เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 563 ศรัทธาในต้าซือมิ่ง ชีวิตนิรันดร์

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ตอนที่ 563 ศรัทธาในต้าซือมิ่ง ชีวิตนิรันดร์

กู้จื่อเฟิงทำนายได้แม่นมาก ทว่า… อินหลิวเฟิงในบัดนี้เขาอยู่ในปราสาทลาซินา นอกจากนี้ดัชเชสเยี่ยนเฮ่อและดยุคเมซิดีก็อยู่ในปราสาทลาซินาเช่นกัน ดยุคเฟอร์ราที่ไม่ได้อยู่ในเมืองแห่งนภาแอตแลนเพียงคนเดียวถูกอินหลิวเฟิงส่งให้เซ่าเฮ่าไปจัดการแล้ว ดังนั้นก่อนหน้านี้อินหลิวเฟิงจึงกล้ารับปากว่าจะเหมาจัดการดยุคทั้งสี่ภายในเวลาหนึ่งเค่อ ถึงอย่างไรเอลล่าก็เป็นถึงสมุนภักดีของพระชายาลาซินา เขารู้ความลับมากมาย รวมถึงวิธีการติดต่อดัชเชสเยี่ยเฮ่อและดยุคเมซิดี ดังนั้น… ครานี้อินหลิวเฟิงกำลังเล่นกับพัดด้วยท่วงท่าสง่างาม เขามองดยุคทั้งสามที่กำลังสับสน “คิดอย่างไรกันบ้าง”

ส่วนซีหวังหมู่และเทพอัสนี ครานี้ก็กลายเป็น ‘ผู้ช่วย’ ของเขาหมดแล้ว แต่ขณะที่อินหลิวเฟิงจับตัวเยี่ยเฮ่อและเมซิดีมา พวกเขาก็ได้ข่มขู่ดยุคลาซินาเรียบร้อยแล้ว อ้อ ไม่สิ ควบคุมต่างหาก ดังนั้นดยุคแห่งลาซิน่าก็กล่าวว่า “ข้าลาซิน่าไม่มีอะไรต้องลังเล ในเมื่อราชสำนักทอดทิ้งลาซิน่าของข้าแล้ว ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต่อต้าน แสงแห่งคบเพลิงของตระกูลลาซิน่าจะดับลงในมือของข้าไป๋จี๋ ลาซิน่าไม่ได้เด็ดขาด นอกจากนี้ แค่นำ ‘คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์’ ให้กรมความมืดดูแล ป้องกันมิให้ราชสำนักยึดอำนาจ ครอบครองตระกูลลาซิน่าของข้า ข้าเต็มใจเชื่อหรงต้าซือมิ่งแห่งกรมความมืดมากกว่า”

“เท่าที่ข้าทราบ พระชายาลาซิน่าตายด้วยน้ำมือของปฐมราชินีเยี่ยนท่านนั้นมิใช่หรือ นอกจากนี้ ‘คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์’ นี้มอบให้ปฐมราชินีสวรรค์เก้าชั้นฟ้าคนนี้เท่ากับทรยศต่อแสงสว่าง ทรยศต่อแอตแลน” เยี่ยเฮ่อมองลาซิน่าอย่างชิงชังและยังปราดมองอินหลิวเฟิงอย่างดูแคลน

“เจ้าพูดถูก เคธี่ตายด้วยฝีมือของปฐมราชินีเยี่ยน แต่คนที่ทำให้เคธี่ตายไม่ใช่เพียงปฐมราชินีเยี่ยน ยังมีกรมแสงสว่างที่ใช้ประโยชน์จากเคธี่และเอเลน่าและราชสำนักที่ทอดทิ้งสองแม่ลูก หากไม่ใช่เพราะข่าวที่กรมแสงสว่างให้เอเลน่า ราชสำนักปล่อยตามใจนางไปยังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าล่อปฐมราชินีเยี่ยนมา เอเลน่าจะทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างไร เคธี่จะกลายเป็นเหยื่อของแผนการของทั้งสองจักรวาลได้อย่างไร เยี่ยเฮ่อ เจ้าจะชิงชังข้าที่ไม่มีความสามารถก็ได้ ข้าเองก็ไม่มีความสามารถจริงๆ บัดนี้ยังร่วมมือกับคนที่ฆ่าบุตรสาวและหลานสาวของข้า แต่ว่า ข้าลาซิน่าไม่อยากเป็นตัวรับกระสุนเหมือนทหารไร้ค่าในสงครามแล้ว” ดยุคลาซิน่าพูดจบก็ดื่มไวน์ตรงหน้าลงไป ดวงตาแดงก่ำ

แม้จะมีส่วนที่ถูกข่มขู่ให้ประนีประนอม แต่เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ดยุคลาซิน่าพูดก็มาจากใจทั้งนั้น ถึงอย่างไรตอนที่อินหลิวเฟิง ‘เรียก’ เยี่ยเฮ่อและเมซิดีมาก็วิเคราะห์การตายของเอเลน่าและเคธี่ให้เขาฟังหมดแล้ว

หลายๆ เรื่องเห็นไม่ชัดในเวลานั้น แต่เมื่อข้อเท็จจริงถูกนำเสนอ ทุกอย่างก็จะร้อยเข้าด้วยกันได้ ดยุคแห่งลาซิน่าเชื่อในบัดนี้ว่า เรื่องที่บุตรสาวและหลานสาวของเขาถูกใช้ กรมแสงสว่างและราชสำนักล้วนมีส่วนผิด

แน่นอนว่าเอเลน่าเองก็โง่เขลา ส่วนเคธี่ก็ใฝ่สูง เขาเองก็อยากจะพลิกสถานการณ์กลับมา ล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดจุดจบน่าอนาถเช่นนี้ เรื่องถึงบัดนี้… ดยุคแห่งลาซิน่ารู้ดีว่า เขาต้องการแก้แค้น

เขาอยากจะแก้แค้น ไม่ใช่พียงอารมณ์ชั่ววูบ ตั้งแต่ที่เขาสนับสนุนบุตรสาวให้ใช้หลานสาว เขาก็มีความคิดเช่นนี้แล้ว เพราะว่าอันที่จริงเขารู้มานานแล้วว่าคนที่สังหารบุตรชายเพียงหนึ่งเดียวของเขาคือราชสำนัก

ฮึ!

หลายปีมานี้ เขาข่มอารมณ์ไว้ กระทั่งยอมรับคำปลอบประโลมจอมปลอมของราชสำนัก ส่วนเคธี่แต่งเข้าราชสำนัก เขาคิดว่าจะทำให้ตระกูลลาซิน่ามีที่ยืนมากขึ้น ทว่าสุดท้ายเล่า ตระกูลลาซิน่าต้องจบลงด้วยการถูกแบ่งแยกและกลืนกิน

ในเมื่อราชสำนักไร้คุณธรรม บัดนี้เขาก็ไม่สามารถต่อต้านเทพสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเหล่านี้ได้ เช่นนั้นทุกคนก็อย่าได้อยู่ดีเลย

นี่คือความคิดของลาซิน่า ดังนั้นเขาจึงพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาได้และยื่น ‘คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์’ ของตระกูลลาซิน่าให้อินหลิวเฟิงต่อหน้าเยี่ยเฮ่อและเมซิดี

อินหลิวเฟิงที่รับ ‘คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์’ มา เขาก็ให้สัญญาอย่างจริงจังว่า “อย่างน้อยในการต่อสู้ยกต่อไป กรมความมืดทางนี้ต้องปกป้องตระกูลลาซิน่าเต็มที่แน่นอน พูดตามตรง ถึงอย่างไรฝั่งข้าก็เสียเปรียบกว่า หรงต้าซือมิ่งของเราหายไปนานเกินไปแล้ว ย่อมสร้างผลกระทบได้น้อยกว่ากรมแสงสว่างและราชสำนัก เรายังต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลลาซิน่า นอกจานี้แม้กรมความมืดของข้าร่วมมือกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้า และมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่จะไม่เป็นอันตรายต่อการอยู่รอดและการพัฒนาของแอตแลน ถึงอย่างไรปฐมราชินีเยี่ยนแห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็แต่งเข้ากรมความมืดแล้ว จักรวาลทั้งสองมีแต่ความสัมพันธ์แบบชนะทั้งสองฝ่ายเท่านั้น”

คำพูดดังกล่าวไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ราชสำนักเท่านั้น แต่ยังบอกเป็นนัยว่าราชสำนักไม่สนใจดยุคทั้งสี่ในบัดนี้ พวกเขาพร้อมที่จะสละดยุคทั้งสี่ได้

ในขณะเดียวกันก็คลายความกังวลให้กับเยี่ยเฮ่อและเมซิดี ส่วนจะเป็นความจริงหรือไม่นั้น มีเพียงอินหลิวเฟิงที่รู้

แต่เมซิดีเชื่อเขาแล้ว แต่เขายังไม่ได้แสดงความเห็น

เยี่ยเฮ่อยิ้มเย็นชา “ข้าไม่เข้าร่วม ตระกูลเยี่ยเฮ่อของข้าคือแสงสว่างบนยอดเขาสูง ย่อมไม่ร่วมมือกับใครก็ตามนอกเหนือจากแอตแลน เราจะภักดีต่อแสงสว่างตลอดไป”

“กรมความมืดเองก็เป็นสาชาที่แยกออกมาจากลัทธิแสงสว่าง ที่ชื่อกรมความมืดก็แค่เป็นเจตจำนงอันแรงกล้าและจิตวิญญาณไม่ยอมแพ้ของแสงสว่าง เอาเป็นว่าข้าเชื่อกรมความมืด” ลาซิน่าพูดจบก็ดื่มไวน์อีกแก้วหนึ่ง

เมซิดียกแก้วไวน์ขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ว่าอย่างไร ต่างคนต่างความเห็น ต่างคนต่างจุดยืน บรรพบุรุษของดยุคทั้งสี่ของเราคือบุตรแสงสว่างทั้งสี่ เป็นพี่น้องที่เกิดจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน บัดนี้ลาซิน่าเลือกที่จะร่วมมือกับกรมความมืดก็ไม่เป็นไร เยี่ยเฮ่อเจ้าซื่อสัตย์ต่อราชสำนักต่อไปก็ไม่เป็นไร ส่วนข้าจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่จะไม่พูดถึงเรื่องในวันนี้ ถือว่าเป็นการพบปะส่วนตัว เป็นอย่างไร”

“ข้า…” ซีหวังหมู่อยากจะด่า รู้สึกว่าเมซิดีจอมเจ้าเล่ห์คนนี้คือตัวสร้างปัญหาดีๆ นี่เอง

แต่อินหลิวเฟิงก็ยกจอกสุราขึ้นมาแล้ว “ย่อมได้ ค้าขายไม่สำเร็จ มิตรภาพยังอยู่ ต่อไปหากดยุคทั้งสองเปลี่ยนใจก็มาหาพวกเราได้เสมอ แต่เงื่อนไขคือเรื่องในวันนี้ต้องกลืนลงไปในท้องเหมือนกับที่กลืนสุรานี้”

“ดี” เมซิดีชนแก้วกับอินหลิวเฟิงทันที

แม้ดัสเชสเยี่ยเฮ่อจะไม่พอใจ แต่ดยุคทั้งสี่ก็มีกฎที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเหมือนกัน ขอเพียงไม่ทรยศต่อแสงสว่าง สิ่งที่คุยกันในการพบปะส่วนตัวก็ห้ามปล่อยออกไป ดังนั้น… ท้ายที่สุดเยี่ยเฮ่อก็ยกแก้วขึ้นดื่มไวน์ลงไป และไวน์แก้วนี้อันที่จริงถึงจะเป็นจุดประสงค์ของอินหลิวเฟิง การตระเวนเที่ยวพูดโน้มน้าวดยุคทั้งสองก็แค่ส่วนเสริม ทว่า… เมื่อทั้งสี่เพิ่งดื่มไวน์เสร็จก็สัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งปกคลุมบนปราสาทลาซิน่า

ในขณะเดียวกัน อินหลิวเฟิงยังแสดงสีหน้าเหมือนคาดเดาได้แต่แรกแล้ว “ราชสำนักลงมือแล้ว หากข้าน้อยเดาไม่ผิด ราชสำนักจะเชิญทุกท่านเข้าไปในปราสาทแอตแลน แต่ดยุคลาซิน่าท่านวางใจ พลังของพวกเราจะปกป้องท่าน”

เมื่อพูดจบ อินหลิวเฟิงก็ไม่พล่ามไร้สาระอีก “ไป” หากไม่ไปอีกก็คงไปไม่ได้แล้ว

ซีหวังหมู่และเทพอัสนีก็ไม่รีรอ พวกมันพาอินหลิวเฟิงจากไปทันที

ต่อจากนั้น… เสียงของผู้เฒ่าฟันทองริกเกิร์ตก็ดังขึ้นพร้อมปรากฏตัว “ดยุคลาซิน่า ดัชเชสเยี่ยเฮ่อ ดยุคเมซิดี ฝ่าบาทเรียนเชิญ”

ดยุคเมซิดีมองไปที่ดยุคลาซิน่าทันที ฝ่ายหลังแสดงสีหน้าชัดเจน “ไปกันเถอะ เราเข้าไปในปราสาทแอตแลนเถอะ หวังว่าจะออกมาได้อีก”

“ข้าไม่เชื่อว่าราชสำนักจะสละทายาทแห่งแสง” ดัสเชสเยี่ยเฮ่อยังคงยืนหยัด นางเดินออกจากห้องลับไปแล้ว

หลังจากนางเดินออกไปแล้ว เมซิดีก็ถามว่า “พวกเขาภักดีต่อกรมความมืด มิใช่จักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจริงๆ หรือ”

“นอกจากว่าหรงต้าซือมิ่งแห่งกรมความมืดไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว แต่ข้าคิดว่าผู้ชายเช่นเขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะสละตนเองรวมถึงชีวิตเพียงเพื่อผู้หญิง” ดยุคลาซิน่าคิดเช่นนี้จริงๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เห็นต้าซือมิ่งโจมตีแอตแลน

เมซิดีคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ครานั้นเขาก็เชื่อแล้ว บุคคลที่บ้าอำนาจและแข็งแกร่งเช่นนั้นจะยอมเสียสละตนเองเพื่อสตรีสวรรค์เก้าชั้นฟ้าคนหนึ่งได้อย่างไร

ดังนั้นเมซิดีจึงรีบเขียนลงบนฝ่ามือของลาซิน่าว่า ‘ประเดี๋ยวเจ้าออกไปเจอพวกเขา ช่วยข้าบอกพวกเขาว่าข้าออกไปแล้วจะส่ง ‘คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์’ ให้พวกเขา’

“ได้” ดยุคลาซิน่าตอบทันที

ในขณะเดียวกัน… องค์ชายหูเฮ่อที่ได้รับภารกิจใหม่ เขาก็รีบกลับไปยังเมืองแสงสว่าง ซึ่งก็คือเมืองหลวงของราชวงศ์นิโคลัสที่ที่ดยุคเฟอร์ราอยู่ ด้วยการช่วยเหลือของเทพแห่งสงครามไทร์ผู้มีแขนข้างเดียว

ส่วนเซ่าเฮ่าก็กำลังเร่งเดินทางไปราชสำนักนิโคลัส แต่เขาช้ากว่าองค์ชายหูเฮ่ออย่างเห็นได้ชัด ถึงอย่างไรฝ่ายหลังสามารถใช้ ‘ช่องทางปกติ’ สามารถใช้ค่ายกลแสงส่งไปยังราชสำนักนิโคลัสได้ทันที แต่เซ่าเฮ่าต้องหายตัวเหินไป ทว่าเขาก็ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเขารู้ว่า ตอนนี้เฟอร์ราไม่อยู่ในเมืองแสงสว่าง แต่อยู่ที่เมืองเหมยเฉิงซึ่งเป็นที่ที่คนรักเมดาห์ลอยู่ ดังนั้น… เมื่อองค์ชายหูเฮ่อเร่งเดินทางมาถึงเมืองเหมยเฉิง เซ่าเฮ่าก็ทำภารกิจสำเร็จแล้ว แต่เขายังไม่กลับไป เขายังอยู่ในเมืองเหมยเฉิง คิดว่าจะรอให้หูเฮ่อไปก่อน เขาค่อยไป

แต่แล้ว… เทพสงครามไทร์ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเทพพิทักษ์จับสัมผัสได้อย่างเฉียบแหลม “มีกลิ่นอายของเทพสวรรค์เก้าชั้นฟ้า”

“อะไรนะ” องค์ชายหูเฮ่อได้ยินไม่ชัด

ไทร์ระเบิดร่างพลังแข็งแกร่งที่สุดออกมา “ออกมา! ข้าจับเจ้าได้แล้ว”

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท