกชื่ออินหลิวเฟิง
“ขอรับ” อินหลิวเฟิงขานตอบทันที
เยี่ยนอวี๋หยิบแจกันลายครามสี่ใบออกมา หยดเลือดของตนเองหนึ่งหยดลงไปในนั้น “เจ้าคงได้ข้อมูลจากการสอบสวนเชลยศึกคนนั้นมาไม่น้อย นำเลือดสี่หยดนี้ให้ดยุคทั้งสี่ดื่ม”
“เอ๋?” ซีหวังหมู่งงงัน
อินหลิวเฟิงไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา แต่ข้าต้องการผู้ช่วย ท่านพี่เซ่าเฮ่าไปกับข้าได้หรือไม่”
“ได้” เซ่าเฮ่าตกลง
เยี่ยนอวี๋จึงจัดแจงต่อไป “ซีซี เจ้าและเสี่ยวเหลยไปควบคุมดยุคลาซิน่า แลกคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเขารวมถึงคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของดยุคอีกสามท่านมา”
“เจ้าค่ะ” ซีหวังหมู่ตอบตกลงและทำท่าจะจากไปทันที
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้ห้าม “ไปเถอะ หลิวเฟิงด้วย รีบเปิดรีบจบศึก ช้าไปเกรงจะมีปัญหา”
“วางใจเถอะ ข้ารู้ข่าวเล็กข่าวน้อยทั้งหมด รับรองว่าจะทำภารกิจสำเร็จได้ภายในหนึ่งเค่อ พี่เซ่าเฮ่า เราไปกันเถอะ” อินหลิวเฟิงพูดพลางเดินไปดึงเซ่าเฮ่า
เอ้อร์เหมาถอนหายใจละห้อย “นายน้อย ท่านทิ้งชุนซิ่นจวินไปชอบไป๋ตี้เซ่าเฮ่าแล้วหรือ”
อินหลิวเฟิงสะอึกจนเกือบจะล้มลง ดีที่เซ่าเฮ่าประคองไว้
เยี่ยนอวี๋ตบไหล่เอ้อร์เหมาเบาๆ “ภารกิจของเจ้าคือเฝ้าเชลยศึกนั่นไว้ให้ดี”
“ได้เลยขอรับ” เอ้อร์เหมารีบพาเทพไร้ประโยชน์สององค์ไปเฝ้าเอลล่า
เม่ยเอ๋อร์และอิงหลงมองเยี่ยนอวี๋ รอนางมอบหมายภารกิจให้
“พวกเจ้าช่วยปกปักษ์ข้า ข้าจะจำศีล” เยี่ยนอวี๋กลับพูด
“เจ้าค่ะ” เม่ยเอ๋อร์ไม่ลังเลแม้แต่น้อย
อิงหลงกลับสงสัย “ตอนนี้ ในแอตแลนหรือ”
“ใช่” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “ข้าอยากรู้ว่าแอตแลนกัดกร่อนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของเราอย่างไรและเราต้องสู้กลับอย่างไร”
ตั้งแต่ที่รู้ว่าแอตแลนบุกรุกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เยี่ยนอวี๋ก็อยากจะรู้เรื่องนี้มาตลอด ตอนนี้นางคิดว่านางมีโอกาสที่จะทำความเข้าใจทุกอย่างอย่างละเอียด และหาวิธีจู่โจมกลับไปได้ เพราะว่า… หากนางเดาไม่ผิด ในสุราที่กู้จื่อเฟิงให้นางต้องมีกุญแจสำคัญที่ใช้ในการกัดกร่อนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องการใช้สิ่งนี้กัดกร่อนนาง หลอมรวมนาง ฉุดรั้งนางไว้ที่นี่ ทำลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าโดยไม่ต้องสูญเสียเบี้ยทหารแม้แต่คนเดียว
ทว่า… เยี่ยนอวี๋ที่จู่ๆ คิดอะไรขึ้นได้ นางก็ถามว่า “เม่ยเอ๋อร์ ตอนที่เจ้าเพิ่งเรียนการทำอาหาร ยากหรือไม่”
อิงหลง “?”
“พอไหว คุณหนูใหญ่อยากเรียนหรือเจ้าคะ” เม่ยเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ฝีมือทำอาหารของท่านเขยดีเยี่ยม ท่านไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้”
เยี่ยนอวี๋ลูบหูอย่างรู้สึกผิด “อยากเอาใจเขาหน่อยน่ะ” จากอาการที่เขาไม่ชอบชุนซิ่นจวินตั้งแต่เมื่อก่อน หากรู้ว่านางจะรับกู้จื่อเฟิงมาต้องโมโหมากแน่
“หากเป็นเรื่องนี้…” อิงหลงจำเป็นต้องพูดว่า “บางทีท่านจูบท่านเขยสักที เขาจะดีใจยิ่งกว่า ข้าเห็นบทละครเขียนไว้อย่างนี้หมด เมียอารมณ์ไม่ดีก็ให้จูบ ยอมรับผิด และซื้อของที่เมียชอบให้”
“ท่านเขยไม่ใช่เมียทั่วไป” เม่ยเอ่อร์รู้สึกไม่น่าจะใช้ได้
“แม้ร้อยพันหมื่นเปลี่ยนแปลง แต่ใจความยังเหมือนเดิม” อิงหลงคิดว่าลองดูได้
เยี่ยนอวี๋พูดตัดบททั้งสอง “เอาเป็นว่าพวกเจ้าช่วยข้าหาวิธีหน่อยแล้วกัน กลับไปก็ให้หลิวเฟิงช่วยคิดด้วย เขาเจ้าชู้มีวิธีเยอะที่สุด ข้าจำศีลก่อน”
“ขอรับ” อิงหลงบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก “ข้าจะหาวิธีที่ทำให้นายท่านท่านพอใจแน่นอน”
เยี่ยนอวี๋จึงวางใจลงไม่น้อย พูดตามตรง แม้นางจะพูดเช่นนั้นออกไปแล้ว แต่ในใจยังรู้สึกผิด แม้นางจะรู้ว่ากู้จื่อเฟิงชอบเยี่ยนจื่ออวี๋ แต่ตามที่กู้จื่อเฟิงพูด เยี่ยนจื่ออวี๋เชื่อมโยงกับนางอย่างใกล้ชิด ด้วยนิสัยคิดเล็กคิดน้อยของสามีนาง เขาต้องโมโหแน่นอน นางต้องปลอบเอาใจเสียเล็กน้อย…
เยี่ยนอวี๋ที่กำลังคิดเช่นนี้ ลมหายใจของนางก็ค่อยสงบนิ่งลง เริ่มเข้าสู่การจำศีลแล้ว
เม่ยเอ๋อร์และอิงหลงสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะออกจากห้องไปเริ่มปกปักษ์เยี่ยนอวี๋
…
ในขณะเดียวกัน กู้จื่อเฟิงที่ยังตกอยู่ในความคิด เขาก็ลูบคลำถ้วยอย่างไม่รู้ตัว แม้จักรพรรดิหูจวิ้นจะเดินเข้ามา เขาก็ไม่รู้สึกตัว จนเมื่อหูจวิ้นเดินมาหยุดข้างหน้าเขา “จื่อเฟิง?”
กู้จื่อเฟิงตั้งสติได้ คารวะทันที “ฝ่าบาท”
“คิดอะไรอยู่หรือ ใจลอยเช่นนี้” หูจวิ้นถามอย่างมีนัย
กู้จื่อเฟิงกลับไม่ได้ปิดบัง “ข้าน้อยกำลังคิดว่าปฐมราชินีจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ท่านและข้ารู้ว่านางไม่นิ่งเฉยแน่นอน”
“แต่นางไม่รู้เลยว่าสิ่งที่นางดื่มลงไปก็คืออะไร อีกทั้งผลกระทบจาการหลอมรวมเช่นนี้จะดำเนินการไปอย่างเงียบๆ” หูจวิ้นไม่คิดว่าเยี่ยนอวี๋จะพบอะไร แม้นางจะรู้ว่าสุรามีปัญหา แต่ก็คงคิดว่าเป็นเพียงยาพิษหรือไม่ก็คำสาป
กู้จื่อเฟิงส่ายศีรษะ “ตอนแรกข้าน้อยก็คิดเช่นนี้ คิดว่านางคงแก้ปัญหาได้ง่ายๆ แต่หลังจากสถานการณ์แท่นบูชาที่เปลี่ยนแปลงไป บางทีพวกเราต้องระวังมากกว่านี้”
หูจวิ้นรับฟัง เขาไม่ใช่จักรพรรดิที่เอาแต่ใจตนเอง แต่ขอคำแนะนำอย่างนอบน้อม “เช่นนั้นเจ้าคิดว่านางเดาผลกระทบจากการดื่มสุราได้หรือ”
“เป็นไปได้”
“แล้วนางกล้าดื่มได้อย่างไร มันไม่มีทางถอนได้”
“บางที…”
กู้จื่อเฟิงที่เว้นจังหวะครู่หนึ่ง แววตาวูบไหวก่อนจะคิดอะไรขึ้นได้ “บางทีนางอาจจะเก็บสายเลือดส่วนหนึ่งไว้ ผู้แข็งแกร่งเช่นนางบางทีอาจจะถอดรกเปลี่ยนกระดูกได้ ใช่ ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ไม่สิ ไม่เพียงเท่านี้…”
กู้จื่อเฟิงที่กำลังพึมพำแทบจะเมินหูจวิ้น แต่หูจวิ้นกลับไม่รู้สึกว่าถูกเมินเฉย มิหนำซ้ำตอนที่กู้จื่อเฟิงพูดว่า ‘ถอดรกเปลี่ยนกระดูก’ หัวใจของเขาก็กระตุกทันที
หากว่า หากว่าปฐมราชินีคนนั้นรู้จริงๆ และเตรียมพร้อมไว้แล้วจริงๆ เช่นนั้นแม้วิธีการจะโหดร้ายกับตนเองไปหน่อย แต่ก็มีโอกาสทำลายการกัดกร่อนและการหลอมรวมของแอตแลนได้ เช่นนั้นเขาก็จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของตนเองได้
นี่มัน…
“ต้องห้ามนาง” หูจวิ้นพูดพลางทำท่าจะตามไปที่กรมความมืด แต่กู้จื่อเฟิงส่ายศีรษะห้ามไว้ “ไม่ ตอนนี้ไม่ต้องไปห้ามนาง ตอนนี้ต้องคอยติดตามดยุคทั้งสี่หรือให้พวกเขาเข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของแอตแลนโดยตรง ข้าน้อยเกรงว่านางจะเริ่มลงมือจากดยุคทั้งสี่ ถึงอย่างไรบรรพบุรุษของพวกเขาก็เป็นบุตรแห่งแสงสว่างทั้งสี่”