ตอนที่ 568 ภรรยาโลดเล่นต่อไป พ่อของลูกออกโรงเอง!
แต่แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง…
วิ้ง!
กรมความมืดก็เกิดแรงสั่นไหวเช่นเดียวกัน แต่รุนแรงกว่า และเนื่องจากกรมแสงสว่างอยู่ทางเหนือของเมืองแห่งนภา ดังนั้นเทพทั้งหมดในเมืองล้วนรู้สึกว่ากลุ่มดาวบนท้องฟ้าเหมือนถูกคลื่นซัดสาด ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้หูจวิ้นที่อยู่บนท้องนภาเหนือกรมความมืดกลับเห็นซีหวังหมู่และเทพองค์อื่นๆ ‘ประลองฝีมือกัน’ ในลานถูกดึงดูดไปยังกรมแสงสว่าง
หูจวิ้นคิดว่าความเคลื่อนไหวของกรมความมืดมาจากซีหวังหมู่สร้างขึ้นเพราะว่างมาก แต่ความเคลื่อนไหวที่กรมแสงสว่างทำให้เขาเป็นกังวลมากกว่า
ถึงอย่างไรจากการวิเคราะห์ของพวกเขาก่อนหน้านี้ หรง ต้าซือมิ่งแห่งกรมความมืด หลังจากที่เขาถูกผนึกไว้ในสวนเอเดนก็ไม่สามารถทำให้เกิดความเคลื่อนไหวใดๆ ได้ แต่ตอนนี้…
“เกิดอะไรขึ้น” เมื่อหูจวิ้นลงมาบริเวณแท่นบูชาแล้ว เขาก็ถามผู้เฒ่าริกเกิร์ตฟันทองทันที หลังจากที่ฝ่ายหลังพาดยุคทั้งสามมา เขาก็เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด ย่อมรู้สถานการณ์ดีที่สุด ทว่า… ริกเกิร์ตเองก็ไม่รู้นี่สิ เขาจึงได้แต่พูดว่า “ฝ่าบาท เกรงว่าจะเกิดปัญหา เราต้องเตรียมพร้อมให้ดี”
“ให้ตายเถอะ!” หูจวิ้นสีหน้าเคร่งขรึม เขาจะติดต่อทาสสายเลือดซาตานของตนเองในทันที
ในขณะเดียวกัน… ในสวนเอเดน พ่อลูกต้าซือมิ่งที่ถูกผนึกไว้ คนเป็นพ่อก็กำลังจำศีล(กลืนกิน)ต่อไป ส่วนเจ้าตัวน้อยกำลังเล่นกับเฟนเลย์
“อ้ะเนะ!” เด็กน้อยที่เล่นจนเบื่อแล้วก็คลานไปดูท่านพ่อของเขา
และอันที่จริงความเคลื่อนไหวเมื่อครู่นี้มาจากต้าซือมิ่งจริงๆ เขาที่กำลังกลืนกินสวนเอเดนย่อมทำให้แอตแลนสั่นไหวง่าย ส่วนเหตุใดความเคลื่อนไหวจึงเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ช่วยปกปิดให้ภรรยาของเขาพอดี คงเป็นเพราะใจตรงกัน
“นายน้อย ไม่เล่นแล้วหรือ” เฟนเลย์ถามเด็กน้อย กลัวว่าเขาจะเบื่อแล้วไปรบกวนท่านพ่อเขา
แม้เฟนเลย์ในบัดนี้ยังไม่รู้ว่าต้าซือมิ่งจะทำอะไร แต่มันสัมผัสถึงพลังกลืนกินอันน่าสะพรึงจากต้าซือมิ่งท่านนี้ได้ และความหวาดกลัวเช่นนี้ เขาไม่เคยสัมผัสได้จากหูจวิ้นหรือโลกีรวมถึงจักรพรรดิผู้ตั้งเมืองแอตแลนเลย บุคคลท่านนี้… น่ากลัวเกินไปแล้ว น่ากลัวจนเฟนเลย์กังวลว่าหากเด็กน้อยรบกวนเขา อาจจะถูกฆ่าตายได้
ถึงอย่างไรเฟนเลย์ที่ไม่รู้จักต้าซือมิ่งเลยก็คิดว่าบุคคลน่ากลัวเช่นนี้ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ทว่า…
“ไม่…”
เด็กน้อยที่ไม่อยากเล่นแล้วก็คลานเข้าใกล้ท่านพ่อเขากว่าเดิม
เฟนเลย์ “…”
มันอยากจะคาบนายน้อยออกไป แต่มันก็กลัว ไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนเด็กน้อยก็กำลังมองท่านพ่อของเขาอย่างใจจดใจจ่อ “เป่า ดูพ่อ”
เฟนเลย์ “…”
มีอะไรน่าดูหรือ ชีวิตสำคัญกว่านะ
แต่จะให้พูดตรงๆ ก็ไม่ได้ เฟนเลย์จึงพูดได้เพียงว่า “นายน้อย ข้าพาท่านไปเก็บผลไม้กินดีหรือไม่”
“ไม่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าปฏิเสธ “ดูพ่อ”
เฟนเลย์ “…”
ก็ได้ อยากดูก็ดู
เฟนเลย์ที่หมดหนทางคิดว่าจะไปเก็บผลมะเดื่อมาหลอกล่อให้เด็กน้อยกิน ถือว่าเป็นวิธีเบี่ยงเบนความสนใจ แต่มันกลัวว่าถ้ามันไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กน้อย
เฟนเลย์ที่กระวนกระวายใจ มันเองก็ไม่เข้าใจว่าตนเองในฐานะที่เป็นถึงหมาป่ายักษ์ที่เก่าแก่เหมือนกับจักรวาลแอตแลน เหตุใดจึงต้องกลายเป็นพ่อเลี้ยงคอยมาเป็นห่วงเป็นใยแทนผู้อื่นด้วย
ไม่มีอะไร คือสัญชาติญาณล้วนๆ
เฟนเลย์ที่ยอมจำนนได้แต่พูดขึ้นอีกครั้งว่า “เช่นนั้นข้าไปเก็บผลไม้ นายน้อยอยู่นิ่งๆ นะ อยู่ในวงแหวนนี่นะแล้วก็ห้ามรบกวนท่านพ่อด้วย เข้าใจหรือไม่ขอรับ”
“อือ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบอย่างเชื่อฟัง
เฟนเลย์รู้สึกได้ว่านายน้อยทั้งเชื่อฟังและวางใจได้ เฟนเลย์จึงไปเก็บผลมะเดื่อ
ส่วนเด็กน้อย เขาก็เข้าใกล้ท่านพ่อเข้าต่อไปและยังถามอย่างจริงจังว่า “พ่อ อุ้มเป่า ได้หรือไม่”
ต้าซือมิ่งย่อมไม่ตอบสนองใดๆ…
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตาปริบ “ไม่พูด เท่ากับ ตกลง! ฮี่…”
เด็กน้อยที่หัวเราะเริงร่าก็คลานไปข้างๆ ขาของท่านพ่อและค่อยๆ เข้าใกล้ท่านพ่อเขาอย่างระมัดระวัง อันที่จริงหรงอี้กังวลเกี่ยวกับเด็กน้อยอยู่ตลอดเวลา แม้เขาจะกำลังจำศีล แต่ริมฝีปากอันเย้ายวนของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อยแล้ว
จากนั้น… เฟนเลย์ที่เก็บผลมะเดื่อกลับมา มันก็ต้องตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง “นายน้อย…”
เด็กน้อยที่นอนบนตักของท่านพ่อเขาย่อมไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ เด็กน้อยนอนหลับลึกราวกับลูกหมูตัวน้อยไปแล้ว
เฟนเลย์น้ำตาจะไหล มันมองลูกพี่ท่านนี้อยู่ครู่หนึ่ง พบว่าลูกพี่ท่านนี้ไม่ได้โมโห และไม่มีทีท่าว่าจะผลักใสเด็กน้อยออกไป มันจึงคิดว่าตนเองควรเข้าไปคาบเจ้าตัวน้อยออกมาหรือไม่
ทว่า…
ก็คนมันกลัว! ไม่กล้า! ขี้ขลาดน่ะ!
เฟนเลย์พยายามเกลี้ยกล่อมตนเองนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดมันก็หดขนาดตัวเล็กลงเพื่อลดตัวตนของตนเองเข้าไปใกล้สองพ่อลูกต้าซือมิ่ง ทว่า…
อักษรค่ายกลที่จู่ๆ ดังเปล่งแสงขึ้นมายังคงผลักเฟนเลย์เด้งออกไป แม้บนตัวเฟนเลย์จะมีกลิ่นอายของเด็กน้อยแต่ก็ยังกระเด็นออกไปอยู่ดี
ความเคลื่อนไหวนี้กลับทำให้เด็กน้อยคลานเข้าไปในอ้อมอกของท่านพ่อเขา ถึงอย่างไรอ้อมกอดของท่านพ่อก็ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยมากที่สุด ดังนั้นเฟนเลย์ที่กลับมาด้วยสภาพทุลักทุเล มันก็จะร้องไห้แล้วจริงๆ
หูจวิ้นในบัดนี้ติดต่อกับซาตานได้แล้ว น่าเสียดายที่ซาตานยังไม่ฟื้นตัว มันที่นอนหายใจรวยรินไม่สามารถให้ข่าวสารที่มีประโยชน์อะไรได้
หูจวิ้นที่โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ได้แต่กัดฟันกรอด “ให้ตายเถอะ!”
“ฝ่าบาท ให้กระหม่อมลงไปดูหรือไม่” ริกเกิร์ตฟันทองเสนอตัว
หูจวิ้นปฏิเสธทันที “ไม่ได้! ผู้ที่สามารถหนีออกมาจากสวนเอเดนได้ จนถึงบัดนี้มีเพียงโลกีและสองแม่ลูกนั่น ซ้ำยังเป็นเพราะแหล่งศักดิ์สิทธิ์เกิดการเปลี่ยนแปลงจึงถือโอกาสหนีออกมาได้ บัดนี้แหล่งศักดิ์สิทธิ์หายไปแล้ว เจ้าลงไปก็เท่ากับตาย ข้าไม่อนุญาตเด็ดขาด”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ว่า! รอก่อนเถอะ สร้างการป้องกันเพิ่มที่นี่” หูจวิ้นยังคงเห็นอกเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ปล่อยให้ผู้ช่วยมือขวาไปจบชีวิตเช่นนี้
แน่นอนว่าเขาเองก็เชื่อว่าเทพกรมแสงสว่างจะไม่อยู่เฉย ส่วนตอนนี้… หูจวิ้นที่กำลังคิดหาวิธีอยู่นั้น เขาก็สัมผัสถึงความเคลื่อนไหวที่สั่นสะเทือนออกมาจากแท่นบูชาอีกครั้ง และครั้งนี้ยังรุนแรงขึ้นหลายเท่าตัว เพราะว่า…