ตอนที่ 613 เสี่ยวเป่าไร้เทียมทานเก็บ ‘พ่อ’ สีเขียวได้
“ว่าไงนะ?” เยี่ยนชิงหน้าเปลี่ยนสีทันที
จิ่วอิงส่ายศีรษะทั้งเก้าส่ายจนกลายเป็นกลองป๋องแป๋ง “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เรื่องอื่นขอไม่พูด แต่อี้เอ๋อร์ เขาต้องไม่ให้สถานการณ์ไร้ค่าเช่นนี้เกิดขึ้นแน่นอน”
“จวินโฮ่วจึงไปห้ามนี่ไง” หยวนสื่อเทียนจุนคิดว่าตนทายทุกอย่างถูกต้อง
เยี่ยนชิงถามว่า “เช่นนั้นตอนนี้เราควรทำอย่างไร”
“ก่อนจวินโฮ่วจะจากไป ท่านฝากให้ข้าทำสองสิ่ง ข้าพาพิกซีไปก่อน ทุกท่านรออยู่ที่นี่ คิดว่าจวินโฮ่วน่าจะกลับมาโดยเร็ว” หยวนสื่อเทียนจุนครุ่นคิด หากทุกอย่างราบรื่นดีก็น่าจะเป็นเช่นนี้
“แต่นี่…” แม้เยี่ยนชิงไม่อยากรอ อยากช่วยเหลือมาก แต่สถานการณ์ที่ ‘สับสน’ เช่นยามนี้ เขารู้ว่าถามไปก็ไร้ประโยชน์จึงได้แต่พยักหน้า “ได้ เทียนจุนรีบไปเถอะ”
หยวนสื่อเทียนจุนกล่าวลา เหลือเพียงเยี่ยนชิงและจิ่วอิงรออยู่ใต้ต้นอู๋ถงอย่างกระวนกระวายใจ กลับกลายเป็นว่าซีหวังหมู่ที่เป็นคนใจร้อนมาโดยตลอดสงบนิ่งกว่าพวกเขา เพราะว่ามันสื่อสารกับเซ่าเฮ่าแล้ว มันเชื่อมั่นว่าใต้เท้าของพวกมันต้องทำได้
…
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่พาท่านพ่อขี่หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ เขาก็กำลังนำทาง ให้หมาป่ายักษ์เฟนเลย์บินทะยานไปยังความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด “ขึ้นไปอีก”
หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ไม่บ่นแม้แต่น้อย มันทะยานขึ้นสูงเรื่อยๆ
แต่อันที่จริงมันก็รู้สึกสงสัยมากว่าทำเช่นนี้ต่อไปจะหาตัวเจอหรือไม่ ถึงอย่างไรมันก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าท่านแม่ของนายน้อยอยู่ที่ไหน แต่ต้าซือมิ่งเชื่อใจเด็กน้อยมาก ดังนั้นหลังจากที่เขาขึ้นบนหลังหมาป่าก็นอนหลับไปเพื่อเติมพลัง
พวกเขาบินทะยานเช่นนี้เป็นเวลาหนึ่งเค่อจนหมาป่ายักษ์เฟนเลย์ร้อนรน “นายน้อย จะถึงหรือยังขอรับ”
“ใกล้แล้ว” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบอย่างมั่นใจ
หมาป่ายักษ์เฟนเลย์จึงบินต่อไป ทว่า… ผ่านไปอีกหนึ่งถ้วยชา อีกเพียงไม่นานก็จะถึงเวลาอย่างเร็วที่สุดที่มังกรน้อยบินได้ตัวนั้นบอกแล้ว
หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ร้อนรนอีกครั้ง “นายน้อย…”
“ถึงแล้ว ถึงแล้ว หยุด…” จู่ๆ เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็บอกให้หยุด
หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ชะงัก เพราะว่ามันยังไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าท่านแม่ของนายน้อยอยู่ที่ไหน แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่ายกก้นยืนขึ้นแล้ว “แม่…”
เฟนเลย์ “?” หรือว่าพลังการรับรู้ของมันบกพร่องไปแล้วนะ
ความคิดเช่นนี้ทำให้หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ปลดปล่อยการรับรู้ที่รุนแรงกว่าเดิมออกไปด้วยสัญชาติญาณ จากนั้นมันก็พบว่ามันพลาดบางอย่างไปจริงๆ เพราะว่ามันพบว่า… ตำแหน่งตอนนี้ที่มันอยู่ช่างแปลกประหลาดเสียจริง มันสามารถรับรู้ถึงกฎดั้งเดิมของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและกฎดั้งเดิมของแอตแลน และยังสัมผัสถึงกลิ่นอายของจักรวาลทางเหนือได้?
นี่มันสถานที่วิเศษอะไรกัน หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ตะลึงงัน
เด็กน้อยยังตะโกนเรียกอย่างไม่รู้เรื่อง “แม่ เป่า พาพ่อ มาสำนึกผิด แม่ หายโกรธนะ”
เสียงง้ออันหน่อมแน้มนี้ ทำเอาหมาป่ายักษ์เฟนเลย์ที่ได้ยินหัวใจอ่อนยวบ อดคิดไม่ได้ในทันทีว่ามันควรมีหมาป่าตัวเมียสักตัวหรือไม่ หากลูกที่คลอดออกมาดีได้สักส่วนหนึ่งของนายน้อยก็คงมีความสุขมากแล้ว น่ารักจริงๆเลย หวานมากด้วย ช่างอบอุ่นจริงๆ…
เยี่ยนอวี๋ผู้เป็น ‘ผู้ชนะในชีวิตจริง’ นางย่อมถูกเสียงเรียกเรียกจน ‘ตื่น’ ขึ้น
นางที่เดิมทีกำลังปรับลมปราณถูกเสียงเล็กเสียน้อยอันอ่อนโยนของเด็กน้อยปลุกตื่น นางจึงปรากฏตัวขึ้น
“แม่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าบินเข้าไปในอ้อมอกของท่านแม่ทันที “หายโกรธนะ…”
เยี่ยนอวี๋ที่ถูกเด็กน้อยโถมตัวเข้ามาหา นางก็จูบแก้มอวบอ้วนของเด็กน้อย “ใครบอกเสี่ยวเป่าว่าแม่โกรธหรือ พ่อเจ้าหรือ”
เสี่ยวเป่างงงัน “ไม่ใช่ หรือ”
เยี่ยนอวี๋เห็นสีหน้าของเด็กน้อยก็รู้ว่าเด็กน้อยเดาไปเอง แต่ในขณะที่นางถามเด็กน้อยก็อุ้มเด็กน้อยลงมาข้างกายสามีรูปงามแล้ว นางเห็นว่าเขายังหลับใหล สีหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ นางเม้มปากแน่น
“แค่ก…” ต้าซือมิ่งที่รู้สึกตัวลืมตาขึ้นอีกครั้ง
เยี่ยนอวี๋จับมือของเขาไว้ด้วยความปวดใจ “เหตุใดยังมาที่นี่อีก รอข้าที่สำนักชางอู๋ไม่ดีหรือ” สภาพเช่นนี้แล้วยังจะออกมา ทั้งยังต้องฝืนตัวเองให้ตื่น คงทรมานมาก
เยี่ยนอวี๋รู้สถานการณ์ของต้าซือมิ่งมาก นอกจากนางจะเดาทุกอย่างได้แล้ว ยังรู้ว่าทุกครั้งที่เขาตื่นขึ้นมาล้วนต้องฝืนบังคับตนเอง
ต้าซือมิ่งเผยยิ้มทันที เขาจับมือของภรรยาไว้ “เจ้าปลาน้อย สมชื่อนี้จริงๆ เหตุใดจึงฉลาดเช่นนี้นะ แกล้งโง่หน่อยไม่ได้เลยหรือ ให้ข้าได้ง้อเจ้าบ้าง”
เยี่ยนอวี๋ที่เดิมทีสงบนิ่ง ดวงตาแดงก่ำเพราะคำพูดประโยคนี้ของเขา น้ำตาที่เอ่อในดวงตาก็ไหลลงข้างแก้ม
ภรรยาเป็นเช่นนี้ทำให้ต้าซือมิ่งโอบนางเข้ามาในอ้อมอกอย่างเจ็บปวดใจ “ไม่ร้อง ในเมื่อเจ้าเดาได้ว่านี่อาจจะเป็นชาติสุดท้ายของข้า เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงทายไม่ได้ว่าข้ามีวิธีแก้ไข”
“…” เยี่ยนอวี๋ชะงัก ลุกขึ้นนั่งและมองใบหน้าขาวซีดและอ่อนแอตรงหน้าด้วยสายตาเป็นประกาย “เจ้ามีหรือ”
“กำลังคิด” ต้าซือมิ่งพูด
เยี่ยนอวี๋อยากจะต่อยคนจริงๆ แต่เห็นแก่ชายคนนี้ที่จะไม่ไหวแล้ว นางจะติดบัญชีไว้ก่อน
“เกิดอะไย เป่า เป่าไม่เข้าใจ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้อนรน รู้สึกว่าท่านพ่อและท่านแม่เขาไม่พูดกันดีๆ เขาฟังไม่รู้เรื่องด้วย น่าหงุดหงิดจริงๆ
หรงอี้ที่เห็นภรรยารู้สึกกึ่งดีใจกึ่งหงุดหงิด เขาก็ยิ้ม ขณะเดียวกันก็ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาบริเวณหางตาของภรรยา “หากเจ้าจะทำให้แอตแลนและสวรรค์เก้าชั้นฟ้า รวมถึงจักรวาลทางเหนือทั้งจักรวาลกลับเข้าที่ สำหรับข้าในตอนนี้แล้วมีแต่จะยิ่งแย่”
“โกหกข้า” เยี่ยนอวี๋เชื่อว่าชายคนนี้กำลังหลอกนางอีกครั้ง
หรงอี้หัวเราะ ดวงตาเป็นประกาย “ภรรยาของข้าฉลาดจริงๆ ข้าโกหกอะไรเจ้าก็รู้หมด เช่นนั้นต่อไปข้าจะไม่พูดปดอีกแล้ว”
เยี่ยนอวี๋พูดเสียงเย็นชา “เจ้ารู้ก็ดี”
“ก็ได้ ไม่เอาใจเจ้าแล้ว พูดตามตรง” หรงอี้ที่ลูบคลำใบหน้าเนียนนุ่มของภรรยา เขาก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ “ข้าเดาว่า พลังต้องห้ามที่ข้าได้รับในตอนนี้ยังไม่ครบ”
เยี่ยนอวี๋เบิกตาโต เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกก็เบิกตากลมโตของเขาราวกับฟังรู้เรื่อง ทำให้หรงอี้ที่เห็นหน้าตาของสองแม่ลูกอดเผยยิ้มออกมาอีกครั้งไม่ได้ “ข้าให้เทียนจุนไปจับตาดูยมโลกแล้ว”
“ต้องเกิดใหม่อีกหรือ” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วถาม เหมือนกับว่าจะบุ้ยปากด้วย
ต้าซือมิ่งลูบปากของนางเบาๆ พูดว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ แม้ว่าข้าจะกลับไปเกิดใหม่ ข้าก็จะยังจำพวกเจ้าสองแม่ลูกได้แล้วไยจึงต้องกังวลเล่า นอกจากนี้ครั้งนี้ไม่ถือว่ากลับชาติมาเกิดโดยสมบูรณ์ แต่เป็นการเดินทางของวิญญาณสู่ยมโลก ข้าจึงบอกให้เจ้าพาข้ากลับไปใต้ต้นอู๋ถง”
เยี่ยนอวี๋เงียบ…
ท่าทีนั่นทำให้หรงอี้จำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมต่อไปว่า “กลับไปก่อนดีหรือไม่ แล้วก็ครั้งต่อไปอย่าตัดสินใจเองโดยไม่พูดไม่จาเช่นนี้ ปรึกษากับข้าก่อนดีหรือไม่”
“เจ้าโกหกข้าก่อน ไม่พูดความจริงกับข้า”
“ใช่ ครั้งนี้โทษข้า” หรงอี้ยอมรับผิดแต่โดยดี “ต่อไปเราไม่ทำเช่นนี้กันอีกดีหรือไม่”
“แต่ข้าจะยังไม่กลับไปตอนนี้ เจ้าและเสี่ยวเป่ากลับไปก่อน”
ต้าซือมิ่งอ้ำอึ้ง ไม่สามารถฝืนใจภรรยาแบกนางกลับไปได้จึงได้แต่เกลี้ยกล่อมต่อไป “เด็กดี…”
“ข้ายังคงต้องหยุดยั้งการกลืนกินกลับของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า” เยี่ยนอวี๋ดื้อดึง “ถึงแม้จะไม่สามารถกำจัดปัญหาของเจ้าได้สิ้นเชิง แต่ก็ทำให้อาการของเจ้าไม่ร้ายแรงไปกว่าเดิมไม่ใช่หรือ”
“…ใช่” หรงอี้ที่ไม่สามารถโกหกภรรยาผู้ฉลาดหลักแหลมได้แต่ยอมรับ “แต่มันเป็นงานไม่ง่าย สำหรับข้าเป็นเพียงการบรรเทาชั่วคราว สำหรับเจ้าเป็นงานยากมาก มิหนำซ้ำยังไม่ดีต่อจักรวาลทั้งสามในตอนนี้ด้วย”
“โกหกข้าอีกแล้ว” เยี่ยนอวี่หรี่ตาลงเล็กน้อย “สำหรับเจ้าไม่ใช่แค่การบรรเทาชั่วคราว”
หรงอี้ที่ยกมือยอมแพ้ถอนหายใจเบาๆ “แต่เจ้าจะสูญเสียพลังงานมาก”
“ข้าไหว” เยี่ยนอวี๋รู้ว่านี่คือสิ่งที่สามีนางเป็นห่วงมากที่สุด อันที่จริงเขาไม่สนใจว่าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและแอตแลนจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดคือนางจะสูญเสียพลังงานมากเกินไป นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่บอกอะไรนางเลย แถมยังพูดเลี่ยงๆ หากไม่ใช่เพราะนางมีไหวพริบดีและหลอกยาก คงถูกเขาลวงไปแน่ๆ
เมื่อคิดได้ดังนี้… จู่ๆ เยี่ยนอวี๋ก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้สามีและกัดริมฝีปากขาวซีดไร้เลือดนั้นอย่างรุนแรงทีหนึ่ง “เมื่อเจ้าหายดีแล้ว ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า ตอนนี้ข้าต้องไปหยุดยั้งทุกสิ่ง เจ้าและเสี่ยวเป่ากลับไปรอข้านะ เด็กดี”
ต้าซือมิ่งที่ถูกลงโทษด้วยความหวาน เขาก็ทำท่าจะพูดอะไร ทว่าหมาป่ายักษ์เฟนเลย์กลับเอ่ยขึ้นจากด้านข้างเบาๆว่า “นายน้อย นายหญิง นายท่าน ข้ามีอะไรจะพูด เจดีย์น้อยสีขาวที่อยู่กับข้าบอกว่า ‘ในร่างกาย’ ของมันมีชายที่เหมือนกับนายท่านผมสีเขียวและตาสีฟ้าที่เจอก่อนหน้านี้”