ตอนที่ 633 ต้าซือมิ่งเอาชนะเทียนตี้ กลอุบายของธิดาจักรพรรดิ
เด็กน้อยที่ได้ยินก็บินไปหาท่านพ่อเขาทันที “พ่อ พาเป่าไปด้วย…”
“พาเจ้าไปทำไมหรือ” หรงอี้ที่รวบตัวเด็กน้อยเข้ามาก็ยัดเด็กน้อยให้หยวนสื่อเทียนจุน ฝ่ายหลังที่จู่ๆได้รับอ้อมกอดอย่างกะทันหันก็รีบอุ้มเด็กน้อยไว้แน่น
“อ้ะ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าดิ้น อยากให้ท่านพ่อเขาอุ้ม เขาต้องตามไปปกป้องท่านพ่อรูปงาม
ต้าซือมิ่งหยิกมืออวบอ้วนของเขา “อยู่ที่นี่เล่นกับปู่จิ่วของเจ้าดีๆ ประเดี๋ยวพ่อก็กลับมา แล้วจะทำอาหารให้เจ้า คิดไปพลางๆ ก่อนว่าอยากกินอะไร”
เด็กน้อยตาลุกวาว หยุดดิ้นแล้ว แต่ยังคงขอร้องว่า “ให้เป่าไปเถอะ…”
ต้าซือมิ่งหรี่ตามองเด็กน้อย
เจ้าตัวน้อยถูกมองจนหดคอกลับไปเล็กน้อย มือจับหน้าตุ้ยนุ้ยพูดว่า “งั้น งั้นเป่ารอพ่อ กลับมา ทำอาหาร ให้เป่ากินนะ…”
“เด็กดี” หรงอี้ที่ลูบเด็กน้อยแล้วยังหยิบลูกกวาดออกมาให้เด็กน้อย
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเห็นก็พบว่ามันคือลูกกวาดรูปคนตัวน้อยประกายระยิบระยับ นอกจากจะมีกลิ่นหอมหวาน ยังมีลักษณะเหมือนจิ่วอิง สวยจังเลย เขาหัวเราะร่าออกมาทันที “ชอบ”
“จวินโฮ่วมีฝีมือจริงๆ” หยวนสื่อเทียนจุนมองลูกกวาดแท่งนี้ มันเหมือนกับจิ่วอิงมาก เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่ามาก ช่างมีฝีมือดีจริงๆ
“ฮ่า…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเลียลูกกวาดอย่างมีความสุข
จิ่วอิงพลันรู้สึกเสียววาบขึ้นมาทันที…
หรงอี้ที่เกลี้ยกล่อมเด็กน้อยเสร็จแล้วก็จากไปพร้อมเทียนตี้
“ฮ่า…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเลียอย่างมีความสุข ราวกับลืมท่านพ่อไปแล้ว
เยี่ยนอวี๋หยิกแก้มน้อยๆ ของเด็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เจ้านี่นะ…”
“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่ายิ้มตาหยีเลียต่อไป “อิงอิง หวาน”
หยวนสื่อเทียนจุนที่เห็นดังนั้นก็ยิ้ม “นายท่านวางใจเถอะ ฝ่าบาทรู้หนักรู้เบา เขาก็แค่อยากทดสอบจวินโฮ่วเท่านั้น”
“หากเป็นเมื่อก่อน ข้าย่อมไม่กังวล” เยี่ยนอวี๋กลัวว่าเทียนตี้ไม่รู้จักแยกแยะ ทำให้สามีของนางเป็นอะไรไปอีก
หยวนสื่อเทียนจุนยิ้มอย่างอ่อนโยน “หากเป็นเมื่อก่อน ท่านยิ่งต้องกังวล”
“เจ้าไม่รู้จักความสามารถของสามีข้า” เยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจความหมายแฝงของหยวนสื่อเทียนจุนเลยแม้แต่น้อย
หยวนสื่อเทียนจุนก็ไม่ได้ตั้งใจจะอธิบาย เรื่องนี้ก็ไม่เหมาะที่จะอธิบายให้ละเอียดด้วย
…
ในขณะเดียวกัน เทียนตี้ที่ออกจากจักรวาลดั้งเดิมแล้วก็กล่าวอย่างเป็นมิตรว่า “เชิญอาจารย์พ่อไปคุยกันที่วังเทียนตี้ได้หรือไม่”
“ได้” หรงอี้ไม่ได้ปฏิเสธ
ระหว่างทางเทียนตี้ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พาต้าซือมิ่งเข้าวังเทียนตี้ของเขา จากนั้นก็สั่งคนยกน้ำชามา หลังจากจิบชาเสร็จแล้ว ก็เป็นคนเอ่ยขึ้นก่อนว่า “อาจารย์พ่อไม่สงสัยหรือว่าข้าจะขอคำชี้แนะอะไรจากท่าน”
“มีอะไรน่าสงสัยหรือ” หรงต้าซือมิ่งไม่รู้สึกสงสัยจริงๆ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้สนใจเทียนตี้อยู่แล้ว เพียงแค่เห็นแก่ภรรยาจึงทำเป็นชื่นชอบ ‘ศิษย์’ ราคาถูกคนนี้
เทียนตี้กลับไม่ได้กระโดดขึ้นมา เพียงแค่มองต้าซือมิ่งอย่างจริงจัง มองสำรวจเขาอย่างถี่ถ้วนราวกับเพิ่งเคยเจอคนๆ นี้เป็นครั้งแรก
ต้าซือมิ่งก็ไม่ได้เขินอาย ปล่อยให้เทียนตี้มองอย่างเปิดเผย และท่าทางที่จิบชายังนิ่งมาก
เทียนตี้กลับวางถ้วยชาลง “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านอาจารย์จะแต่งงานและมีบุตร ท่านไม่สงสัยว่าข้าจะขอคำชี้แนะอะไรจากท่าน แต่ข้ากลับสงสัยมากว่าเหตุใดอาจารย์จึงเลือกท่าน หากพูดถึงหน้าตา ท่านโดดเด่นกว่าจริง แต่ข้าและเซ่าเฮ่าก็ไม่ได้แย่ หากพูดถึงความเอาใจใส่ เจ้าวิหคทมิฬทำหน้าที่ได้ดี หากพูดถึงความแข็งแกร่ง แม้ท่านจะแข็งแกร่ง แต่กลับไม่มั่นคงเอาเสียเลย ยังต้องให้อาจารย์ดูแลความปลอดภัยของท่าน ข้าไม่เข้าใจเลย”
คำพูดเหล่านี้… คือคำในใจของเทียนตี้
ค้าซือมิ่งที่ได้ยินกลับได้ยินความหมายอย่างอื่น หัวใจที่งดงามที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษดวงนั้นมั่นใจในทันทีว่า เทียนตี้คนนี้มีใจคิดไม่ซื่อ แต่เขากลับไม่รู้ตัว
เมื่อคิดได้เช่นนี้… เขาก็พูดขึ้นว่า “แต่ข้ากลับคิดว่า ในแง่ของหน้าตา เจ้าและเซ่าเฮ่าล้วนสู้ข้าไม่ได้ ในแง่ของความเอาใจใส่ เจ้าวิหคทมิฬยังด้อยกว่าข้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวข้า”
เทียนตี้ “…”
เคยเจอคนหน้าไม่อาย แต่ไม่เคยเจอคนหน้าไม่อายเช่นนี้มาก่อน
ทว่าเขาเองก็ไม่อยากโต้เถียงต่อไปแล้ว เพราะนั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของเขาจริงๆ สิ่งที่เขาอยากถามจริงๆคือ “ท่านคือใคร มาจากไหน สวรรค์เก้าชั้นฟ้าของข้าตรวจสอบที่ที่ท่านมาไม่ได้เลย ท่านมาจากแอตแลนจริงหรือ”
และสิ่งนี้เอง… เห็นได้ชัดว่าคือ ‘อคติ’ ที่เทียนตี้มีต่อต้าซือมิ่งมาโดยตลอด
แม้เทียนตี้จะรู้ว่าด้วยความสามารถของชูชูอาจารย์ของเขาย่อมรู้ดีกว่าเขาว่าที่มาของชายคนนี้ยังเป็นปริศนา แต่เขายังคงเป็นห่วง เขากลัวว่า…
ความคิดหลังจากนั้นเพิ่งจะแวบขึ้นมาในหัวของเทียนตี้ ต้าซือมิ่งก็เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง “อาจารย์ของเจ้าไม่เหมือนกับเจ้า ครานั้นที่เพิ่งรู้จักกัน นางอยากจะฆ่าข้าทุกวัน นางไม่หลงใหลรูปโฉมที่งดงามเหมือนเจ้า มิเช่นนั้นข้าอาจารย์พ่อของเจ้าก็คงไม่ต้องอาศัยลูกเพื่อขึ้นมาอยู่จุดนี้หรอก”
“…อาศัยลูกขึ้นมา อาจารย์พ่อพูดเหมือนกับว่าเป็นเกียรติมาก?” เทียนตี้แทบจะ ‘สะอึก’ อยู่แล้ว อดรู้สึกไม่ได้อีกครั้งว่าชายคนนี้ไม่ต่างจากสตรีที่มีแผนการในใจเหล่านั้นของเขาเลย เอาแต่คิดว่าจะให้กำเนิดลูกให้เขาอย่างไร จากนั้นก็ใช้ลูกสร้างฐานะให้ตนเอง
ทว่าต้าซือมิ่งยังดึงดันพยักหน้า “แน่นอน ลูกของข้าฉลาดและน่ารัก เป็นแม่สื่อแม่ชักให้อาจารย์ของเจ้าและข้าหลายครา”
เทียนตี้ “…”
ก็ได้ ฟังไปแล้วเหมือนจะไม่เหมือนกับสตรีเหล่านั้นของเขาแล้ว โดยทั่วไปแล้วพวกนางจะปฏิเสธความคิดที่ว่าใช้ลูกสร้างฐานะให้ตนเอง ทุกคนล้วนบอกว่าจริงใจกับเขา การให้กำเนิดอะไรนั่นก็แค่เรื่องบังเอิญ ไม่ได้อยากมี
มีแค่ซีเหอที่ยังถือว่าปกติ อย่างน้อยนางก็บอกว่านางอยากจะให้กำเนิดทายาทที่ยอดเยี่ยมให้เขา และทำให้ทายาทคนนี้สืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิต่อจากเขา
หากไม่ใช่เช่นนี้ เขาคงไม่มอบตำแหน่งเทียนโฮ่วให้ซีเหอ
ช่างเถอะ… คิดมากไปแล้ว
เทียนตี้ที่ทำสีหน้ากลับมาเป็นปกติ เขาก็มองไปที่ต้าซือมิ่งอีกครั้ง “คำถามสุดท้าย ท่านจะทำให้อาจารย์เสียใจหรือไม่ อย่างเช่นว่า จะทิ้งนางไปในวันใดวันหนึ่ง”
“ไม่” หรงอี้ตอบอย่างมั่นใจและรวดเร็ว เพราะว่าเขาไม่มีวันทิ้งเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่มุดเข้ามาในหัวใจและวิญญาณของเขามานานแสนนานแน่นอน
เทียนตี้จึงมั่นใจว่าชายตรงหน้าคนนี้ไม่ว่าจะมีความคิดอะไร หัวใจที่มีให้อาจารย์กลับจริงใจผ่องแผ้ว และหนักแน่น
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะบุคคลที่มีชีวิตอยู่ถึงระดับนี้เช่นพวกเขา เพราะว่าโชคชะตาของพวกเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับชะตากรรมของสามอาณาจักร เมื่อโชคชะตามาถึงมีเพียงตัวพวกเขาเองเท่านั้นที่จะรู้ว่าต้องไปทางไหน และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
นอกจากนี้ สำหรับพวกเขาแล้วคำมั่นสัญญากลับเป็นเรื่องยากยิ่งกว่า อย่างเช่นอยู่ด้วยกันทุกภพชาติ ไม่เปลี่ยนใจตลอดไป หรือไม่จากไปไหนตลอดไป
…
แต่เทียนตี้มั่นใจได้ว่า ตอนที่อาจารย์พ่อพูดคำว่า “ไม่” ออกมา เขาท่านนี้ก็กำหนดทุกอย่างไว้แล้ว
เขากำหนดไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็จะไม่ทิ้งอาจารย์ไป
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว บ่งบอกว่าหัวใจดวงนี้ของเขาไร้มลทิน แม้ตนเองจะมีหญิงสาวมากมาย แต่อันที่จริงเทียนตี้เห็นความจริงใจได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นเขารู้มาตลอดว่าสตรีข้างกายต้องการอะไรมากที่สุด
บัดนี้ เขายิ้มแล้ว “ข้าเชื่ออาจารย์พ่อ”
คำๆ นี้ก็ทำให้ต้าซือมิ่งเข้าใจแล้วว่าไม่ว่าเทียนตี้จะรู้ใจเขาหรือไม่ เขาก็มีหัวใจแห่งความจริงใจที่หวังว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จะไม่ถูกทำร้าย
เห็นแก่สิ่งนี้ หรงอี้ก็วางถ้วยชาลง “มีอีกเรื่องหนึ่ง จัดการเรื่องของเจ้าเองให้ดี หากมีความจำเป็นก็แต่งตั้งเทียนโฮ่วอีกคนหนึ่ง”
“…ขอบคุณอาจารย์พ่อที่เตือน แต่เรื่องส่วนตัวของข้า อาจารย์พ่ออย่ายุ่งมากเลย” เทียนตี้ตอบอย่างไม่เห็นด้วย เขายังไม่มีผู้ที่สามารถเป็นเทียนโฮ่วในใจตอนนี้
ต้าซือมิ่งก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาลุกขึ้นกล่าวอำลา
เทียนตี้จึงลุกขึ้นส่งและพูดว่า “ข้าคงไม่ไปส่งอาจารย์พ่อแล้ว ฝากท่านบอกอาจารย์ด้วยว่าประเดี๋ยวข้าจะไปที่นั่น”
“ได้” หรงอี้พยักหน้าและเดินจากไป
เทียนตี้ที่มองแผ่นหลังสูงโปร่งที่จากไปไกล เห็นท่วงท่าขณะเดินอันสง่างามราวกับสายลม ชั่ววูบหนึ่งถึงกับต้องยอมรับว่ารูปลักษณ์ของชายคนนี้อยู่เหนือเขาจริงๆ
ทว่าเขาเพิ่งจะคิดเช่นนี้เสร็จ เขาก็ปฏิเสธความคิดที่แท้จริงในใจนี้ออกไปโดยสัญชาติญาณ และพ่นหัวเราะเย้ยหยันออกมา ข้างหลังกลับมีเสียงเรียกขึ้นเบาๆ “เสด็จพ่อ”
เทียนตี้หันไปมองยังจำได้ว่าคือเหยาจีที่เพิ่งปรากฏตัวเมื่อครู่นี้ “ทำไมหรือ”
“…เหยาจีอยากเชิญเสด็จพ่อไปดูเสด็จแม่เพคะ นางคิดถึงท่านมาก วันนี้เป็นวันเกิดของนาง เหยาจีไม่อยากให้เสด็จแม่เสียใจจึงบังอาจมารบกวนเสด็จพ่ออีกครั้ง” เหยาจีพูดอย่างประหม่าจนจบ
เทียนตี้พยักหน้า เพราะอันที่จริงเขาก็อยากไปหาแม่ของเหยาจีก่อนค่อยกลับจักรวาลดั้งดั้งเดิม เขาจึงถามว่า “เสด็จแม่เจ้าไม่ไอแล้วหรือ”
เหยาจีรีบตอบว่า “ดีขึ้นมากแล้วเพคะ เทียน… อดีตซีเหอเหนียงเหนียงเมตตากับเสด็จแม่ดี เสด็จแม่นอกจากคิดถึงท่านแล้ว เรื่องอื่นก็ดีเพคะ”
เทียนตี้ไม่ได้ตอบ เขารู้ว่าที่ซีเหอทำดีต่อสองแม่ลูกเหยาจีก็เป็นเพราะเหยาจีไม่มีพลังวิเศษใดๆ ที่ได้สืบทอดมา ท่านแม่ของนางกลับชราก่อนวัยเพราะให้กำเนิดนาง
จะว่าไปแล้ว… เทียนตี้ก็คิดเรื่องหนึ่งได้ “เสด็จแม่เจ้าไม่ยอมให้ข้าไปหานางมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ”
เหยาจีที่เห็นได้ชัดว่าประหม่าเล็กน้อยก็รีบส่ายศีรษะ “ปากไม่ตรงกับใจเพคะ”
“อืม” เทียนตี้ก็ไม่ได้สนใจนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เห็นได้ชัดว่าเหยาจีระมัดระวังตัวขึ้นมา นางไม่พูดอะไรอีก สองพ่อลูกที่ห่างเหินกันไปถึงวังกว่านเหอโดยไม่พูดคุยกันสักคำ
ในขณะเดียวกัน… ต้าซือมิ่งก็ถูกใครบางคนขวางทางไว้