ตอนที่ 614 ต้าซือมิ่งฟื้นตัว อิทธิฤทธิ์ของเสี่ยวเป่า
“เนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามองไปที่หมาป่ายักษ์เฟนเลย์เป็นคนแรก ดวงตากลมโตทั้งคู่ของเขายังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม เห็นได้ชัดว่าเขาลืมไปแล้วว่าเจดีย์น้อยสีขาวคืออะไร
เยี่ยนอวี๋และต้าซือมิ่งยังจำได้ สองสามีภรรยาจึงมองไปที่เฟนเลย์อย่างพร้อมเพรียงพูดว่า “ปล่อยมันออกมา”
เจดีย์น้อยสีขาวที่ปรากฏตัวขึ้นดึงความทรงจำที่ทำให้เด็กน้อยหวาดกลัวออกมา เขามุดศีรษะเข้าไปในซอกคอของท่านแม่ทันที “แม่ แม่…”
เฟนเลย์รู้สึกจุก “…” มักรู้สึกว่าเด็กน้อยเล่นละครเกินจริงอยู่เสมอ ถึงอย่างไรมันยังคงไม่เชื่อว่านายน้อยจะกลัวเจดีย์สีขาวธรรมดาองค์นี้
เยี่ยนอวี๋กอดเด็กน้อยตัวนุ่มนิ่มไว้แน่น ปลอบว่า “เสี่ยวเป่าไม่กลัว มันไม่มีสีแดงเสียหน่อย เจ้ากลัวอะไร”
“พูด เป็น” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารู้สึกว่าสิ่งของที่พูดได้ล้วนไม่ใช่ของปกติ มันอาจจะอ้าปากกัดเขาที่น่ารักน่าชังได้ตลอดเวลา
เยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจตรรกะแปลกประหลาดในใจของเด็กน้อย นางคิดแค่ว่าเด็กน้อยไม่ค่อยได้เจออาวุธที่พูดได้ อย่างเช่นกระบี่ไท่ชางของนางก็พูดไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงตกใจกับอาวุธที่พูดเองได้
เจดีย์น้อยสีขาวในครานี้มันก็เงียบไม่พูดอะไร ไม่กล้าทำให้เจ้านายคนใหม่ของมันตกใจ แม้เจ้านายคนใหม่ของมันเหมือนจะยังไม่ได้ยอมรับมันก็ตาม
ต้าซือมิ่งขมวดคิ้วเรียวยาว เพราะว่าเขาไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของ ‘ตนเอง’ เลย
เมื่อเยี่ยนอวี๋เห็นสีหน้าของเขาก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร กลับถามเจดีย์สีขาวว่า “เจ้ามั่นใจหรือว่าเจ้าเคยเห็นบุคคลที่มีผมสีเขียวดวงตาสีเขียวเหมือนกับสามีของข้า”
“มั่นใจขอรับ ครานั้นข้าเพิ่งเริ่มมีสติสัมปชัญญะจึงจำได้แม่น เพราะว่าเขาเข้ามาในร่างกายของข้าด้วยตนเอง และไม่เคยออกมาอีกเลย เป็นเวลากว่าหมื่นปีแล้ว” เจดีย์สีขาวกล่าว
เยี่ยนอวี๋กลับขมวดคิ้วถาม “แต่วันนั้นข้าเข้าไปก็ไม่เห็นรับรู้ถึงอะไร”
“นั่นเป็นเพราะว่านายหญิงท่านอยู่บนพื้นผิวของโลกในเจดีย์เท่านั้น ในร่างกายของข้าน้อยอันที่จริงจำลองโลกโลกหนึ่งไว้ ในนั้นมีชีวิตดั้งเดิมของสิ่งที่พวกท่านเรียกว่าจักรวาลทางเหนือ วันนั้นนายหญิงไม่ได้ไปถึงโลกในเจดีย์ ท่านจึงไม่สามารถสัมผัสถึงสรรพสัตว์อื่นๆ ในนั้นได้ และยิ่งไม่สามารถสัมผัสถึงนายท่านสีเขียวที่ลึกลับท่านนั้นได้” เจดีย์น้อยสีขาวกล่าว
เยี่ยนอวี๋กะพริบตาสองสามที จิตเหนือสำนึกของนางเข้าไปในเจดีย์น้อยสีขาวทันที ฝ่ายหลังยิมยอมแต่โดยดี นอกจากจะไม่คัดค้านแล้ว ยังเปิดกลไกข้างในให้
กลิ่นอายลึกลับบางเบาไหลออกมาจากเจดีย์ และกลิ่นอายนี้… ทำให้เยี่ยนเสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นและชี้ไปที่เจดีย์น้อยสีขาว มองไปที่ท่านพ่อของเขาอย่างประหลาดใจ “พ่อ? มี จริงๆ?”
หรงต้าซือมิ่งที่นวดระหว่างคิ้วเบาๆ เห็นได้ชัดว่าก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าในเจดีย์หลังนี้มีเขาสีเขียวอยู่ด้วย แสดงว่าอักษรศักดิ์สิทธิ์และพลังที่เขากลืนกินยังไม่ครบ?
หรือไม่ก็พลังต้องห้ามที่เขารู้สึกว่ายังไม่สมบูรณ์อันที่จริงไม่ถูกต้อง สิ่งที่ไม่สมบูรณ์จริงๆ คือ… พลังทำลายล้างธาตุน้ำที่แปลกประหลาดนี้?
ไม่ว่าอย่างไร ต้องเข้าไปโลกในเจดีย์องค์นี้สักคราแล้ว
และนี่ก็คือความคิดของเยี่ยนอวี๋ในครานี้ ทว่า… เยี่ยนอวี๋รู้ว่าสามีที่ป่วยในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะไปลำบาก นางจะเสนอขึ้นว่า “เมื่อข้าหยุดยั้งสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากลืนกินแอตแลนกลับแล้ว เราค่อยเข้าไป”
“ไม่จำเป็น”
“ก็ไม่จำเป็น”
คำตอบของต้าซือมิ่งและคำตอบของเจดีย์น้อยสีขาวดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ทำให้ต้าซือมิ่งเหลือบไปมองเจดีย์สีขาวทันที “หมายความว่าอย่างไร”
เจดีย์น้อยสีขาวที่สั่นสะท้านเล็กน้อยก็พูดอย่างซื่อสัตย์ว่า “ข้าน้อยเป็นผู้ควบคุมโลกน้อยๆ ใบนี้ ข้าน้อยสามารถปรับอัตราส่วนของเวลาระหว่างมันและโลกภายนอกได้ อย่างเช่นว่า หนึ่งเค่อของโลกภายนอกสามารถเป็นหนึ่งวันของโลกน้อยๆ ใบนี้ และนี่ก็เป็นความต่างของเวลามากที่สุดที่ข้าน้อยสามารถปรับได้”
“เช่นนั้นก็หมายความว่ายังมีเวลาอีกสองวัน” หมาป่ายักษ์เฟนเลย์คำนวณทันที “มังกรน้อยที่บินได้ตัวนั้นบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า อย่างมากสุดหนึ่งชั่วยาม เร็วสุดครึ่งชั่วยาม นายท่านน่าจะทนได้มากสุดหนึ่งชั่วยามใช่หรือไม่”
“ไม่…” เยี่ยนอวี๋ไม่วางใจ
แต่ต้าซือมิ่งพูดขึ้นว่า “ได้”
“เช่นนั้นก็ได้แล้ว พวกท่านรีบไปตอนนี้เลย” หมาป่ายักษ์เฟนเลย์คิดว่าทางที่ดีที่สุดคืออย่างปล่อยเวลาให้เสียเปล่า “เฟนเลย์จะเฝ้าอยู่ที่นี่เอง หากเจดีย์น้อยสีขาวเล่นตุกติก ข้าจะกัดมันให้ตาย”
เจดีย์น้อยสีขาวสั่นสะท้านอีกครั้ง “ศิษย์พี่ เป็นมิตรหน่อยไม่ได้หรือ”
“ใครนับญาติกับเจ้ากัน นายน้อยยังไม่ได้ทำสัญญากับเจ้า พูดให้มันดีๆ หน่อย” เฟนเลย์พูดกับเจดีย์น้อยสีขาวอย่างดูแคลน มันเป็นหมาป่าเฟนเลย์ที่ถูกยอมรับแล้วเชียวนะ
เจดีย์น้อยสีขาวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “หากข้ามีเจตนาไม่ดี นายหญิงสามารถสังหารข้าจากข้างในได้ จะว่าไปแล้ว นายหญิง นายท่านและนายน้อย พวกท่านเข้าไปแล้ว ตบะจะลดลงไปเหลือเพียงระดับสูงสุดของสามัญชนโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็คือระดับตำนาน หากตบะสูงเกินกว่านี้จะถูกสกัดออกมาจากโลกในเจดีย์ทันที หากพวกท่านจะฝืนเข้าไปก็ไม่เป็นไร ผลก็คือโลกในเจดีย์จะพังทลาย ข้าคาดว่าไม่จำเป็นต้องให้ศิษย์พี่กัดข้า ข้าก็จะแหลกสลายเสียเอง”
“อ่อนเช่นนี้เลยหรือ ได้แค่ระดับตำนาน?” หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ดูแคลนอีกครั้ง
แต่เจดีย์น้อยสีขาวจำเป็นต้องกล่าวว่า “เดิมทีสูงกว่านี้ได้ แต่ก่อนหน้านี้ข้าเกือบจะถูกนายหญิงทำลายไปอย่างไรเล่า โลกน้อยๆ ทั้งใบจึงถูกกระทบกระเทือนไปด้วย บัดนี้ตบะของนักฝึกญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบน้อยก็ถดถอยลง พวกเขาแทบจะบ้าตายกันอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นนายน้อยต้องพาข้าไปด้วย เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ข้าจะตกลงมาในระดับตำนานก็สามารถเอาชนะศัตรูแบบหนึ่งต่อร้อยได้” หมาป่ายักษ์เฟนเลย์พูดพลางทำท่าจะหายตัวไปอยู่ข้างหลังมือของเด็กน้อย
เจดีย์น้อยสีขาวรีบห้าม “ศิษย์พี่ ท่านเข้าไปไม่ได้”
เฟนเลย์ไม่พอใจ “ทำไม เหยียดเผ่าพันธุ์หรือ”
เจดีย์น้อยสีขาวที่ถูกกล่าวหาจำเป็นต้องพูดว่า “ย่อมไม่ใช่ ระดับของนายหญิงและนายท่านสูงเกินพอแล้ว แม้พวกเขาจะถูกระงับตบะไว้ แต่เข้าไปในโลกในเจดีย์ก็ยังคงสร้างผลกระทบมากอยู่ดี พูดง่ายๆ ก็คือแค่นี้ท้องข้าก็ตึงมากแล้ว ศิษย์พี่เข้าไปอีก ข้าคงต้องระเบิดแน่ๆ หากนายน้อยอยากพาใครไปด้วย ก็ต้องพาคนที่มีตบะต่ำลงมาหน่อย”
เมื่อพูดจบ… เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็เอ่ยขึ้นว่า “เช่นนั้นก็… นกๆ”
“ใครนะ” เฟนเลย์ไม่เข้าใจ
เยี่ยนอวี๋เข้าใจแล้ว “ได้ เช่นนั้นก็พาหลิวเฟิงและ… กู้จื่อเฟิงไปด้วย” นางที่รู้สึกว่าต้องพาฝ่ายหลังไปด้วยก็ส่งสารไปให้อินหลิวเฟิงและซีหวังหมู่ทันที ต้าซือมิ่งที่รับรู้ได้ถามขึ้นช้าๆ ว่า “…เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เจ้าไม่คิดจะถามความเห็นของข้าบ้างหรือ” พาอินหลิวเฟิงน่ะไม่เป็นไร แต่พากู้จื่อเฟิงไปด้วยนี่คืออะไร
“เจ้าพักก่อนเถิด” เยี่ยนอวี๋จูบต้าซือมิ่งที่อยู่ในอ้อมอก “ข้าจัดการเอง”
หรงอี้ “…” ภรรยาใช้กลยุทธ์สาวงามอย่างไร้ยางอายและยังได้ผลดีกับเขามากด้วย
อีกอย่าง… ก็ดี
ต้าซือมิ่งที่ค่อยๆ หลับตาลงก็ถูไถไปมาในอ้อมอกของภรรยาและแทบจะมุดทั้งใบหน้าลงไปในอกอันอ่อนนุ่มนั่น
เยี่ยนอวี๋ “…” นางกำลังจะผลักสามีจอมลวนลามคนนี้ออกมา… ต้าซือมิ่งกลับหลับลึกไปแล้ว รอบกายยังแผ่ซ่านแสงสีม่วงอร่ามออกมา
“พ่อ?” เด็กน้อยใช้นิ้วชี้สั้นๆ ของตนชี้ไปที่ท่านพ่อของเขาอย่างสงสัย
เยี่ยนอวี๋กลับรับรู้ได้ว่าร่างกายของเขากำลัง ‘รักษาตนเอง’ ด้วยความเร็วราวกับปาฏิหาริย์
เมื่ออินหลิวเฟิง ซีหวังหมู่ จิ่วอิงและกู้จื่อเฟิงมาถึง ต้าซือมิ่งก็ฟื้นตัวแล้ว?
“นี่มัน…” ซีหวังหมู่ประหลาดใจ “จวินโฮ่วหายดีแล้ว?”
“หายดีที่ไหนกัน ตบะถดถอยลงไปตั้งเยอะ เจ้าไม่รู้สึกหรือ” จิ่วอิงไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว ได้แต่พูดว่านังดุร้ายตัวนี้นอกจากจะสู้เก่งและดุร้ายแล้วก็ไม่มีสมองเลย
แต่ซีหวังหมู่ไม่สนใจ “ตบะถดถอยไม่เป็นอะไรเสียหน่อย นายท่านปกป้องจวินโฮ่วได้ ขอแค่เขาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วมิใช่หรือ”
จิ่วอิง “…” มันไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว
ทว่าเยี่ยนอวี๋ก็ไม่มีเวลาให้พวกเขาพูดต่อไปแล้ว นางพูดขึ้นว่า “ประเดี๋ยวหลิวเฟิงและกู้จื่อเฟิง พวกเจ้าตามข้าไปในเจดีย์สีขาว ซีซี จิ่วอิง พวกเจ้าคอยพิทักษ์อยู่ที่นี่พร้อมเฟนเลย์ อย่างมากสุดเราจะออกมาภายในครึ่งชั่วยาม”
“ได้เลย” ซีหวังหมู่ตอบ
จิ่วอิงไม่ได้พูดอะไร แค่หยิกเด็กน้อยตัวอวบอ้วน “ดูแลท่านพ่อเจ้าให้ดี”
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างจริงจัง
เยี่ยนอวี๋จึงเดินไปพูดกับเจดีย์น้อยว่า “เริ่มเลย”
“ไม่ใช่…” อินหลิวเฟิงอยากจะถามอะไรบ้าง แต่พวกเขาถูกแสงที่แผ่ซ่านออกมาจากเจดีย์น้อยปกคลุมไว้แล้ว
จากนั้น…
ชู่
อินหลิวเฟิงที่จู่ๆ ภาพตัดไป เมื่อเขารู้ตัวอีกทีก็พบว่าไม่รู้ว่าพวกเขามาโผล่ที่ไหนแล้ว อีกทั้งยังมีปัญหาใหญ่คือ เขารู้สึกมีคนมากมายกำลังมองเขาอยู่?
นี่มัน…
อินหลิวเฟิงที่มองไปรอบทิศงงงัน เพราะว่ามีคนมากมายล้อมรอบเขาอยู่จริงๆ และยังจ้องเขาอย่างดุร้ายด้วย?
ไม่สิ จ้อง ‘พวกเขา’ ต่างหาก
ยังดีที่ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว พวกกูไหน่ไนก็อยู่ด้วย
อินหลิวเฟิงลอบถอนหายใจโล่งอก…
ชายร่างกำยำที่อยู่อีกด้านหนึ่งตะโกนใส่พวกเขา “เมื่อครู่นี้ใครแอบดูคุณหนูใหญ่เจี่ยงอาบน้ำ”
คำถามที่ทำเอาพูดไม่ออกเช่นนี้… ทำเอาเยี่ยนอวี๋พวกเขางงกันไปหมด นี่เป็นเหตุการณ์ที่นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอ
ทว่า… เจ้าตัวน้อยชี้ไปที่อินหลิวเฟิงแล้ว “เนะ”