ตอนที่ 639 ไปยมโลกพาแม่กลับมา ท่านเป่าจอมอันธพาล
ณ จักรวาลดั้งเดิม ครอบครัวเยี่ยนอวี๋ที่เพิ่งกลับไปถึงก็ถูกเยี่ยนชิงเรียกเสียงดังว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กลับมาแล้วหรือ นั่งสินั่ง พ่อทำปลาน้ำแดงที่เจ้าชอบกินมากที่สุดให้ รอก่อนนะ ประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
“เจ้าค่ะ” ใบหน้าเยี่ยนอวี๋เต็มไปด้วยรอยยิ้ม วางธุระในมือทุกอย่างไว้
ทว่าเด็กน้อยในอ้อมอกนางก็ถามขึ้นว่า “ตา เป่า ล่ะ”
ทว่าเยี่ยนชิงกล่าวว่า “แน่นอนว่าเจ้าต้องกินของท่านพ่อเจ้า ตาเป็นพ่อของท่านแม่เจ้าก็ต้องทำให้ท่านแม่เจ้ากินคนเดียว”
“…อ๋อ” เจ้าตัวน้อยฟังแล้วคิดว่าถูกต้อง เขาเงยหน้ามองท่านพ่อเขา “พ่อ… ข้าว เป่า ฮี่…”
“รอก่อน” เมื่อพูดเสร็จ ต้าซือมิ่งก็อุ้มเด็กน้อยอวบอ้วนขึ้นมาไปทำอาหารแล้ว เขารู้ว่าภรรยามีเรื่องจะคุยกับท่านพ่อตาเพียงลำพัง
เยี่ยนอวี๋นางมีเรื่องอยากคุยกับท่านพ่อเจ้าน้ำตาจริงๆ นางจึงนั่งลงข้างหน้าท่านพ่อ ดูเขาทำอาหารวุ่นพลางพูดขึ้นเบาๆ ว่า “ท่านพ่อ คงคิดถึงท่านแม่มากสินะเจ้าคะ”
เยี่ยนชิงที่ชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด น้ำตาเกือบจะไหลลงมาแล้ว มันคือสัญชาติญาณอย่างหนึ่ง เมื่อมีคนกล่าวถึงบุคคลที่ล่วงลับที่มิอาจแตะต้องได้ในใจคนนั้น เป็นปฏิกิริยาโดยสัญชาติญาณ
สำหรับเยี่ยนชิงแล้ว ไม่ว่าภรรยาอันเป็นที่รักของเขาจะจากไปนานเพียงใดแล้ว เมื่อใดก็ตามที่มีคนพูดถึง เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึง มันคือจุดที่ไม่อาจควบคุมได้มากที่สุด
“เหตุใดจึงพูดถึงเรื่องนี้…” เยี่ยนชิงที่เสียงแหบแห้ง การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่กระฉับกระเฉงเช่นเดิมแล้ว
เยี่ยนอวี๋ลุกขึ้นกอดแขนของท่านพ่อนางไว้และอิงไหล่ของเขา “ข้าและหรงจะไปยมโลก ข้าคิดว่าท่านพ่อคิดถึงและอาลัยอาวรณ์ต่อนางเช่นนี้ นางน่าจะมีวิญญาณหลงเหลืออยู่ในสามโลก บางทีข้าในบัดนี้อาจจะพานางกลับมาได้”
เดิมทีเยี่ยนอวี๋ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ นางกลัวว่าหากให้ความหวังท่านพ่อเจ้าน้ำตาไปแล้ว กลับไม่สามารถทำได้ จะทำให้เขาดีใจเก้อ ยิ่งทรมานเข้าไปใหญ่
ทว่าเยี่ยนอวี๋พูดขึ้นว่า “จริงๆ ลูกไม่อยากบอกท่าน กลัวถึงเวลาทำไม่ได้ ท่านจะเสียใจ แต่ข้าต้องการความร่วมมือจากท่าน ท่านพ่อ ไม่ว่าอย่างไร เราต้องลองดูสักตั้ง ผล…”
เยี่ยนอวี๋ยังไม่ทันพูดจบ เยี่ยนชิงที่น้ำตานองหน้าก็ตบมือของนางเบาๆ “พ่อรู้ พ่อเข้าใจ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ดีมากแล้ว…”
เยี่ยนชิงรู้แก่ใจดีว่า ครานั้นภรรยาสุดที่รักร่วงหล่นไปอย่างไร ดังนั้นแม้เขาจะรู้ว่าบุตรสาวสุดที่รักกลายเป็นปฐมราชินีเยี่ยน เขาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้
ประการแรก เขารู้แก่ใจดีว่าไม่มีความหวังที่นางจะยังมีชีวิตอยู่
ประการที่สอง เขาไม่อยากทำให้บุตรสาวอันเป็นที่รักต้องลำบากใจ แม้เขาจะโหยหาภรรยาสุดที่รักให้กลับมามากเพียงใดก็ตาม
บัดนี้ บุตรสาวอันเป็นที่รักบอกว่ามีความหวัง เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพียงพอแล้วล่ะ
“ดีมากแล้ว…” เยี่ยนชิงที่พูดสามคำนี้ซ้ำไปมาหลายรอบ เขาก็รู้สึกจริงๆ ว่าดีมากแล้ว ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เขาก็ยอมรับได้
เยี่ยนอวี๋ตบหลังของท่านพ่อนางเบาๆ “เช่นนั้นประเดี๋ยวท่านพ่อช่วยข้าหาของที่ท่านแม่ชอบมากที่สุด ทางที่ดี… ท่านหยดโลหิตจากหัวใจของท่านลงไปบนสิ่งของชิ้นนั้นด้วย ลูกคิดว่าสิ่งที่ท่านแม่อาลัยมากที่สุดน่าจะคือท่านพ่อ”
น้ำตาของเยี่ยนชิงไหลพรากราวกับสายฝน
เยี่ยนอวี๋ที่เห็นดังนั้นทั้งเศร้าและสุขในคราวเดียวกัน
บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่น่าเกรงขามเช่นท่านพ่อของนาง ทุกครั้งที่กล่าวถึงท่านแม่ของนางก็จะร้องห่มร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้ยิ่งกว่าเสี่ยวเป่า ดวงตาคู่นั้นเหมือนกับมีลำธารสองสายที่มีน้ำไหลออกมาอย่างไม่มีวันหมด
แน่นอนว่า เยี่ยนอวี๋ในครานี้ยังคงรู้สึกว่ามีหวังมากกว่าผิดหวัง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมนางจึงรู้สึก ‘เป็นสุขและสบายใจ’ เช่นนี้ นางยังยิ้มปลอบท่านพ่อของนาง “ท่านพ่อ แต่ก่อนท่านร้องไห้แบบนี้ ท่านแม่เป็นคนปลอบท่านใช่หรือไม่”
“เหลวไหล” เยี่ยนชิงที่พยายามกลั้นน้ำตาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับปลาตรงหน้า ควันโขมงไปหมด เขาตะโกนขึ้นทันที “เร็วเข้า ทอดจนไหม้แล้ว เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เจ้านี่นะ เวลาไหนไม่พูดมาพูดเวลานี้”
พรวด เยี่ยนอวี๋หัวเราะ “ท่านพ่อ ท่านทอดใหม่อีกตัวเถอะ ให้ซีซีไปจับ”
“ได้เลย นายท่าน ซีซีจะไปจับปลาเดี๋ยวนี้” ซีหวังหมู่ที่ได้ยินอยู่ไกลๆ ก็ไปจับปลาทันที
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่อยู่ทางนั้นได้ยินคำว่า ‘จับปลา’ ดวงตาของเขาเป็นประกาย “ซีซี พาเป่าไปด้วย”
“มาแล้วจ้า นายน้อย ไปกันเถอะ”
“ฮ่า…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ายื่นมือให้ซีหวังหมู่อุ้มอย่างมีความสุข ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืม ‘สั่ง’ ท่านพ่อของเขา “พ่อ พ่อ… เป่า กินปลา”
“พ่อจะทำให้”
“ฮ่า…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าดีใจจนจะบินขึ้นมาแล้ว
ต้าซือมิ่งก็ยกมุมปากอันเย้ายวนขึ้น เขาม้วนแขนเสื้อขึ้นนานแล้ว กำลังทำขนมจิ่วอิงที่เสี่ยวเป่าชอบมากที่สุดช่วงนี้ให้เขา ขนมเหล่านี้ไว้ให้เด็กน้อยเอาไปกินระหว่างทางไปยมโลก
…
เมื่อหยวนสื่อเทียนจุนและเทียนตี้กลับมา ในจักรวาลดั้งเดิมก็เต็มไปด้วยควันหนาทึบ อาหารมากมายก็เตรียมเสร็จแล้ว ถึงอยากไรจำนวนคนทำก็มีมาก ดังนั้นเมื่อทั้งสองนั่งลงก็ได้ทานอาหารแล้ว
“รสชาติใช้ได้เลย” เทียนตี้ทานอาหารอุ่นๆ อัน ‘คุ้นเคย’ อดนึกถึงเมื่อก่อนไม่ได้ แม้เขาในครานั้นจะกลายเป็นเทพแล้ว แต่กลับยังรู้สึกหิว เริ่มไม่รู้สึกหิวตั้งแต่เมื่อใด เขาเองก็ลืมไปแล้ว รู้เพียงว่าอาจารย์ทำกับข้าวไม่เป็น คนที่ลงครัวมีเพียงเซ่าเฮ่าและเจ้าวิหคทมิฬ เขาก็ทำได้ แต่รสชาติธรรมดา แค่พอทานได้เท่านั้น
“จานนี้พี่รองเสาเป็นคนทำ พูดได้ว่าธรรมดา” อินหลิวเฟิงเริ่มแนะนำอย่างกระตือรือร้น “ของพี่ใหญ่เยี่ยดีกว่าจานนี้ แต่ว่าข้าบอกท่านนะ จานที่อร่อยที่สุดคืออาหารสองสามจานที่อยู่ข้างหน้ากูไหน่ไน เห็นหรือไม่ ต้าซือมิ่งทำ สุดยอด”
เทียนตี้ไม่เชื่อ ทำท่ายื่นตะเกียบไปคีบมาลอง ทว่า…
เพียะ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ปากเต็มไปด้วยอาหาร เพียงฝ่ามือเดียวก็ตบตะเกียบของเทียนตี้ออกไป เขายังคิดจะครอบครองอาหารทั้งหมดที่ท่านพ่อเขาเป็นคนทำ แต่เขาถูกเยี่ยนอวี๋จิ้มแก้ม “ห้ามจองไว้แบบนี้ ต้องรู้จักแบ่งปัน”
“╭(╯^╰)╮” เด็กน้อยที่เชิดหน้าอวบอ้วนขึ้นบอกว่า ไม่ให้น้องจวิ้น ให้น้องไก่ และแอนนาน้อย
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้สนใจเด็กน้อยจอมขี้งก นางส่งสัญญาณให้เทียนตี้และหยวนสื่อเทียนจุนคีบอาหารแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจ้องอาหารเขม็งราวกับว่ากลัวสองคนนี้จะคีบทีเดียวหมด
ส่วนเทียนตี้ เขาก็จงใจคีบคำใหญ่ ทำเอาเจ้าตัวน้อยที่เห็นดังนั้นกระทืบเท้าบนเก้าอี้ไม่หยุด “อือออ”
เยี่ยนจื่อเสาหัวเราะ “เจ้าไม่กินผักแข็งๆ พวกนี้อยู่แล้ว”
เด็กน้อยที่กลืนข้าวลงไปก็พูดขึ้นว่า “รอ เป่า โตก่อนเถอะ”
“ฮ่าๆๆ…” ทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
เทียนตี้เองก็ยิ้มพลางคีบเนื้อเข้าปาก เขาหัวเราะไม่ออกทันที เกือบจะพ่นคำหยาบออกมา อร่อยเควี่ยๆ นี่มันอร่อยแสงออกปาก
จากนั้นเทียนตี้ก็แย่งอาหารต่อไปอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ เมื่อทุกคนเห็นเทียนตี้มูมมามเช่นนี้ก็รีบพากันแย่งอาหาร ถึงอย่างไรต้าซือมิ่งก็ทำไว้ไม่มาก
ทว่า… จิ่วอิงในครานี้ก็ส่งกระแสจิตให้ต้าซือมิ่งจากวังกว่านเหอแล้ว “อี้เอ๋อร์ อี้เอ๋อร์”
ต้าซือมิ่งที่ป้อนเด็กน้อยต่อไปก็ถามว่า “เกิดเรื่องแล้วหรือ”
“ใช่ จะสำเร็จแล้ว เจ้ามาดูหน่อย” จิ่วอิงพูดพลางพบว่าลำแสงจางๆ ที่แผ่ซ่านตรงหน้ากำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้น…