ตอนที่ 578 จักรพรรดินีเยี่ยนแห่งแอตแลน
หูจวิ้น “…”
เขาตาแดงก่ำ ตาเขาแดงจริงๆ ไม่ใช่เพราะอยากร้องไห้ ถึงอย่างไรนี่ก็คือปรากฏการณ์หมู่ดาวสวมมุงกุฎที่เป็นเกียรติที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยได้รับตอนที่สืบทอดบัลลังก์ต่อ
แต่ปัญหาคือว่า…
“จะขัดขวางอย่างไร” เหล่าเทพพากันงงงวย
“ข้าขอลองดูเอง” องค์ชายบัลเดอร์เอ่ยปากอย่างนุ่มนวล
เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าทวยเทพมองไปที่บัลเดอร์อย่างพร้อมเพรียง บัลเดอร์ที่ถูกมองกลับสุขุม เขาหลับตาลง ปล่อยพลังไปยังหมู่ดาว ซึ่งเป็นพลังที่อ่อนโยนและอบอุ่นอย่างไร้ที่เปรียบ
เหมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
เหมือนกับคลื่นอ่อนๆ
เหมือนกับฝนที่ตกปรอยๆ
…
ถึงอย่างไรเหล่าทวยเทพก็สงบจิตใจลงแล้ว
หูจวิ้นกลับพูดขึ้นว่า “ไทร์ตามข้ามา ส่วนพวกเจ้าคอยพิทักษ์บัลเดอร์ที่นี่”
หูจวิ้นที่รู้ได้ว่าไม่ควรพึ่งพาบัลเดอร์คนเดียว เขาก็ไม่ได้เฝ้าอยู่ที่นี่ เขาพาบัลเดอร์ลงไปยังชั้นใต้สุดของปราสาทแอตแลน ที่นั่นมีพลังขั้นสูงสุดของแอตแลน
ในขณะเดียวกัน…
กรมความมืดถูกแสงแห่งดวงดาวปกคลุมจนเหมือนกับปราสาทดวงดาวเจิดจรัส
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” เฟรย์ที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์จนถึงบัดนี้ นางยังคงถามอัศวินมังกรที่อยู่ข้างกาย
“จักรพรรดินี หมู่ดาวกำลังปกป้องกรมความมืด” หนุ่มอัศวินมังกรผู้มีผมสีทองจำเป็นต้องพูดขึ้นว่า “บัดนี้ใครก็ไม่สามารถโจมตีกรมความมืดได้ ต้องถอนกำลังแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ได้” เฟรย์คัดค้าน “ตัวข้าเฟรย์ย่อมรู้ว่าหมู่ดาวกำลังปกปักษ์กรมความมืด สิ่งที่ข้าถามคือกรมความมืดในบัดนี้ไม่มีเทพแอตแลนของเรา เหตุใดหมู่ดาวจึงสถิตลงมาปกป้องได้”
“ข้าน้อยไม่ทราบ” หนุ่มอัศวินมังกรเองก็ไม่รู้
ไม่ใช่เพียงเขาที่ไม่รู้ เทพทั้งเมืองก็ไม่รู้
แต่เฟรย์ไม่ยอมถอนกำลังง่ายดายเช่นนี้ ถึงอย่างไรนางก็ยังไม่บรรลุจุดประสงค์ อีกทั้งนางยังมีแผนการอย่างอื่น ลองคำนวณเวลาแล้ว…
“ลีน่า” เฟรย์กำลังเรียกสาวใช้มาเพื่อถาม
อัศวินมังกรแข็งแกร่งนายหนึ่งควบมังกรทะยานเข้ามาพอดี “จักรพรรดินี”
“เรก้า” แสงวาบผ่านนัยน์ตาเฟรย์ “เสร็จธุระแล้วหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าพระบาทพาคนเข้าไปก่อนแล้ว” อัศวินเรก้าลงจากมังกรก่อนจะทูลรายงาน
เฟรย์โกรธกริ้วทันที “เหลวไหล เขาเข้าไปได้อย่างไร มีตัวมารมากมายเฝ้ารอเขาตายเพื่อจะยึดครองตำแหน่งเขา เขาไม่รู้เลยหรือ”
อัศวินที่มารายงานอ้ำอึ้ง ได้แต่คุกเข่าก้มศีรษะ
โชคดีที่เฟรย์ก็ไม่ได้ด่าทอต่อไป แต่สั่งหนุ่มอัศวินคนนั้นว่า “เมื่อพวกเจ้าพบโอกาส จงบุกโจมตีต่อไป ห้ามหยุดเด็ดขาดหากไม่มีคำสั่งของข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ จักรพรรดินี” หนุ่มอัศวินมังกรไม่ได้ถามอะไรอีก เพียงแค่รับบัญชา
และในบัดนี้ แม้แต่หูจวิ้นและกู้จื่อเฟิงก็ไม่รู้ว่าเฟรย์และหูเฮ่อหาช่องทางลับสู่ข้างในกรมแสงสว่างเจอแล้ว
ถึงอย่างไรเฟรย์ก็เคยเป็นสตรีสูงศักดิ์ของสำนักแสงสว่าง อันที่จริงนางรู้จักกรมความมืดและกรมแสงสว่างเป็นอย่างดี ถึงแม้หลังจากที่สำนักล่มสลาย กรมทั้งสองจะแยกออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์และอยู่แยกกันก็ตาม แต่ว่า… เฟรย์เชื่อว่าโครงสร้างภายในของกรมทั้งสองไม่เปลี่ยนแปลง ช่องทางลับก็ไม่เปลี่ยนเช่นกัน ตราบใดที่นางหาทางเข้าออกของทางลับเหล่านี้ได้ ทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา
ทว่า…
“เอ๋?”
“หมู่ดาวหยุดลงแล้ว”
เหล่าประชาชนแอตแลนที่พบว่าหมู่ดาวไม่ได้สั่นไหวและสถิตแสงศักดิ์สิทธิ์ลงมาก็สังเกตความเคลื่อนไหวของกรมต้าซือมิ่งเป็นพิเศษกว่าเดิม
“เตรียมพร้อมบุกโจมตีต่อ” หนุ่มอัศวินมังกรผมทองชูดาบออกคำสั่ง เขารู้ว่าโอกาสการโจมตีอีกครั้งกำลังจะมาถึงแล้ว
และในครานี้เอง…
บัลเดอร์ผู้ที่กำลังสื่อสารกับหมู่ดาวบนยอดสูงสุดของแอตแลน เขายังคงปล่อยพลังอันอ่อนโยนและเสียงที่เหมือนกับภาษาลับออกมาอย่างต่อเนื่อง
เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นเพราะเขา ดวงดาวจึงหยุดส่งการล้างบาปแห่งแสงดาวไปที่เยี่ยนอวี๋
“ดีจังเลย” เหล่าเทพตื้นตัน คิดว่าองค์ชายอัศจรรย์ของพวกเขาสามารถหยุดยั้งทุกสิ่งได้
แต่แล้ว… กลับไม่ใช่เช่นนั้น
หมู่ดาวที่หยุดชะงักลงครู่หนึ่งสั่นไหวอีกครั้ง เพราะว่า…
อึก
บัลเดอร์ที่อาเจียนเป็นเลือดลืมตาขึ้น
“องค์ชายบัลเดอร์!” เฟรดรีบป้อนยาให้องค์ชายน้อย
บัลเดอร์กลับไม่ได้ดื่มยาก่อน เขาพูดขึ้นว่า “พวกมันบอกว่า พวกมันไม่สามารถต่อต้านได้ นั่นคือจักรพรรดินีของพวกมัน จักรพรรดินีของแอตแลน” เอื้อก…
บัลเดอร์ที่พูดจบอย่างเร่งรีบอาเจียนเป็นเลือดไม่หยุดก่อนจะสงบลงภายใต้การรักษาของเฟรด และเริ่มฟื้นฟูตนเอง
โซลดาโกรธกริ้ว “อะไรคือจักรพรรดินีแอตแลน นางคือผู้สร้างสวรรค์เก้าชั้นฟ้า จักรพรรดินีแอตแลนที่ไหนกัน เหลวไหลสิ้นดี? ไม่ได้ ข้าต้องฆ่านางทิ้ง”
“ใจเย็นๆ” เทพความมืดห้ามโซลดาไว้ทันที “ฝ่าบาทยังมีแผนการ เราต้องรอฟังคำสั่ง”
“ใช่แล้ว” ชุนเถียนก็พูดว่า “บัดนี้สู้รักษาตัวเองดีกว่ามาโมโห เมื่อจักรพรรดิต้องการเรา เราจะได้ไม่เป็นตัวถ่วง”
“ให้ตายเถอะ” โซลดาที่ได้ยินข่มอารมณ์ไว้ได้ชั่วคราว แต่กลับยังคงรู้สึกกระวนกระวายใจ
เหล่าทวยเทพล้วนรู้สึกไม่ต่างกันนัก ไม่มีใครคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ ออกนอกแผนการพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
ทว่า… เหล่าทวยเทพในครานี้ล้วนคิดไม่ถึงว่า สองแม่ลูกเฟรย์ที่พวกเขาเห็นว่าไม่เอาไหนนั้นได้แอบเข้าไปในกรมความมืดแล้ว
บัดนี้เอง… เฟรย์ที่อยู่ในทางลับของกรมความมืด นางก็ไล่ตามหูเฮ่อทันแล้ว “หูเฮ่อ เจ้าออกไปก่อน ไปเฝ้าท่านพ่อของเจ้า ข้าได้ยินว่าบัลเดอร์กลับมาแล้ว”
“เขากลับมาได้อย่างไร!” น้ำเสียงหูเฮ่อเดือดดาลมาก “เสด็จพ่อเคยบอกว่าจะไม่ให้บัลเดอร์กลับมาไม่ใช่หรือ”
“เจ้าเชื่อที่เขาพูดหรือ” เฟรย์ยิ้มเย็นชา “เขายังเคยพูดว่าข้าคือรักแท้ของเขา สุดท้ายล่ะ”
หูเฮ่อเงียบ “เช่นนั้นข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
“ไปเถอะ อย่าปล่อยให้คนเลวพวกนี้ได้โอกาส” เมื่อเฟรย์ไล่บุตรชายของตนเองออกไปได้แล้ว นางก็พาสมุนภักดีเข้าไปในกรมความมืด
และในช่องทางลับนี้ เดิมทีก็มีไว้สำหรับหนีตาย มันจึงสามารถปิดกั้นกลิ่นอายของสรรพชีวิต ดังนั้น… อินหลิวเฟิง ซีหวังหมู่และเทพองค์อื่นๆ ที่อยู่ข้างบนจึงไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของพวกเฟรย์ได้ สิ่งที่น่ากลัวคือทางลับของเฟรย์บังเอิญทะลุไปยังตำแหน่งที่เยี่ยนอวี๋อยู่ได้พอดี
ถึงอย่างไร…