ตอนที่ 620 ป้อนเด็กน้อย ฉีกทึ้งเทพมังกร พบซือมิ่งสีเขียว
รูปแบบสถาปัตยกรรมราชสำนักแห่งต้าซย่า?
เพียงแค่แวบเดียว เยี่ยนอวี๋ก็มั่นใจได้ว่า… สามีคนนี้ของนางทายถูกอีกแล้ว ร่างพลังของเขาคงจะไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกับเขาแต่แรกและใช่ว่าจะไม่อยากถูก ‘ทำลาย’ ด้วยการผสานตัว อันที่จริงเรื่องนี้เห็นได้จากสามีผมสีทองของนาง แม้ในตอนแรกเริ่มสุดเขาจะไม่ชอบก็ตาม
“เนะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จำราชสำนักแห่งต้าซย่าได้เช่นกันก็งุนงง “เนะๆ?” กลับแล้ว?
แม้แต่อินหลิวเฟิงที่เพิ่งหายจากอาการหูอื้อตาพร่าก็ชะงักงัน “ราชสำนัก? ต้าซือมิ่ง เรากลับต้าซางแล้วหรือ”
“ยัง เรายังอยู่ในเจดีย์” กู้จื่อเฟิงที่หมดแรงเช็ดเลือดกำเดาพลางมองสำรวจไปรอบๆ “เกรงว่านี่ก็คือจวนหลักที่ว่า เป็นแหล่งอาศัยของมังกร”
“ว้าว” อินหลิวเฟิงมองไปรอบๆ “มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกันหรือ รูปแบบการตกแต่งของที่นี่เหมือนกับพระราชวังในเมืองหลวงตี้ชิวมากเลย”
“ลองเข้าไปดูก่อน” เยี่ยนอวี๋เสนอ
ต้าซือมิ่งพยักหน้า เขาโอบภรรยาและรวบตัวเด็กน้อยเหินเข้าไปในหมู่วัง
อินหลิวเฟิงรีบพากู้จื่อเฟิงตามไป หลังจากตามทันแล้วก็ขอร้องเล็กๆ น้อยๆ “เดี๋ยวนะ ต้าซือมิ่ง คราวหน้าก่อนจะทำอะไร รบกวนท่านแจ้งก่อนล่วงหน้าได้หรือไม่”
ต้าซือมิ่งยังไม่ทันพูดอะไร กู้จื่อเฟิงก็โต้กลับว่า “การโจมตีของเทพมังกรอาจจะมาแบบคาดไม่ถึง เรื่องของไหวพริบจะให้แจ้งล่วงหน้าได้อย่างไร”
“…ก็ได้” อินหลิวเฟิงหมดคำพูด ได้แต่มองสำรวจไม่รอบทิศ จากนั้นเขาก็พบว่ามีลวดลายศักดิ์สิทธิ์แปลกประหลาดมากมาย เยี่ยนอวี๋จึงถามขึ้นว่า “สามี พวกมันส่งผลกระทบต่อเจ้าหรือไม่”
หรงอี้ที่กวาดมองภาพบนผนังส่ายศีรษะ “อักษรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไม่มีคุณลักษณะความเป็นเทพ ไม่มีผลกระทบต่อข้า”
“เนะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จู่ๆ นึกบางอย่างขึ้นได้ก็จับท่านพ่อของเขา “อ้ะเนะๆ เนะ…” ข้าวของเป่า เป่ายังกินไม่หมดเลยนะ
“เป็นอะไรหรือ” เยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจ
ทว่าต้าซือมิ่งเข้าใจแล้ว เขาหยิบข้าวต้มเนื้อมังกรถ้วยหนึ่งออกมา ซึ่งก็คือถ้วยที่กู้จื่อเฟิงใช้ป้อนเด็กน้อยเมื่อครู่นี้
เด็กน้อยดีอกดีใจ “อ้ะเนะเนะ” ท่านพ่อรูปงามดีที่สุดเลย
“ต้าซือมิ่ง แม้แต่ข้าวต้มเจ้ายังไม่ลืมนำมาด้วยหรือ” อินหลิวเฟิงยอมแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้กู้จื่อเฟิงต้องยอมแพ้ยิ่งกว่าคือต้าซือมิ่งท่านนี้เดินไปพลางและเริ่มป้อนเด็กน้อยไปพลางแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยกถ้วยไว้ด้วยตนเอง เขากำลังรอท่านพ่อเขาป้อนอาหารใส่ปาก เขายิ้มตาหยีจนเห็นแต่ฟัน และยังส่งยิ้มให้ท่านพ่อของเขาเป็นครั้งคราวเพื่อบอกว่าตนเองรู้สึกพึงพอใจพ่อคนนี้มาก
เยี่ยนอวี๋เห็นดังนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ ขณะเดียวกันก็คอยสัมผัสไปรอบทิศ ทั่วทุกซอกมุมของพระราชวังแห่งนี้ถูกเยี่ยนอวี๋รวบรวมไว้ในจิตเหนือสำนึกของนางแล้ว ดังนั้นนางจึงรับรู้ได้ว่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของที่แห่งนี้มีกลิ่นอายกำลังรวมตัวกันอย่างเบาบาง และกลิ่นอายเหล่านี้… ทำให้นางส่งกระแสจิตสัมผัสไปทางนั้นทันที ทว่าในขณะเดียวกัน…
กรร
เสียงมังกรคำรามดังสนั่นขึ้นหนือหมู่ตำหนัก อินหลิวเฟิงมองไปตามเสียงด้วยสัญชาติญาณ เขาเห็นมังกรสีเขียวที่ใหญ่กว่ามังกรตัวก่อนหน้าถึงร้อยเท่าผ่านช่องทางเดิน มังกรยักษ์ตัวนี้กำลังเลื้อยคดเคี้ยวหลายร้อยลี้กลางอากาศและมันยังรู้สึกถึงสายตาของอินหลิวเฟิง มันจึงเหลือบมองมาทันที และสบตาอินหลิวเฟิงเข้า
นี่มัน…
อินหลิวเฟิงกระโดดไปอยู่ข้างหลังต้าซือมิ่งอย่างไม่ต้องคิดทันที
ฟิ้ว
ที่ที่เดิมทีอินหลิวเฟิงยืนอยู่ถูกฟ้าผ่าผ่าลงมาจนระเบิดเป็นหลุมในชั่วจังหวะที่เขาหลบไป กลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้ง
นี่มัน… มารดามันเถอะ
อินหลิวเฟิงเกือบจะสบถออกมาแล้ว เขาเชื่อว่าหากเขาหลบไม่ทัน เขาคงถูกผ่าเป็นเถ้าถ่านแน่ๆ
กรร
มังกรยักษ์ส่งเสียงคำรามมาทางนี้ เห็นได้ชัดว่ามันรับรู้ถึงเยี่ยนอวี๋และพรรคพวกที่อยู่ที่นี่แล้ว
ทว่าที่น่าเสียดายคือ มันยังไม่ทันเข้าใกล้ เยี่ยนอวี๋ก็พาครอบครัวและคนรับใช้สองคนหายตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของพระราชวังแล้ว มังกรยักษ์จึงคลาดกับพวกเขา…
โฮก โฮก…
มังกรยักษ์ที่โกรธเกรี้ยวระเบิดเสียงฟ้าร้องเกรี้ยวกราดออกมา ทำให้พระราชวังสั่นสะเทือนไปทั่ว
อินหลิวเฟิงยังได้ยินเสียงดังแว่วอยู่ไกลๆ มีคนจำนวนไม่น้อยพูดอย่างหวาดกลัวว่า “องค์เทพมังกรพิโรธแล้ว การบูชาของเราครานี้เกรงว่าจะกลายเป็นบูชาตนเอง ตายแน่ๆ”
“ก่อนหน้านี้สวรรค์แตกแยก ครานี้องค์เทพมังกรพิโรธ สวรรค์ต้องการลงโทษมหาทวีปเทียนอวี่ของเราหรือ”
“ความศักดิ์สิทธิ์ของฟ้าดินเสื่อมถอย ตบะของเราก็เช่นกัน เด็กรุ่นใหม่ก็ไม่ได้เรื่องสักคน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มหาทวีปเทียนอวี่ต้องจบเห่แน่ๆ”
“เฮ้อ…”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นไม่หยุดจนกลบจิตสัมผัสของอินหลิวเฟิง ทำให้เขาต้องถอนหายใจตามไปด้วยอย่างรู้สึกหดหู่ใจ “สามัญชนในโลกเจดีย์น้อยแห่งนี้น่าเวทนาจริงๆ”
บรรพบุรุษของพวกเขาเคยประสบจักรวาลถูกกลืนกิน พวกเขาในบัดนี้ก็กำลังประสบกับความศักดิ์สิทธิ์ถดถอยอย่างรุนแรง เหตุการณ์ทั้งสองที่พวกเขาเผชิญล้วนเป็น ‘ค่าตอบแทน’ ระดับโลกาวินาศ
ทว่ากู้จื่อเฟิงกลับพบว่ามีเสียงเด็กร้องไห้อยู่ใกล้ๆ เขาขมวดคิ้ว “พวกเจ้าได้ยินเสียงเด็กร้องไห้หรือไม่”
เด็กน้อยพยักหน้า เขาได้ยินอย่างแจ่มชัด “เนะ”
“ทารกหนึ่งร้อยแปดคน” เยี่ยนอวี๋ยืนยันได้ว่าในตำหนักที่อยู่ไม่ไกลนี้ขังทารกแรกเกิดที่มีอายุไม่ถึงหนึ่งขวบไว้ ส่วนใหญ่อายุใกล้เคียงกับเสี่ยวเป่าของนาง
“หมายความว่าพวกเขาต้องการบูชาทารกเหล่านี้ให้มังกรยักษ์สีเขียวเข้มเมื่อครู่นี้หรือ” อินหลิวเฟิงหมดคำจะพูด “ผู้น่าสงสารย่อมมีส่วนที่น่าเกลียดชัง”
“ลองไปดูกัน” ตั้งแต่ที่เยี่ยนอวี๋มีเสี่ยวเป่า นางก็รู้สึกอ่อนไหวกับทารกน้อยเป็นพิเศษ มิหนำซ้ำยังเห็นได้ชัดว่าตำหนักทางนั้นมีอักษรศักดิ์สิทธิ์แปลกประหลาดมากมายยิ่งกว่า อีกทั้ง…
“ช้าก่อน” หรงต้าซือมิ่งยกมือขึ้นผูกแถบผ้าบดบังดวงตาของตนเองไว้ทันที
เยี่ยนอวี๋เอ่ยขึ้นว่า “เช่นนี้ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้อักษรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นทำร้ายเจ้าได้หรือ หรือไม่เจ้าและเสี่ยวเป่ารอข้าที่นี่ ข้าไปดูเสร็จแล้วจะกลับมา”
ต้าซือมิ่งกลับพูดว่า “มิต้อง เจ้าเข้าไปไม่ได้ มีแค่เสี่ยวเป่าเข้าไปได้”
เมื่อพูดจบ เขาก็พาทุกคนมาถึงบริเวณใกล้เคียงกับตำหนัก
เยี่ยนอวี๋จึงเข้าใจว่าเหตุใดสามีของนางจะบอกว่าตำหนักแห่งนี้มีเพียงเสี่ยวเป่าเข้าไปได้ เพราะว่าอักษรศักดิ์สิทธิ์บริเวณนี้สามารถตรวจจับวิญญาณของผู้ใหญ่ได้
เพราะว่าพวกเขาเพิ่งปรากฏตัวก็เห็นสตรีวัยกลางคนนางหนึ่งถูกดีดกระเด็นออกมาเนื่องจากพยายามบุกรุกเข้าไป นางตายคาที่ทันที
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น…
“บัดซบ!”
อินหลิวเฟิงพ่นคำหยาบอีกครั้ง เขารับรู้ได้ว่าพลังที่เพิ่งซัดสตรีวัยกลางคนคนนั้นจนกระเด็นมีพลังทำลายล้างที่สามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพขึ้นไปให้ตายได้
เพียงเท่านี้…
“หากเรากระตุ้นมัน แม้จะไม่ถูกฆ่า แต่ก็จะถูกแยกออกมาทันที” กู้จื่อเฟิงค่อยๆ พูดขึ้น สายตาของเขาจับจ้องไปที่อักษรศักดิ์สิทธิ์บิดเบี้ยวที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่บนผนังพระตำหนัก
เยี่ยนอวี๋เองก็มองอักษรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ นางสังเกตเห็นว่านอกจากอักษรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้จะเปล่งประกายแสงสีเขียวหม่นแล้ว ยังมีแสงสีฟ้าผิดปกติด้วย
อักษรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้… ทำให้ต้าซือมิ่งที่รับรู้ได้แจ่มชัดยิ่งกว่ายกมุมปากอันเย้ายวนขึ้นเล็กน้อย