ตอนที่ 634 อุบายลูกโซ่ ต้าซือมิ่งฉลาดทั้งสติปัญญาและอารมณ์
ผู้ที่ขวางเขาไว้ยังเป็นเทพรับใช้ในวังเทียนตี้ “จวินโฮ่ว เทียนตี้เชิญท่านไปพบอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
หรงต้าซือมิ่งที่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาก็จำได้ว่าคนผู้นี้คือเทพรับใช้ในวังเทียนตี้จริงๆ ส่วนทางฝั่งเทียนตี้ เขาก็รู้ว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ มิเช่นนั้นเมื่อครู่นี้เขาคงไม่เตือนเช่นนั้น
ทว่าเมื่อครู่นี้เทียนตี้ไม่คิดเช่นนั้น บัดนี้กลับมาเชิญเขาไปพบอีกครา?
“จวินโฮ่ว เชิญขอรับ” เทพผู้รับใช้เชิญต้าซือมิ่งไปอย่างนอบน้อม
หรงอี้ที่พยักหน้าเบาๆ ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเดินกลับไปตามเทพผู้รับใช้แล้ว แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ…
ในขณะนี้ ซานเซิงโอรสของเทียนตี้ที่เปลี่ยนมาดูแลเรือนจำ บัดนี้เขายืนอยู่ข้างหน้าประตูจักรวาลดั้งเดิม คุกเข่ารายงานว่า “เสด็จพ่อ โลกีผู้ที่อ้างตนว่าเป็นท่านอ๋องแห่งแอตแลนหนีออกจากคุกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
การรายงานนี้… ย่อมทำให้เยี่ยนอวี๋เดินมาถามด้วยตนเอง นางออกมาจักรวาลดั้งเดิม ประคองซานเซิงขึ้นมา “โลกี?”
“ปฐมราชินี เสด็จพ่อไม่อยู่หรือขอรับ” ซานเซิงที่เดิมทีใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ บัดนี้กลับปรากฏความอับอาย เพราะเขายังคงจำได้ว่าตนเองถูกซีเหอควบคุมให้เป็นศัตรูกับเยี่ยนอวี๋อย่างไร
เยี่ยนอวี๋ย่อมติดใจเรื่องนี้กับซานเซิง ขณะที่นางประคองซานเซิงขึ้นมาก็ตรวจชีพจรให้เขา พบว่าร่างกายของเขาปกติดี ทว่าสติปัญญากลับเสียหาย
เยี่ยนอวี๋จึงลดเสียงของนางลง “เสด็จพ่อเจ้าไม่อยู่ เจ้าพาข้าไปดูหน่อย”
ซานเซิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “เชิญปฐมราชินีตามซานเซิงมา”
“ได้” เยี่ยนอวี๋ไม่รีบร้อน ถึงอย่างไรสามมหาจักรวาลก็อยู่ในการควบคุมของนาง แม้โลกีหนีไปจริงๆ ก็ไม่เป็นปัญหา เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยรวมได้ แต่ด้วยความคิดและวิธีการของโลกี เขาคงก่อเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ได้ไม่น้อย ดังนั้นควรรีบจับกลับมาให้ไวเป็นการดีที่สุด ทว่านางไม่รู้เลยว่าที่แท้ก่อนหน้านี้โลกีเจ้าหมอนี่ถูกจับเข้าคุกสวรรค์
เทพวิหคมังกรที่ตามมาก็เล่าให้ฟังว่า “วันนั้นโลกีบุกเข้ามาจากรอยแยกนั่นด้วยตนเองจึงถูกพวกข้าและเทียนตี้จับ”
“เขาคงคิดว่าข้าพาผู้ช่วยที่แข็งแกร่งที่สุดกลุ่มหนึ่งไปแอตแลนแล้ว สวรรค์เก้าชั้นฟ้าไม่เหลือผู้แข็งแกร่ง จึงคิดจะมาเอาเปรียบ” เยี่ยนอวี๋อ่านความคิดของโลกีได้ทะลุปรุโปร่งทันที
เทพวิหคมังกรครุ่นคิดก็คิดว่าน่าจะถูก อดยิ้มเย้ยหยันไม่ได้ “เทียนตี้จัดการเขาไว้อย่างดี ไม่คิดว่าเขายังกล้าหนี แต่ว่าข้าน้อยประหลาดใจมากว่าสถานที่เช่นคุกสวรรค์ เขาหนีออกไปได้อย่างไร”
“ตอนที่เขาอยู่แอตแลน เขาสามารถพาข้าและเสี่ยวเป่าหนีออกมาจากสวนเอเดน ลองไปดูย่อมรู้” เยี่ยนอวี๋รู้ดีว่า โลกีมีความสามารถไม่น้อย มิเช่นนั้นครานั้นนางคงไม่ร่วมมือกับเขา
…
ขณะเดียวกัน ขณะที่ต้าซือมิ่งถูกเชิญกลับไป ขณะที่เยี่ยนอวี๋ได้ข่าวโลกีหลบหนี
“เทียนตี้เสด็จ…”
ทุกคนในวังกว่านเหอตื่นตระหนกทันทีที่เสียงรายงานดังขึ้น เพราะว่าเทียนตี้ไม่ได้เสด็จมาวังกว่านเหอเป็นเวลากว่าหมื่นปีแล้ว
นี่มัน… เหตุใดจู่ๆ จึงมานะ?
อย่าว่าแต่เหล่านางฟ้าที่ตื่นตระหนกเลย แม้แต่ตี๋อีเจ้าแห่งวังกว่านเหอ มารดาของเหยาจี นางเองก็ตะลึง นางรีบหนีไปซ่อนตัวในห้องบรรทมด้วยสัญชาติญาณทันที
ถึงอย่างไรตี๋อีก็ไม่เคยบอกบุตรสาวของนางว่านางอยากเจอเทียนตี้ เพราะว่านางไม่อยากให้เทียนตี้เห็นใบหน้าแก่ชราของตนเองจริงๆ
ดังนั้นเมื่อเทียนตี้เข้ามาในวังกว่านเหอก็รู้ทันทีว่าธิดาที่อยู่ข้างหลังคนนี้พูดโกหก เขาสูดหายใจเข้าลึก ไม่ได้โมโห เพราะเห็นแก่ตนเองที่ขาดคุณสมบัติความเป็นพ่อ ทว่าเขาเพิ่งจะหันหลังไปก็รู้สึกปวดศีรษะ สำหรับเขาที่มีฌานตบะระดับนี้แล้ว เรื่องปวดศีรษะเล็กน้อยๆ เช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ดังนั้นขณะนั้นเอง… เทียนตี้ก็คิดถึงคำพูดของต้าซือมิ่ง ทำให้เขาเข้าใจบางอย่างทันที น่าเสียดาย…
“เสด็จพ่อ?”
เหยาจีผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเทียนตี้ ขณะที่นางขึ้นไปประคองเทียนตี้ไว้ก็ใช้เข็มพิษฉีดเข้าไปที่แขนของเทียนตี้และเข็มพิษนี้เหมือนกับเครื่องเร่งความเร็ว ทำให้เทียนตี้ประคองศีรษะและล้มลงในอ้อมแขนของธิดาเหยาจีทันที
เหยาจีหน้าเปลี่ยนสี “เสด็จพ่อ”
“ฝ่าบาท” เทพรับใช้ที่ติดตามเทียนตี้มาก็ปรากฏขึ้นข้างหน้า
เหยาจีร้องไห้เป็นดอกสาลี่ต้องหยาดฝน “เสด็จพ่อ ท่านเป็นอะไรไปเพคะ ท่านอย่าทำให้เหยาจีตกใจ เสด็จพ่อ…”
“องค์หญิงเหยาจีใจเย็นๆ เพคะ ได้โปรดพาฝ่าบาทไปพักผ่อน อาจจะเป็นเพราะทรงงานหนักติดต่อหลายวัน ข้าน้อยจะไปเชิญปฐมราชินีมา”
“ได้ ได้ รีบตามข้ามา” เหยาจีเช็ดน้ำตาพลางเดินนำไปข้างหน้า ดูตื่นตระหนกมาก ซึ่งก็เหมาะกับบุคลิกของนางเมื่อครั้นอยู่ตำหนักสวรรค์ ในฐานะที่เป็นธิดาของจักรพรรดิที่ไม่เป็นที่โปรดปรานและไม่มีพรสวรรค์ใดๆ นางก็อ่อนแอและขี้ขลาดจริงๆ เหมือนสาวน้อยใสซื่อ
ดังนั้นนางในยามนี้อันที่จริงก็วิตกมากจริงๆ แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของคนๆ นั้น นางก็กัดฟันพาเสด็จพ่อของนางเข้าไปในห้องบรรทม
ตี๋อีที่ได้ยินว่าเหยาจีพาเทียนตี้มาที่ห้องบรรทม นางก็ไปซ่อนตัวที่อื่นนานแล้ว
จากนั้นเทพรับใช้ของเทียนตี้ก็เร่งเดินทางกลับไปจักรวาลดั้งเดิมขอพบเยี่ยนอวี๋
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง… ต้าซือมิ่งไม่ได้ถูกพาไปที่วังเทียนตี้ แต่ถูกพามาที่วังกว่านเหอแล้ว
“…” หรงอี้ที่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขากลับไม่ได้ถามอะไร
เทพรับใช้ก็ไม่ได้อธิบายอะไรจึงเงียบกันตลอดทาง แต่ว่าเมื่อต้าซือมิ่งมาถึงด้านนอกวังกว่านเหอก็สัมผัสได้ว่าเหล่านางฟ้าในตำหนักหลังเล็กหลังนี้ต่างตื่นตระหนกกันมาก น่าประหลาดใจมากนัก
“เชิญต้าซือมิ่งขอรับ” เทพรับใช้ยังคงนำทางต่อไป
ต้าซือมิ่งเองก็ตามไป เพียงแต่ว่า… เขาเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ข้างหน้าก็มีหญิงสาวในชุดหรูหราคนหนึ่งวิ่งมาทางเขาอย่างลนลาน อีกเพียงพริบตาก็จะชนเขาแล้ว
สุดท้าย… หรงต้าซือมิ่งที่หลบทางให้ย่อมไม่ให้สตรีคนนั้นแปดเปื้อนตนเอง
ทว่าหญิงสาวคนนั้นยังคงพุ่งตัวออกไปเหมือนกับไม่เห็นเขาอย่างไรอย่างนั้น
นี่มัน…
“?”
หรงอี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ยินเทพรับใช้ที่อยู่ข้างกายเขาเอ่ยขึ้นว่า “เอ่อ… องค์หญิงเหยาจี เกิดเรื่องอันใดจึงลนลานเช่นนี้หรือ ทรงอยู่กับฝ่าบาทไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เหยาจีที่ถูกเรียก นางก็เหมือนกับเพิ่งตื่นจากความหวาดวิตก ทว่ายังคงส่ายศีรษะอย่างหวาดกลัว “ไม่ใช่ เหยาจีไม่ได้อยู่ด้วย เหยาจีไม่รู้ ไม่รู้…”
เหยาจีที่ดูเหมือนคนเสียสติพูดจาวกไปวนมาเช่นนี้ นางก็วิ่งหนีไป
หรงอี้ขมวดคิ้ว เขาฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้จึงรีบเดินไปทางที่เหยาจีวิ่งออกมาทันที เพียงแต่ว่าเขาเพิ่งเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว องค์หญิงเหยาจีคนนั้นก็วิ่งกลับมาอีกครั้ง “ห้ามเข้าไปนะ”
“องค์หญิงเหยาจี ท่านนี้คือจวินโฮ่วของปฐมราชินี เทียนตี้เป็นคนเชิญเขามาพ่ะย่ะค่ะ” เทพรับใช้จำเป็นต้องอธิบาย เห็นได้ชัดว่ากลัวว่าเหยาจีจะไม่รู้จักหรงจวินโฮ่วท่านนี้
แต่แล้ว…