ตอนที่ 631 ตบหน้าฉาดใหญ่เท่ระเบิด กุ่ยหมู่รอเก้อ
เทียนตี้ที่รับรู้ได้ ขณะที่เขาลืมตาขึ้นก็เห็นว่าในรอยแยกขนาดใหญ่ ‘บน’ ภูเขาปู้โจวซานมีรัศมีหลากสีหลั่งไหลออกมาอีกครั้ง
เทพขุนเขาทั้งสิบสององค์ต่างตะลึงงัน ทุกคนลืมตาขึ้น “นี่มัน…”
“เหมือนกับว่าพลังของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ไหลเข้าไปในแอตแลนจะลดลง” เทพวิหคมังกรเทพขุนเขาแห่งภูเขากู่เชวี่ยมองไปยังเทียนตี้อย่างเป็นกังวล
“อย่าบอกนะว่าเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว” เทพมนุษย์อสูรถามอย่างเป็นห่วง
เทียนตี้กลับส่ายศีรษะอย่างมั่นใจหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง “ไม่ใช่หรอก ชู… อาจารย์หยุดยั้งสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากลืนกินแอตแลน ข้ายังสัมผัสได้ว่าในกระบวนการนี้กฎระเบียบของพื้นที่และเวลาเสถียรยิ่งกว่าเดิม”
“เป็นเพราะจวินโฮ่วหรือ” เทพวิหคมังกรคิดว่าคงต้องเป็นเช่นนั้น
เทียนตี้พยักหน้า “เป็นเหตุผลหนึ่งในนั้น อีกหนึ่งเหตุผลคือทำเพื่อสองมหาจักรวาล จากความรวดเร็วในการกลืนกินกลับก่อนหน้านี้ แม้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าของเราจะอยู่นำหน้าครอบงำแอตแลน แต่ยังคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความวุ่นวายบางส่วนที่อาจเกิดขึ้นและทำให้ผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตาย”
“ก็ถูก แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการถูกกัดกร่อน แต่นายท่านย่อมใส่ใจเรื่องนี้ มิหนำซ้ำยังเกี่ยวข้องกับจวินโฮ่ว” เทพวิหคมังกรพูดจบก็คอยสัมผัสรอยแยกนั้นอีกครั้ง
ในกระบวนการนี้… เมฆหลากสีปรากฏขึ้นทีละก้อน เริ่มจากโลกมนุษย์ แดนมืด จากนั้นสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ตำหนักสวรรค์ รวมถึงยมโลก เหล่าทวยเทพเก่าแก่ล้วนรู้ว่านี่คือการแสดงพลังของปฐมราชินีหยวนชู
“ปฐมราชินี”
“ปฐมราชินีกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย”
“ปฐมราชินีหยวนชู…”
เทพมากมายหมอบกราบลงหลังจากที่เมฆหลากสีปรากฏ เพราะเมฆหลากสีนำพรมาให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าเสมอ ไม่มีครั้งไหนไม่เป็นเช่นนั้น ทันทีที่มันปรากฏ มักจะหมายถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจะดีขึ้นในวันข้างหน้า
ดังนั้นตั้งแต่โบราณกาล เมฆหลากสีจึงถูกมองว่าเป็นเมฆมงคล บัดนี้ก็ย่อมไม่ยกเว้น
ทว่า… เมฆมงคลเช่นนี้ สำหรับกุ่ยหมู่เจี่ยนชิวในยามนี้แล้วย่อมไม่เป็นมงคลแม้แต่น้อย แม้นางจะดูสงบสุขและยังเงยหน้าขึ้นมองและพนมมือ ‘กราบไหว้’ เมฆหลากสีที่ปรากฏในยมโลก แต่นี่ก็แค่การแสดง
‘เจ้าขวางเขาไว้อีกแล้ว’ เจี่ยนชิวมีความคิดเช่นนี้แวบเข้ามาในหัว เหตุผลที่ต้าซือมิ่งไม่ได้มายมโลกในทันที ล้วนเป็นเพราะเยี่ยนอวี๋ ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว เพราะเยี่ยนอวี๋ในบัดนี้หยุดยั้งการกลืนกินกลับของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าต่อแอตแลน และหยุดยั้งการพังทลายของจักรวาลทางเหนือ ดังนั้นการหดเล็กลงของแดนมืดจึงชะงักลง สภาพของต้าซือมิ่งก็ดีขึ้นมาก
ฉะนั้นต้าซือมิ่งย่อมไม่ต้องเร่งรีบมายมโลก การรอคอยของเจี่ยนชิวเปล่าประโยชน์อีกครั้ง
โฮ่วอี้ที่เดิมทีรออยู่ในสำนักชางอู๋ย่อมไม่ได้เจอหรงต้าซือมิ่งที่ควรจะกลับมาใต้ต้นอู๋ถงอีกครั้ง ทว่าโฮ่วอี้สัมผัสได้อย่างแจ่มชัดว่าความโกลาหลของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าสงบลงมากแล้ว ทำให้เขาอดมองท้องฟ้าไม่ได้ “ปฐมราชินี เหมือนกับว่านางจะไม่ได้เป็นเหมือนที่กุ่ยหมู่กล่าว ที่ว่าเพื่อจวินโฮ่วของนางแล้ว นางไม่สนใจสิ่งมีชีวิตสวรรค์เก้าชั้นฟ้า”
แต่ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร เยี่ยนอวี๋ย่อมไม่สนใจ เพราะว่านางจะทำอย่างไร ไม่เคยต้องให้ผู้อื่นชี้แนะ และไม่มีผู้ใดที่มีฐานะสูงเพียงพอที่จะชี้แนะนางได้ ดังนั้นหลังจากที่นางครุ่นคิดและมั่นใจแล้ว…
“หยุด”
นางเพ่งสมาธิไปที่มหาจักรวาลทั้งสาม ใช้พลังการชี้นำที่เป็นทั้งการบีบบังคับและคล้อยตามกฎระเบียบของตนต่อมหาจักรวาลทั้งสาม หยุดยั้งการดำเนินกฎระเบียบของสามมหาจักรวาล
วิ้ง
จักรวาลทั้งสามสะเทือนไหวอย่างรุนแรง สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจำนวนมากตกอยู่ในความเงียบ
การกระทำเช่นนี้… ทำให้เทียนตี้ชะงัก “อาจารย์กำลัง…”
“หยุดยั้งทุกสิ่ง”
เทพวิหคทมิฬสัมผัส ‘ความเงียบ’ รอบทิศ รู้สึกไม่เคยชินชั่วขณะ ทว่าการหยุดชะงักเช่นนี้ดำเนินเพียงชั่วครู่ เพราะว่าเยี่ยนอวี๋ค่อยๆ ‘เปิดใช้งาน’ คำสั่งพื้นที่เสถียรทีละส่วนจากความเข้าใจสามมหาจักรวาล ดังนั้น… เทียนตี้สัมผัสได้อย่างแจ่มชัดว่าทั่วทั้งสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเหมือนกับกลายเป็นตาข่าย พื้นที่ด้ายไหมเป็นพื้นที่ที่กฎระเบียบถูกยับยั้ง ในขณะที่พื้นที่ควบคุมส่วนกลางกฎระเบียบยังคงดำเนินไปตามปกติ
พลังเช่นนี้ทำให้หนังตาเขากระตุก “ข้าสู้อาจารย์ไม่ได้อยู่ดี”
เทียนตี้ได้แต่ถามตนเอง เขาไม่สามารถทำ ‘งานที่ละเอียดอ่อน’ เช่นนี้ได้ งานเช่นนี้ต้องอาศัยความเข้าใจที่มีต่อสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามากเพียงใดกัน และต้องมีพลังควบคุมที่แข็งแกร่งเพียงใดจึงจะทำเช่นนี้ได้
เทียนตี้ไม่รู้ อีกทั้งสิ่งที่เขาไม่รู้มากไปกว่านั้นคือ สถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า มันยังเกิดขึ้นในแอตแลนและจักรวาลทางเหนือที่กำลังพังทลายใบนั้น
ทว่าเขาและสิบสองเทพขุนเขาก็ได้รับสารจากเยี่ยนอวี๋ให้พวกเขากลับจักรวาลดั้งเดิม
หยวนสื่อเทียนจุนผู้ที่กำลังเดินทางในยมโลก เขาก็ได้รับสารทันที ทำให้เขาทอดถอนใจ “ไม่ว่าเมื่อใด ปฐมราชินีมักจะเดินนำหน้าสรรพชีวิตเสมอ”
ในขณะเดียวกัน ทวยเทพเช่นเซ่าเฮ่า เทพอัสนีล้วนได้รับคำสั่งให้กลับไป แต่เซ่าเฮ่าไม่ได้กลับ…
ผ่านไปครู่หนึ่ง เหล่าทวยเทพและเทียนตี้ที่ทยอยกันกลับตำหนักสวรรค์ก็เห็นว่าท้องฟ้าของสวรรค์ชั้นหนึ่งถูกปกคลุมด้วยเมฆมงคลซึ่งเป็นสัญญาณว่าจักรวาลดั้งเดิมกำลังแผ่ซ่านพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่ได้เจอมานานแล้ว” เทพอัสนีมองท้องฟ้าที่ ‘คุ้นเคย’ นี้ด้วยความคิดถึง “เหมือนกับกลับไปสมัยมหาสงครามเทพมาร”
“เช่นนั้นอย่าเจอเลยจะดีกว่า” เทียนอ๋องเบิกฟ้ากล่าว
“ใช่แล้ว” เทียนตี้ก็หวังว่าอย่าได้เจอเลย เช่นนั้นจะหมายความว่าสุดท้ายแล้วเขาต้องแบกรับทุกอย่าง
ทว่าเทียนตี้เพิ่งจะคิดเช่นนี้ เสียงม้าที่ถูกควบทะยานเข้ามาใกล้เขาก็ดังขึ้น จากนั้นขบวนรถม้าจำนวนมากก็ปรากฏต่อหน้าเทียนตี้และเหล่าทวยเทพตามคาด
“เสด็จพ่อ” สตรีผู้สวมชุดหรูหราก็เดินลงมาจากรถม้าในยามนี้ และแสดงความเคารพข้างหน้าเทียนตี้ “เหยาจีคารวะเสด็จพ่อและท่านเทพทั้งหลายเพคะ”
เทียนตี้ชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มว่า “เหยาจีเองหรือ”
เทพอัสนีสาบานได้ว่าเทียนตี้คงลืมไปแล้วว่าตนเองมีธิดาองค์นี้
สตรีนางนั้นกลับเงยหน้าขึ้นอย่างดีใจ “เสด็จพ่อ ท่านยังจำหม่อมฉันได้หรือเพคะ”
เทียนตี้มองหญิงสาวรูปงามคนนี้ก็จำได้จริงๆ “แน่นอน มารดาเจ้าสุขภาพไม่ดีไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้าไม่ดูแลนางในวัง มาที่นี่ทำไมหรือ”
“เสด็จพ่อไม่รู้ว่าเสด็จแม่ดีขึ้นมากแล้วเพคะ เพียงแต่ว่าเสด็จแม่เอาแต่คิดถึงเสด็จพ่อ หม่อมฉันจึงรอคอยท่านกลับมาตลอดเวลาจึงมารับท่านที่นี่” เหยาจีค่อยๆ เอ่ยขึ้น
เทียนตี้พยักหน้า “เจ้าเป็นเด็กกตัญญู แต่เสด็จพ่อยังมีธุระต้องจัดการ เมื่อเสร็จแล้วจะไปหาเสด็จแม่ของเจ้าที่วังกว่านเหอ เจ้ากลับไปก่อนเถิด”
“…เพคะ เสด็จพ่อ” แม้เหยาจีอยากจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายนางก็ยอมจากไปแต่โดยดี
เทพอัสนีตบไหล่เทียนตี้เบาๆ “จะว่าไปแล้ว เจ้าจำได้หรือไม่ว่าเจ้ามีโอรสและธิดากี่คน ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่กี่คน”
“พูดถึงเรื่องพวกนี้ทำไม กลับจักรวาลดั้งเดิมเถอะ อาจารย์รอพวกเราอยู่” เทียนตี้เหินไปทางจักรวาลดั้งเดิม ปฏิเสธที่จะตอบแล้ว
เทพอัสนียิ้มก่อนจะพาเอ้อร์เหมาพวกเขาเข้าไปในจักรวาลดั้งเดิมพร้อมกัน
เหล่าทวยเทพหายไปในหมู่เมฆมงคล กลายเป็นแสงสีรุ้ง
ทว่าหลังจากพวกเขาจากไปแล้ว เหยาจีที่เพิ่งจากไปกลับเงยหน้ามองท้องฟ้า “เสด็จพ่อ เมื่อหม่อมฉันช่วยทำให้ความปรารถนาของท่านเป็นจริงแล้ว ท่านก็จะจำได้ว่าหม่อมฉันคือใครใช่หรือไม่”