เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 567 ปฐมราชินีสร้างโลกอีกครั้ง

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ตอนที่ 567 ปฐมราชินีสร้างโลกอีกครั้ง

นางพบว่าที่ในสุราของแอตแลนสามารถทำให้พลังไท่ชูผสานกันโดยที่ไม่รู้ตัวนั้นเป็นเพราะในสุรามีกลิ่นอายที่คล้ายกับปรมัตถ์แห่งจักรวาล

พูดง่ายๆ ว่าในสุราของแอตแลนมีกลิ่นอายดั้งเดิมที่สุดของจักรวาล หรือจะเปรียบเทียบดังนี้ พลังไท่ชูก็เหมือนกับทารกน้อย ในสุราของแอตแลนกลับมีกลิ่นอายคล้ายรก ซึ่งทำให้พลังไท่ชูสามารถเข้าใกล้มันและหลอมผสานกับมันโดยไม่รู้ตัว เพราะว่าความรู้สึกของพลังไท่ชูที่มอบให้มันเปรียบเสมือนกับครรภ์มารดาที่ให้กำเนิดมัน

“น่าสนใจ…”

เยี่ยนอวี๋รู้สึกสนใจในสุราของแอตแลนอย่างมากโดยไม่รู้ตัว

สำหรับนักฝึกฌานทั่วไปแล้วจะไม่สามารถล่วงรู้ถึงความลึกลับในสุราของแอตแลน มีเพียงเยี่ยนอวี๋ที่ทำได้ เพราะว่านางผ่านทุกช่วงการวิวัฒนาการของจักรวาลมาแล้ว มีเพียงนางที่รู้ดีที่สุดว่าสำหรับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้ว การวิวัฒนาการของจักรวาลแบ่งเป็นห้าช่วง อันได้แก่… ยุคไท่อี้ เป็นยุคที่ไร้สสารใดๆ เอกภพทั้งหมดเป็นสีดำบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งใดเลย

ยุคไท่ชู เอกภพในยุคนี้ยังคงว่างเปล่า แต่เยี่ยนอวี๋ถือกำเนิดแล้ว นางกำเนิดสติปัญญา แต่นางในยุคนี้ยังไม่มีตัวตน

ยุคไท่สื่อ นางยังคงไม่มีตัวตน แต่นางรับรู้ได้ว่าจักรวาลนี้กำเนิดสติปัญญาอย่างอื่นแล้ว สติปัญญาของบรรพบุรุษหงเหมิงและเทียนตี้ถือกำเนิดขึ้นในยุคนี้

ยุคไท่ซู่ นางเริ่มนำทางจิตวิญญาณเหล่านั้น ให้พวกเขาค่อยๆ ก่อตัวขึ้นพร้อมกับนาง

ยุคไท่จี๋ นางให้ยักษ์ผานกู่เบิกฟ้าผ่าพิภพ จักรวาลกำเนิดหยินหยาง กฎเกณฑ์ ระเบียบ สสารนับไม่ถ้วนเริ่มเป็นไปตามวัฏจักร เกิดขึ้นทีละอย่างในเอกภพที่แต่เดิมว่างเปล่าแห่งนี้

เยี่ยนอวี๋ผ่านทั้งห้ายุคนี้มาแล้ว แน่นอนว่ายุคไท่อี้นางยังไม่มีสติปัญญาและจิตวิญญาณที่ชัดเจน นางในยุคนั้นเป็นเพียงความว่างเปล่า นางเพียงสัมผัสได้อย่างคลุมเครือว่ามียุคนี้ดำรงอยู่ ดังนั้นนางจึงมีพลังไท่ชูเป็นหลัก บัดนี้…

“ในสุราของแอตแลนมีกลิ่นอายของยุคไท่อี้ มิน่าจึงสามารถทำให้พลังของข้าผสานกับมันได้” โลกแห่งจิตเหนือสำนักของเยี่ยนอวี๋วูบวาบอย่างต่อเนื่อง เพราะว่านี่คือเรื่องเหลือเชื่อ ในโลกจักรวาลปัจจุบันหากลิ่นอายที่หลงเหลือของยุคไท่อี้ได้ยากมากแล้ว แม้จะหาเจอแล้วจะบ่มเป็นสุราได้อย่างไร

“แอตแลนช่างน่าสนใจ” เยี่ยนอวี๋จำเป็นต้องพูดว่า จักรวาลแอตแลนนี้แตกต่างจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่นางอยู่มากจริงๆ แต่เยี่ยนอวี๋คิดว่าการกำเนิดจักรวาลน่าจะคล้ายคลึงกัน เพียงแต่มีวิธีที่แตกต่างกัน กฎเกณฑ์และพลังที่ก่อตัวขึ้นจึงไม่เหมือนกัน

เช่นนั้นปัญหาในตอนนี้คือ นางจะแยกพลังไท่ชูของนางออกจากพลังของสุราแอตแลน ไม่ให้มันกระทบตนเองอย่างไร หากสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ จักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็จะหลุดรอดจากการบุกรุกของแอตแลน ฟื้นฟูระเบียบเดิมได้อีกครั้ง

“แต่ไท่ชูวิวัฒนาการมาจากไท่อี้แล้วจะแยกออกมาได้อย่างไร” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว “โชคดีที่เป็นสองจักรวาลที่ไม่เหมือนกัน กลิ่นอายในสุราเหล่านี้ท้ายที่สุดก็ไม่ได้มีต้นกำเนิดเดียวกับพลังไท่ชูของข้า น่าจะจัดการได้ไม่ยากนัก”

เยี่ยนอวี๋ที่คิดถึงตรงนี้ นางก็ดำดิ่งลงไปในห้วงความคิด สัมผัสและทำความเข้าใจกับพลังในสุราของแอตแลน และนางสามารถใช้อีกมุมมองหนึ่งเพื่อสังเกตพลังไท่ชูของตนเองในกระบวนการนี้ ปรากฏว่าพลังไท่ชูยังคงกลับไปหาไท่อี้ด้วยสัญชาติญาณ คล้ายกับการย้อนกลับไปหาบรรพบุรุษ นอกจากนี้ยังเหมือนกับว่าจะเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว… เห็นได้ว่ากลิ่นอายไท่อี้มีพลังดึงดูดต่อตนเอง ในส่วนลึกของหัวใจนางถือว่าสถานะจักรวาลยุคไท่อี้เป็น ‘แม่’ ผู้ให้กำเนิดนาง

เยี่ยนอวี๋ไตร่ตรองและทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไปสองวันแล้ว

จักรพรรดิหูจวิ้นที่วุ่นวายกับเรื่องในครอบครัวจนปวดเศียรเวียนเกล้า สองวันนี้ก็ไม่มีเวลามารบกวนเยี่ยนอวี๋จริงๆ

จนวันนี้เขาเพิ่งจะแก้ไขปัญหาของเฟอร์ราได้ เขารับปากว่าจะไม่มอบตำแหน่งทายาทให้เฟอร์รา

“เฮ้อ มิน่าเล่าจึงมีสุภาษิตว่า ข้าราชการสุจริตก็ยากที่จะตัดสินเรื่องราวในครอบครัวได้” หูจวิ้นบ่นกับกู้จื่อเฟิง

กู้จื่อเฟิงยิ้มไม่พูดอะไร จะให้พูดว่าฝ่าบาทท่านหาเรื่องใส่ตัวจึงสร้างปัญหามากมายเช่นนี้ก็คงไม่ได้ ทว่า… กู้จื่อเฟิงยังคงเตือนว่า “ฝ่าบาทหากวันนี้มีเวลาว่าง แวะไปกรมความมืดสักเล็กน้อยก็ดี”

“ข้ากลับคิดว่าไม่จำเป็น” หูจวิ้นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็รู้สึกขายหน้า “หากนางมีความเคลื่อนไหวอะไร ข้าย่อมสัมผัสได้ อีกทั้งบางทีนางอาจจะไม่พบอะไรเลยก็ได้ หากข้าไปรบกวนบ่อยเข้า นางจะระวังตัวกว่าเดิม”

กู้จื่อเฟิงส่ายศีรษะ “ไม่ ข้ามั่นใจว่านางพบบางอย่างแล้ว เพราะว่านางลงมือกับดยุคทั้งสี่ แต่เรากลับตรวจสอบอะไรไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้หมายความว่าวิธีการของนางนั้นอยู่เหนือจินตนาการของเรา เราจึงไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย”

“บางทีนางต้องการทำให้เราสับสน จงใจทำให้เราคิดว่านางลงมือกับดยุคทั้งสี่ เพื่อยุยงให้ราชสำนักและดยุคทั้งสี่แตกแยกกันเล่า” หูจวิ้นถามกลับ

“ก็มีความเป็นไปได้” กู้จื่อเฟิงไม่ปฏิเสธ “แต่ข้ายังคงเชื่อว่าปฐมราชินีเยี่ยนน่าจะพบความลี้ลับของสุราแก้วนั้นแล้ว อีกทั้งอาจจะตระหนักรู้บางอย่างได้จากตรงนี้และโจมตีเรากลับอย่างที่เราไม่อาจคาดเดาได้”

จำเป็นต้องพูดว่ากู้จื่อเฟิงทำนายได้แม่นยำจริงๆ

นอกจากนี้… หูจวิ้นก็เชื่อสิ่งที่เขาพูดด้วย ดังนั้นสุดท้ายเขาก็ทำตามข้อเสนอแนะของกู้จื่อเฟิง “เช่นนั้นข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้ แต่ครั้งนี้อาจจะเกิดการปะทะกันขึ้นมาจริงๆ ลูกน้องกลุ่มนั้นของนางไม่รู้จักเกรงกลัวเลย ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวสักนิด”

“นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าชื่นชมเยี่ยนอวี๋ ดูเหมือนกับว่านางมีความมั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ อาจจะเป็นเพราะนางผ่านอะไรมามากมาย การเปลี่ยนแปลงใดๆ ล้วนไม่มีผลกระทบต่อนาง ลูกน้องที่มีนางเป็นแบบอย่าง ตราบใดที่เยี่ยนอวี๋มีความมั่นใจเช่นนี้ต่อไป ลูกน้องของนางย่อมไม่รู้สึกว่ามาถิ่นของผู้อื่นต้องเกรงใจใคร เพราะว่าพวกมันเชื่อว่า นายท่านของพวกมันไร้เทียมทาน” กู้จื่อเฟิงพูดอย่างฉะฉาน

หูจวิ้นถอนหายใจ “นั่นก็จริง ปฐมราชินีเยี่ยนท่านนี้สงบและสง่างาม มองโลกและปัญหาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง หากเฟรย์ดีเท่าส่วนหนึ่งของนาง ข้าเองก็คงไม่ต้องทำถึงเพียงนี้…”

กู้จื่อเฟิงยิ้มไม่ได้พูดอะไร แต่กลอกตาในใจ ปฐมราชินีเยี่ยนคือปฐมราชินีเยี่ยนที่ไม่เหมือนผู้ใด ไม่มีผู้ใดเป็นนางได้ และไม่มีผู้ใดเลียนแบบนางได้

หูจวิ้นกลับกำลังคิดว่า “หากนางยอมจำนน เจ้าคิดว่าข้าสามารถแต่งตั้งนางเป็นจักรพรรดินีได้หรือไม่”

กู้จื่อเฟิง “…”

เขาค่อยๆ หุบยิ้มมองไปที่หูจวิ้น

หูจวิ้นขมวดคิ้วถามทันทีว่า “ทำไมหรือ จื่อเฟิงเจ้าหวั่นไหวกับนางจริงๆ หรือ”

“ฝ่าบาท สตรีเช่นนางมิอาจพิชิตได้ง่ายๆ หากท่านต้องการแต่งตั้งนางเป็นจักรพรรดินี ย่อมไม่ได้ผล ท่านจะถูกนางกลืนกินกลับ สุดท้ายต้องสูญเสียทั้งสองฝ่าย” กู้จื่อเฟิงแนะนำอย่างจริงใจ

หูจวิ้นกลับไม่คิดเช่นนั้น “นางชอบหรงมิใช่หรือ ผู้หญิงน่ะ ไม่ว่าจะเป็นเทพผู้สร้างหรือเทพอะไร จิตใจก็อ่อนไหว สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้”

“ฮึ” กู้จื่อเฟิงวางถ้วยชาลง “หากฝ่าบาทเห็นปฐมราชินีเป็นสตรีเช่นนี้ การต่อสู้ครั้งนี้ จื่อเฟิงตัดสินใจถอนตัว เพราะว่าท่านต้องแพ้แน่นอน”

“แหม อย่าจริงจังเช่นนี้สิ ข้าก็แค่พูดเล่น” หูจวิ้นตบบ่ากู้จื่อเฟิงเบาๆ แต่ในใจกลับมีความคิดอยากจะพิชิตปฐมราชินีเยี่ยนจริงๆ

กู้จื่อเฟิงรู้จักหูจวิ้นดี เขาจึงโน้มน้าวว่า “ท่านเห็นว่าปฐมราชินีปฏิบัติดีต่อหรงต้าซือมิ่ง แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าหรงต้าซือมิ่งได้ใจปฐมราชินีมาอย่างไร”

“ก็นอนด้วยกันก่อนแล้วมีลูก จากนั้นน้ำมาคลองก็เกิด” หูจวิ้นบอกว่าตนเองรู้ดีว่าสายลับของเขาสามารถสืบข่าวคราวของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้จริงๆ

กู้จื่อเฟิงยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเชื่อว่าหรงต้าซือมิ่งมอบความจริงใจให้ก่อน อีกอย่างหรงต้าซือมิ่งเองก็มีเสน่ห์เพียงพอที่จะดึงดูดปฐมราชินี”

“ข้าสู้หรงไม่ได้หรือ” หูจวิ้นถามกลับและพูดต่อว่า “เอาเถิด ไม่ทะเลาะเรื่องพวกนี้แล้ว สิ่งที่ข้าอยากได้คือสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ไม่ใช่สตรีนางหนึ่ง ตอนนี้ไปดูก่อนดีกว่าว่าสตรีคนนั้นกำลังทำอะไร”

“ขอให้ฝ่าบาทประสบความสำเร็จ” กู้จื่อเฟิงพูดจบหลุบตาลง

หูจวิ้นกำลังจะเดินจากไปอย่างยิ้มแย้ม จู่ๆ เมืองแอตแลนก็สั่นสะเทือน

ครืน

แรงสั่นไหวที่ไม่รุนแรงแต่ประหลาดนี้ เห็นได้ทันทีว่ามาจากกรมความมืด

นี่มัน…

หูจวิ้นสีหน้าพลันเปลี่ยน เขาหายไปพร้อมกับแสงทันที

กู้จื่อเฟิงแสดงแววตาชัดเจน “ตามคาด”

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท