ตอนที่ 647 ล้วนเป็นตัวละครที่โหดเหี้ยมในสายเลือดเดียวกัน!
กู้จื่อเฟิงเตือนอย่างเฉียบไวว่า “มิติปริภูมิของแดนมืดวิญญาณอสูรอ่อนแอเกินไป รับพลังของกระบี่เทวาอัสดงไม่ไหว”
“เช่นนั้นต้าซือมิ่ง…” อินหลิวเฟิงมองต้าซือมิ่ง กลับพบว่าท่านเสี่ยวเป่าท่านนั้นของเขาไม่ธรรมดา เพราะดอกไม้ของเขากำลังบาน!
ปิ๊ง…
เจ้าตัวน้อยที่มีดอกไม้สีม่วงมากมายบานออกมาจากร่างกายน้อยๆ ของเขา เขาปกป้องท่านพ่อรูปงามของเขาไว้อย่างดี ไม่ได้ทำให้ท่านพ่อได้รับผลกระทบจากการแตกร้าวของแดนมืดวิญญาณอสูร
“อุ๊ย!” อินหลิวเฟิงดีใจ “ท่านเสี่ยวเป่าเก่งจริงๆ”
“นายน้อยย่อมไม่ธรรมดา” เทพอัสนีฉีกยิ้มกว้าง
ทว่าเจี่ยนชิวจำเป็นต้องเตือนขึ้นว่า “แต่เมื่อแดนมืดพังทลายลงสิ้นเชิงก็ยังคงส่งผลกระทบต่อจวินโฮ่วหรงอยู่ดีมิใช่หรือ”
“…” ทุกคนรู้สึกสลดกับคำเตือนของเจี่ยนชิว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถคัดค้านได้ ได้แต่เงียบรอฟังผล
ทว่าทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เจี่ยนชิวเตือนคือต้นตอของปัญหา หากไม่สามารถขัดขวางการแตกร้าวของแดนมืดได้ ก็ไม่สามารถทำให้สภาพของต้าซือมิ่งเสถียรได้
ที่สำคัญคือ สามจิตของจางอวิ๋นเมิ่งฟื้นฟูจนถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด จะหยุดลงไม่ได้ มิเช่นนั้นทุกอย่างที่ทำไปจะเสียเปล่า
“ตอนนั้นน่าจะให้เทียนตี้ตามมาด้วย” จู่ๆ เทพอัสนีก็คิดถึงความดีของเทียนตี้ อย่างน้อยเขาก็มีตบะสูง! หากเขาอยู่ที่นี่ย่อมช่วยนายท่านได้
ทว่าเยี่ยนจื่อเยี่ยกลับเอ่ยปากขึ้นในครานี้ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ฝากท่านแม่ไว้กับข้าเอง เจ้าไปซ่อมแซมมิติแห่งนี้ คงเสถียรสภาพของน้องเขยไว้เถอะ”
เยี่ยนอวี๋ที่เป็นห่วงสามีจริงๆ ก็มองไปที่พี่ใหญ่ของนาง ไม่ได้พูดอะไร
ซู่!
รอบกายเยี่ยนจื่อเยี่ยกลับค่อยๆ มีไม้โบราณอู๋ถงงอกออกมา มันเปี่ยมล้นไปด้วยชีวิต แสงไฟโชติช่วง!
“นี่คือ…” อินหลิวเฟิงชะงักเล็กน้อย
“นี่คือไม้โบราณอู๋ถงที่แท้จริง สัมผัสจากกลิ่นอายแล้วน่าจะมีอายุถึงสิบล้านปี” กู้จื่อเฟิง ‘เติมคำในช่องว่าง’ ให้คำพูดของนายน้อยอิน “พี่ใหญ่เยี่ยนมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา สามารถสร้างต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สมบูรณ์จากการถูกพลังมารกัดกร่อน ซึ่งถูกทำลายล้างไปนานแล้วในมหาสงครามเทพและมารกลับมาได้”
“ต้นอู๋ถงโบราณต้นนั้นที่อยู่ในภูเขาปู้โจวซานจริงๆ ด้วย! มันเฉาตายไปนานแล้วมิใช่หรือ” ซีหวังหมู่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพี่ใหญ่ตระกูลเยี่ยนจะมีประโยชน์ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้!
มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของภูเขาปู้โจวอยู่สามารถสร้างความเสถียรให้กับวิญญาณของจางอวิ๋นเมิ่งได้โดยที่เยี่ยนอวี๋ไม่ต้องแทรกแซง มิหนำซ้ำ สายเลือดหงส์เฟิ่งหวงที่มีอยู่ในตัวของจางอวิ๋นเมิ่ง สำหรับนางแล้ว ไม้ศักดิ์สิทธิ์อู๋ถงมีผลในการหล่อเลี้ยงพลังจิตวิญญาณที่ทรงพลังกว่า
ดังนั้นการที่เยี่ยนจื่อเยี่ยรับช่วงต่อก็ไม่ได้แย่ไปกว่าการรักษาต่อไปของเยี่ยนอวี๋ ถึงอย่างไรสามจิตของจางอวิ๋นเมิ่งในบัดนี้ก็รวมตัวกันแล้ว เพียงแค่ยังไม่เสถียร สลายไปได้ทุกเมื่อ จำเป็นต้องหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ
ทว่าเยี่ยนอวี๋คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ความฝันอู๋ถงในปู้โจวซานที่นางมอบให้พี่ใหญ่จะทำให้พี่ใหญ่ของนางชุบชีวิตไม้ศักดิ์สิทธิ์คืนในความฝันได้
โอกาสเช่นนี้… เป็นสิ่งที่แม้แต่เยี่ยนอวี๋ก็ยังคาดไม่ถึงเมื่อครั้นมอบความฝันให้ ทว่าเยี่ยนจื่อยังกลับยังไม่ใช่แค่ฟื้นคืนชีพไม้อู๋ถงเท่านั้น!
วี้ด!
บนต้นไม้อู๋ถงยังปรากฏเสียงหงส์ร้อง
นกเฟิ่งหวงขนาดใหญ่ที่มีกลิ่นอายแก่กล้า ลำตัวสีดำล้วนก็ปรากฏตัวออกมา
“นี่มัน…”
เอ้อร์เหมาตะลึงงัน บ่งบอกว่าตนเองไม่มีความรู้ ไม่เคยพบเจอนกเฟิ่งหวงที่มีขนสีดำมาก่อน
“หงส์ผี!”
ยมราชฟ่านเจียงจำหงส์ผีในตำนานได้จากดวงตาสีเขียวเข้มราวกับวิญญาณคู่นั้นของหงส์สีดำได้! มันเป็นสัตว์ปีกดุร้ายในตระกูลหงส์องค์หนึ่งที่หลังจากตายไปแล้วเข้าสู่วิถีมารและฝึกบำเพ็ญด้วยตนเองจนกลายเป็นครึ่งเทพครึ่งผี
ทว่าสิ่งมีชีวิตองค์นี้ก็ตายจากไปในภูเขาปู้โจวซานไปแล้วนี่ ไม่คิดว่า… จะถูกพี่ใหญ่ตระกูลเยี่ยนชุบชีวิตด้วย แม้การฟื้นคืนชีพเช่นนี้จะมีชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยเขา แต่พวกมันก็กลับมาจริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่ร่างวิญญาณ
“มารดามันเถอะ!” อินหลิวเฟิงอดพ่นคำหยาบออกมาไม่ได้ “เชื้อสายเยี่ยนนี่มันโหดจริงๆ! ดูพวกเขาสิ คิดจะไม่ไว้ชีวิตสักคนเลยหรือ!”
“ทำให้รู้สึกต่ำต้อย…” เอ้อร์เหมาเองก็รู้สึกสะเทือนใจ ต้องรู้ว่าเดิมทีความสามารถเขาก็ไม่ได้ต่างจากพี่ใหญ่เยี่ยนเท่าไร แต่ตอนนี้เล่า ห่างกันเป็นพันล้านลี้!
แน่นอนว่าผู้ที่กระทบกระเทือนมากที่สุดคือเจี่ยนชิว นางถึงกับมีควันออกจากทวารทั้งเจ็ดแล้ว ถึงอย่างไรเยี่ยนอวี๋ในครานี้ก็ถอนตัวออกมาให้พี่ใหญ่ดูแลท่านแม่ต่อ จากนั้นนางก็แผ่ซ่านแสงหลากสีออกมาส่งเข้าไปในมิติที่แตกร้าวโดยรอบ
ด้วยความสามารถของเยี่ยนอวี๋ รอยแตกร้าวเล็กๆ น้อยๆ ของแดนมืดย่อมสามารถซ่อมแซมกลับมาได้อย่างสมบูรณ์
บัดนี้ นางเป็นถึงผู้ดำรงอยู่ที่สามารถรักษาสวรรค์เก้าชั้นฟ้า แอตแลนและจักรวาลทางเหนือได้พร้อมกัน ดังนั้น…
เจี่ยนชิวเห็นในทันทีว่า กฎระเบียบที่สั่นคลอนของแดนมืดได้รับการแก้ไขโดยเยี่ยนอวี๋แล้ว
ใช่แล้ว! แก้ไข!
ไม่ว่าเจ้าจะอ่อนแอเช่นไร ถึงอย่างไรหากปฐมราชินีไม่อนุญาตให้เจ้าทลาย เจ้าก็ห้ามทลาย! ต้องฟื้นกลับมาให้หมด
“…”
เจี่ยนชิวคอยแบกรับความสุขและความทุกข์สุดโต่งมากเกินไป ทำให้นางอยากจะอาเจียนเลือดออกมาอีกครั้ง แต่นางจะอาเจียนเลือดไม่ได้อีกแล้ว เพราะเทพอัสนีป้อนโอสถชั้นดีให้นางแล้ว เพียงพอที่จะรักษาอาการบาดเจ็บจากการถูกโลกีโจมตี ดังนั้นหากนางอาเจียนเลือดออกมาในยามนี้ก็ดูจะกะทันหันเกินไป และความลับจะแตกเอาเสียด้วย ดังนั้นนางต้องฝืนกลืนเลือดที่กระอักขึ้นมาลงไป การกลืนเลือดลงไปเช่นนี้สร้างความเสียหายยิ่งกว่าการอาเจียนออกมา สีหน้าของเจี่ยนชิวจึงซีดลงกว่าเดิม ลมหายใจก็อ่อนแรงลง
“…”
กู้จื่อเฟิงที่เหลือบมองเจี่ยนชิวก็ใช้หางตา ‘มอง’ กุ่ยหมู่เป็นครั้งที่สองแล้ว
เยี่ยนจื่อเยี่ยในครานี้ เขาก็หล่อเลี้ยงวิญญาณของท่านแม่ของเขาได้อย่างราบรื่น ภายใต้การเลี้ยงดูด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา เห็นได้ชัดว่าร่างวิญญาณชัดเจนขึ้นกว่าเดิม แม้กระทั่งสีหน้าก็ไม่ซีดเซียวเช่นนั้นแล้ว
“พี่ใหญ่เยี่ยนใช้ได้เลยนี่!” อินหลิวเฟิงจำเป็นต้องพูดขึ้นว่า “มิน่ากูไหน่ไนจึงพาพี่ใหญ่มาด้วย มีเพียงพี่ใหญ่ที่ช่วยได้จริงๆ ใช้ได้ยิ่งกว่าเทียนตี้เสียอีก”
“คนเรามีความเชี่ยวชาญคนละอย่าง” กู้จื่อเฟิงกล่าว “เปรียบเทียบกันไม่ได้ จุดเด่นของพี่ใหญ่เยี่ยนคือพลังตรงกับต้นกำเนิดชีวิตของมารดาของเขา อีกทั้งทั้งสองมีสายเลือดเดียวกัน ย่อมเป็นสิ่งที่มิอาจเปรียบเทียบกับเทียนตี้ได้ แต่หากพูดถึงแง่กฎระเบียบของมิติ พี่ใหญ่เยี่ยนย่อมมิอาจทำได้”
“ข้ารู้! ข้าอยากจะรู้สึกซาบซึ้งใจหน่อยไม่ได้หรือ” อินหลิวเฟิงบอกว่าตนเองไม่ได้โง่จริงๆ เสียหน่อย
กู้จื่อเฟิงกลับยิ้มหยัน “ฮึ ข้าว่าเจ้าไม่รู้จริงๆ”
อินหลิวเฟิงรู้สึกว่า ‘ชุนซิ่นจวิน’ คนนี้ชอบประชดประชัน ต้องเป็นเพราะว่าคำพูดของลูกน้องจอมทึ่มนั่นจึงคิดแค้นเขาแน่ๆ! อย่างที่ว่าเหตุใดเขาถึงต้องมีลูกน้องที่นำพาความเกลียดชังมาให้เขานะ น่าโมโหจริงๆ!
“เนะ!”
ขณะที่อินหลิวเฟิงคับข้องใจ เสียงน่ารักน่าชังของเด็กน้อยก็ดังขึ้นอย่างมีความสุข เพราะว่า…