ตอนที่ 640 กุ่ยหมู่ ข้าให้เจ้าคุกเข่า
ลำแสงจางๆ ที่หนาแน่นและแผ่ซ่านไอปีศาจรุนแรงกว่าเดิมก่อร่างขึ้นแล้ว
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง… ยมราชในยมโลกที่ถูกเทียนตี้เรียกมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นจากค่ายกลเคลื่อนย้ายของสวรรค์ชั้นหนึ่ง
“ท่านยมราช” ท่านเทพตำหนักสวรรค์ที่ดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายคำนับยมราช
ในเวลานั้นแม้ยมราชฟ่านเจียงจะไม่ใช่เทพรุ่นแรก แต่ก็เป็นคนอัจฉริยะที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือผู้ใด เป็นเทพพลังกล้าแข็งที่เลื่อนขั้นมาจากโลกมนุษย์ ก่อนจะเลื่อนขั้นยังเป็นเพียงผีเร่รอน
สิ่งที่ต้องกล่าวถึงคือ ฟ่านเจียงถือเป็นบรรพบุรุษของตระกูลฟ่านสำนักคุนอู๋ ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าปฐมราชินีที่กลับชาติมาเกิดคือบุตรสาวตระกูลเยี่ยนแห่งสำนักชางอู๋ ฟ่านเจียงก็มักจะรู้สึกว่านางคือดาบเล่มหนึ่ง
บัดนี้ยังถูกเรียกมายังตำหนักสวรรค์ ฟ่านเจียงรู้สึกว่าต้องเป็นเรื่องร้ายแน่ๆ
“ท่านยมราช ท่านอย่าเป็นกังวลนักเลย ได้ยินมาว่าปฐมราชินีเป็นผู้ที่มีความยุติธรรม ที่เทียนตี้เรียกท่านมาน่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับโลกมนุษย์ มิเช่นนั้นก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว” หลังจากออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว ยมบาลหัววัวหัวม้าที่ติดตามยมราชมาก็พูดปลอบขวัญให้ท่านยมราชสบายใจ
“ก็ใช่” ยมราชฟ่านเจียงครุ่นคิด หากปฐมราชินีจะสังหารเขาเพียงเพราะคนรุ่นหลังที่ห่างไกลกันขนาดนั้น เช่นนั้นก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว เขาอดยืดอกขึ้นไม่ได้ ทว่า… เขาเพิ่งจะยืดอกขึ้น
วิ้ง
ลำแสงจางๆ อันน่าหวาดกลัวก็พุ่งใส่เขา
“ท่านยมราชระวัง” ยมบาลหัววัวหัวม้าร้องเสียงหลง
ยมราชฟ่านเจียงเองก็สร้างเกราะป้องกันขึ้นทันที แต่แล้ว…
วิ้ง
เมื่อลำแสงจางๆ อันมืดมนนั่นสัมผัสโดนเขา มันก็ผสานรวมเป็นหนึ่งกับเขาราวกับเจอบิดาผู้ให้กำเนิด
ยมราช “?”
เขายังไม่ทันตั้งสติได้เลย จิ่วอิงที่ปรากฏขึ้นกลางท้องนภาก็พุ่งเข้ามาหมายจะเขมือบเขา “เจ้าคนชั่ว จับเจ้าได้แล้ว”
จากนั้น… ก็ไม่มีจากนั้นอีก
ท่านยมราชไม่สามารถต้านทานได้ เขาถูกจิ่วอิงโถมใส่จนล้มลงไปกองกับพื้น
ยมบาลหัววัวหัวม้าตะลึงงัน
หรงอี้และพรรคพวกที่ปรากฏตัวตามมาก็ชะงักงัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง… ยมบาลหัววัวหัวม้าก็ตะโกนขึ้นอย่างคนเพิ่งได้สติ “บัดซบ! บัดซบ! รีบปล่อยท่านยมราชของเราเดี๋ยวนี้!”
เทียนตี้ก็ค่อยๆ พูดขึ้นว่า “เข้าใจอะไรผิดหรือไม่”
“จะเข้าใจอะไรผิดไปได้เล่า กลิ่นอายที่อี้เอ๋อร์รวบรวมไว้พุ่งโจมตีเขา และยังผสานรวมกับเขาด้วย คือเขาแน่ๆ ” จิ่วอิงไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่อย่างไร
ต้าซือมิ่งกลับขมวดคิ้วเรียวยาว “ปู่จิ่ว อาจจะเข้าใจผิดจริงๆ ก็ได้ เจ้าลุกขึ้นมาก่อน”
“ใช่แล้ว ท่านนี้เป็นถึงท่านยมราชเชียวนะ” หยวนสื่อเทียนจุนก็เอ่ยขึ้น
จิ่วอิงได้ยินดังนั้นก็ยิ่งคิดว่าไม่ผิดแน่นอน “เช่นนั้นก็ถูกต้องแล้ว ยมราชแห่งยมโลก ผู้บงการ ไม่ผิดแน่นอน”
“ปู่จิ่ว ลุกขึ้นก่อนเถิด” แม้เยี่ยนอวี๋จะไม่ค่อยเชื่อว่าเจี่ยนชิวคือผู้บงการ แต่ยมราชท่านนี้ เกรงว่าเขายังไม่มีความสามารถพอจะทำเช่นนั้น อย่างน้อยก็ไม่มีทางขโมยพลังของสามีของนางไปได้
ครานี้จิ่วอิงยอมเชื่อฟังโดยดี มันลุกขึ้นอย่างว่องไว “ในเมื่อภรรยาอี้เอ๋อร์พูดแล้ว เช่นนั้นปู่จิ่วจะไว้หน้าแล้วกัน” ถึงอย่างไรต้าซือมิ่งก็เชื่อฟังภรรยามาก
ยมบาลหัววัวหัวม้ารีบประคองท่านยมราชของพวกเขาขึ้นมา ฝ่ายหลังรู้สึกเจ็บแขนขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างน้อยใจว่า “เทียนตี้ แม้ข้าน้อยฟ่านเจียงจะมาจากที่เดียวกันกับตระกูลคุนอู๋ในโลกมนุษย์ แต่ข้าน้อยไม่เคยข่มแหงรังแกปฐมราชินีในแดนมนุษย์ เหตุใดข้าน้อยมาตำหนักสวรรค์แล้วต้องมาทนรับความคับข้องใจเช่นนี้ ข้าน้อยไม่ยอม”
“ตระกูลฟ่านแห่งสำนักคุนอู๋?” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าคือบรรพบุรุษของตระกูลฟ่านแห่งสำนักคุนอู๋หรือ”
ยมราชฟ่านเจียงมองไปที่เยี่ยนอวี๋ เห็นนางนอกจากจะมีใบหน้างดงามไร้ที่ติ เทียนตี้ยังนอบน้อมต่อนางมาก ก็รู้ทันทีว่าท่านผู้นี้คือปฐมราชินีเยี่ยนแน่นอน เขาจึงพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว หากปฐมราชินีท่านไม่พอใจก็พูดมาตามตรง หรือไม่ก็ถอนตำแหน่ง หรือทำอย่างอื่นก็ได้ อย่าเล่นลูกไม้น่าอัปยศเช่นนี้เลย”
“แหมๆ ” ซีหวังหมู่เดินขึ้นหน้าจับยมราชฟ่านเจียงขึ้นมา “เจ้าหมอนี่กล้าหาญดีนักนี่”
“ท่านยมราช” ยมบาลหัววัวหัวม้าตื่นตระหนก ประเด็นคือซีหวังหมู่พวกเขาจำได้ รู้ว่าแม้ท่านนี้จะไม่ได้ทำงานในยมโลก แต่ท่านๆ นี้ก็เกี่ยวข้องกับการก่อตั้งยมโลก
เยี่ยนอวี๋กลับพยักหน้า รู้สึกไม่เลวต่อยมราชน้อยผู้นี้ นางหันไปถามสามีว่า “สามี อนุสตินั่นผสานกับยมราช มีความเป็นไปได้อื่นหรือไม่”
ต้าซือมิ่งที่ถูกถามก็พยักหน้า “อาจจะ อย่างเช่นว่าอนุสติของยมราชเคยถูกขโมย ฝ่ายตรงข้ามใช้อนุสติของยมราชในการร่ายมนต์คาถา หากเป็นเช่นนี้ ถือว่าซ่อนไว้ลึกจริงๆ ความสามารถก็ไม่ธรรมดา”
“ฮึ” เทียนตี้ยิ้มหยัน “ผู้ที่สามารถเล่นละครฉากใหญ่เช่นนี้ในตำหนักสวรรค์ได้ หาใช่มีเพียงความสามารถที่ไม่ธรรมดาเท่านั้น เส้นสายก็ต้องไม่ธรรมดา แต่ว่าฟ่านเจียงเจ้าคนตื้นเขินนี้น่าจะทำอะไรไม่ได้ มิเช่นนี้ก็คงไม่ถูกข้าส่งไปยมโลก”
“…” ยมราชฟ่านเจียงที่ได้ยินถึงตรงนี้รู้สึกว่าเทียนตี้กำลังชื่นชมเขา แต่ก็เหมือนกับกำลังตำหนิเขา แต่เขาก็พอจะเข้าใจความเป็นไปแล้ว
เทียนตี้ถามขึ้นว่า “ฟ่านเจียง ผู้ที่สามารถใช้วิชากักวิญญาณในยมโลกคงมีไม่กี่คนใช่หรือไม่”
“มีน้อยจริงๆ ” ฟ่านเจียงที่รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเคร่งเครียด เขาก็ทำสีหน้าจริงจังและพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยเป็นหนึ่งในนั้น ยมบาลหัววัวหัวม้าอีกหนึ่งแล้วก็ยังมีกุ่ยหมู่ เท่านี้”
“กุ่ยหมู่?” เทียนตี้ขมวดคิ้วก่อนจะถามขึ้นอย่างนึกบางอย่างขึ้นได้ “เจี่ยนชิวก็ใช้เป็นหรือ”
“น่าจะเป็น แม้ข้าน้อยไม่เคยเห็นนางใช้วิชา แต่ระยะเวลาที่กุ่ยหมู่อยู่ในยมโลกพอๆ กับข้าน้อย แม้แต่ข้าน้อยยังฝึกจนเป็นได้ กุ่ยหมู่ย่อมเป็นเช่นกัน” ฟ่านเจียงเดา
เทียนตี้หมดคำพูด “เรื่องแบบนี้จะมาบอกว่าน่าจะไม่ได้ ต้องตอบอย่างมั่นใจ”
“เช่นนั้นก็เป็นแน่นอน” ฟ่านเจียงตอบ
เทียนตี้ “…”
นี่ก็ไม่ต่างจากการคาดเดาอยู่ดีไม่ใช่หรือ ไม่เคยเห็นเจี่ยนชิวใช้วิชาก็มั่นใจเช่นนี้แล้ว?
ช่างน่า… เทียนตี้หมดแรงจะเหน็บแนม
เยี่ยนอวี๋เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด เมื่อข้าไปยมโลกแล้วก็ย่อมรู้โดยเร็ว”
“ใช่แล้ว” เทียนตี้ไม่สงสัยแม้แต่น้อย
“ปฐมราชินีจะไปยมโลกของเราหรือ” ฟ่านเจียงรู้สึกคาดไม่ถึง เพราะว่าพลังหยินในยมโลกนั้นรุนแรง พื้นที่ก็ไม่ค่อยดี พลังศักดิ์สิทธิ์ก็ย่ำแย่ เทพทั่วไปไม่ยอมเข้าไป อีกทั้งเท่าที่เขาทราบ ปฐมราชินีไม่เคยไปยมโลกมาก่อนนี่?
ดังนั้น… เห็นทีจะเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ แล้ว ปฐมราชินีจะไปยมโลกของพวกเขาแล้ว
ฟ่านเจียงเพิ่งคิดเสร็จก็ได้ยินเยี่ยนอวี๋ตอบเขาว่า “ใช่แล้ว เจ้าไปพร้อมข้าแล้วกัน”
“หืม? ข้า ได้” ฟ่านเจียงใช้คำสามคำรับรู้ภารกิจที่เขาถูกเรียกมาแดนสวรรค์ ซึ่งก็คือท่องยมโลกกับปฐมราชินีสินะ ภารกิจนี่ใช้ได้ หากปฐมราชินีไม่กลับกลอก
“อาจารย์ ให้ข้าไปพร้อมท่านไหม” เทียนตี้อดถามไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็พูดเสียงเบากับเยี่ยนอวี๋ว่า “เจี่ยนชิวอยู่ยมโลกไม่ใช่หรือ ข้าจะได้ถือโอกาสไปหานาง”
“ทำไม ยังคิดถึงนางหรือ” เยี่ยนอวี๋ย้อนถาม
เทียนตี้ทำหน้าจริงจัง “อาจารย์ สายตาดูสตรีของข้าไม่ค่อยดีนัก หากเป็นไปได้ ท่านช่วยข้าพิจารณาที หากเจี่ยนชิวเหมาะสม ข้าอยากให้นางช่วยข้าดูแลวังหลัง แน่นอนว่า ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่นางเต็มใจ แต่ข้าคิดว่านางน่าจะยินยอม”
เยี่ยนอวี๋เงียบ เทียนตี้จึงพูดต่อไปว่า “ข้าคิดว่านางน่าจะมีความรู้สึกให้ข้าบ้าง อาจารย์บอกนางก็ได้ว่า หากนางยินยอม ต่อไปข้าจะไม่เติมสตรีเข้าวังหลังแล้ว”
“ยังเอาใจใส่ด้วย?” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วอีกครั้ง นางไม่ได้นำสิ่งที่แอนนาน้อยเปิดเผยบอกเทียนตี้พวกเขา ดังนั้นบัดนี้มีเพียงนาง สามีและลูกรู้ว่าเจี่ยนชิวเป็นผู้ต้องสงสัย แต่คนอื่นไม่มีใครคิดถึงเจี่ยนชิว แม้เมื่อครู่นี้ยมราชน้อยจะบอกแล้วว่าเจี่ยนชิวก็รู้วิชากักวิญญาณ
หยวนสื่อเทียนจุนก็นึกไม่ถึง เขากำลังครุ่นคิดว่ายมราชฟ่านเจียงถูกใช้หรือไม่
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเทียนตี้ผู้ซึ่งทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรีคนนี้ ดังนั้นเขาย่อมตอบอย่างเป็นธรรมชาติว่า “จะว่าไปแล้ว อันที่จริงข้าก็ชอบนางที่ชนะซีเหอ แต่นี่ก็ต้องขึ้นอยู่กับนาง หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราไม่ฝืนใจกัน”
“ดี” เยี่ยนอวี๋วางใจลงเล็กน้อย นางกลัวว่าเทียนตี้ที่ดูเหมือนจะไม่เอาถ่านในเรื่องความรักชายหญิง กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเจี่ยนชิว เรื่องอาจจะซับซ้อนขึ้นก็เป็นได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เยี่ยนอวี๋กลับรู้สึกว่า นิสัยของเทียนตี้ก็ไม่เลวนัก…
เยี่ยนอวี๋ที่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี นางก็สั่งซีหวังหมู่ว่า “ซีซี ไปพาพี่ใหญ่ หลิวเฟิงและเอ้อร์เหมามา เราจะไปยมโลกตอนนี้”
“แล้วกู้จื่อเฟิงเล่า อย่าหาว่าข้าพูดมากเลย เจ้าหมอนี่รอบคอบและขี้ระแวง หากนายท่านไม่พาเขาไปด้วย ข้าแนะนำให้ฆ่าเขาก่อน ไม่เช่นนั้นต้องเล่นลูกไม้อะไรอีกแน่” ซีหวังหมู่พูดอย่างตรงไปตรงมา
“เจ้านี่ร้ายไม่เบา” จิ่วอิงอดกล่าวขึ้นไม่ได้
ซีหวังหมู่ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง
“พาไปด้วย” เยี่ยนอวี๋กลับเอ่ยขึ้น “คนที่เหลือหากอยากจะตามก็ตามไปได้”
“ได้เลย” ซีหวังหมู่ไปจัดการทันที
หยวนสื่อเทียนจุนอยากขอตามไปด้วย ทว่าต้าซือมิ่งกลับมอบหมายภารกิจอันหนักอึ้งให้เขา “เทียนจุน พื้นที่บริเวณทะเลสาบสือซ่าไห่ต้องรบกวนเจ้าช่วยเราเฝ้าแล้ว”
“ทะเลสาบสือซ่าไห่?” เหยวนสื่อเทียนจุนไม่คิดว่าพื้นที่ตรงนี้มีปัญหา แต่เขาก็ตอบว่า “ได้”
เมื่อเป็นเช่นนี้… เดิมทีเทียนตี้คิดว่าตนเองจะตามไปด้วยได้ แต่แล้ว… ขณะที่เยี่ยนอวี๋กำลังเลือกคนที่จะเคลื่อนย้ายไปกลับไม่ได้พาเทียนตี้ไปด้วย
เทียนตี้มองคนรอบตัวจากไปต่อหน้าต่อตาเขา เหลือเพียงเขาและหยวนสื่อเทียนจุน เขางุนงง “อาจารย์ไม่พาข้าไปด้วย?”
“เรื่องวังกว่านเหอตรวจสอบเรียบร้อยแล้วหรือ” หยวนสื่อเทียนจุนย้อนถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“กำลังตรวจสอบอยู่ตลอดนี่ ข้าแวบไปหาเดี๋ยวเดียวก็กลับมาก็ได้นี่นา” เทียนตี้ไม่อยากอยู่ยมโลกนาน แค่อยากไปเจอเพื่อนเก่าเท่านั้น
หยวนสื่อเทียนจุนจะไม่รู้ความคิดเขาได้อย่างไร เขากลับจักรวาลดั้งเดิมโดยไม่สนใจเทียนตี้แล้ว เหลือเพียงเทียนตี้ยืนคอตกเพียงผู้เดียว
ในขณะเดียวกัน… เยี่ยนอวี๋ก็พาทุกคนปรากฏตัวขึ้นหน้าตำหนักกุ่ยหมู่แล้ว
ไม่ใช่วังยมราช แต่เป็นตำหนักกุ่ยหมู่ ทำเอากุ่ยหมู่เจี่ยนชิวที่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องบรรทมตกตะลึง นางคิดไม่ถึงว่าเมื่อเยี่ยนอวี๋มาถึงยมโลกแล้วจะมาหานางที่นี่เป็นที่แรก รวดเร็วเช่นนี้เลยหรือ
ยมราชฟ่านเจียงยังตะโกนเรียก “กุ่ยหมู่ ยังไม่รีบออกมาต้อนรับปฐมราชินีอีก”