ตอนที่ 653 รุมโจมตีกุ่ยหมู่! อย่าคิดจะหนี!
“?!”
ซีหวังหมู่งงเป็นไก่ตาแตก ทว่าขณะที่มันตั้งสติกลับมาได้ ยังคิดว่านายน้อยของพวกมันแค่หนีไปแอบเฉยๆ ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น อีกสักพักคงปรากฏตัวใกล้ๆ
แต่ว่าเรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้น เด็กน้อยหายตัวไปจริงๆ
“นายน้อย!?”
ซีหวังหมู่ตะโกนเรียกอย่างไม่อยากจะเชื่อ มันรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ นายน้อยซ่อนตัวเพราะไม่อยากให้มันจับได้หรือไม่นะ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซีหวังหมู่ก็ตะโกนเรียก “นายน้อย ท่านรีบออกมาเถอะ อย่าทำให้ซีซีตกใจเลย! ซีซีหาท่านไม่เจอ รีบออกมาเถอะ!”
ทว่าเด็กน้อยกลับไม่ได้ปรากฏตัว…
สายตาและท่าทีของซีหวังหมู่เปลี่ยนไปทันที “นายน้อย!”
เยี่ยนอวี๋ที่ได้ยินเสียง นางก็ถอนตัวมาทางนี้ทันที ทว่าจางอวิ๋นเมิ่งยังคงรักษาต่อไป เยี่ยนจื่อเยี่ยคุมสติ ช่วยจับตามองแทนน้องสาว แม้เขาเองก็เป็นห่วงเด็กน้อยมากก็ตาม
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางก็กลับมาถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ” นางรู้สึกได้ว่าเด็กน้อยหายไปจริงๆ สถานการณ์เช่นนี้ไม่ต่างจากตอนที่เด็กน้อยเพิ่งใช้พลังวิเศษหนีไปกลางอากาศครั้งแรก แต่หลังจากที่เด็กน้อยถูกนางตำหนิก็ไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ดังกล่าวตามใจตนเองอีก อีกทั้งเด็กน้อยรู้แล้วว่าต้องแสดงอิทธิฤทธิ์นี้อย่างไร มิเช่นนั้นครั้งที่แล้วเขาก็คงไม่ให้ความร่วมมือกับท่านพ่อเขาเช่นนี้
นี่คือสิ่งที่เยี่ยนอวี๋เคยยืนยันกับต้าซือมิ่งแล้ว แต่ว่า… เด็กน้อยยังคงหายไป!?
เยี่ยนอวี๋ที่ไม่สามารถรับรู้ถึงเด็กน้อยได้ นางมองไปที่ต้าซือมิ่งด้วยสัญชาติญาณกลับพบว่าเขาขมวดคิ้วเรียวยาวเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่สามารถรับรู้ถึงเด็กน้อยได้ว่าอยู่ที่ใด
เยี่ยนอวี๋ตระหนก “สามี เสี่ยวเป่า…”
“ชู่” ต้าซือมิ่งที่ยื่นมือไปดึงภรรยามาข้างกาย เขาลูบมืองดงามของภรรยาเป็นการปลอบประโลม อันที่จริงอนุสติของเขาไล่ตามเด็กน้อยไปทันทีที่เด็กน้อยหายไปแล้ว
ต้าซือมิ่งสัมผัสได้ถึงการหายตัวของเด็กน้อยต่างจากซีหวังหมู่ เขารู้ว่าเด็กน้อยไม่ได้แผลงอิทธิฤทธิ์หายตัวไปเอง แต่ถูกอิทธิฤทธิ์ภายนอกลักพาตัวไปด้วยความรวดเร็วและชั่วร้ายมาก ยังทำให้เขาไม่สามารถจับได้ว่าไปที่ใดในตอนแรก
ทว่า… กู้จื่อเฟิงในครานี้ เขายืนข้างหน้ากุ่ยหมู่เจี่ยนชิวและเปิดโปงนางว่า “เจ้าสินะ”
เพียงแค่ประโยคๆ เดียวก็ทำให้สายตาของทุกคนมองไปที่เจี่ยนชิว
แม้แต่จางอวิ๋นเมิ่งที่ยังไม่เคยปริปากซึ่งกำลังช่วยเอ้อร์เหมาและเยี่ยนจื่อเยี่ย รวมถึงอินหลิวเฟิงที่เป็นห่วงเอ้อร์เหมา พวกเขาต่างมองมาทางนี้แล้ว โดยเฉพาะอินหลิวเฟิง หลังจากที่เขามั่นใจแล้วว่าเอ้อร์เหมาไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายกู้จื่อเฟิงแล้ว “กู้จื่อเฟิง เจ้าพบอะไรหรือ”
กู้จื่อเฟิงที่เขยิบไปด้านข้างสองก้าว รักษาระยะห่างกับอินหลิวเฟิงด้วยสัญชาติญาณ เขาก็พูดขึ้นว่า “ตั้งแต่ที่มารดาของปฐมราชินีเยี่ยนปรากฎกลางอากาศ ข้าก็รู้สึกได้ว่านางปล่อยตัวอะไรบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อของนาง”
“ยมทูตดำ?” ยมราชถามขึ้น ถึงอย่างไรยมทูตขาวดำก็อยู่ใต้อาณัติของกุ่ยหมู่ ซึ่งเป็นงูศักดิ์สิทธิ์สองตัว และเป็นอสูรคู่หูของกุ่ยหมู่ด้วย
“ไม่แน่ใจ มันเกิดขึ้นเร็วมาก” กู้จื่อเฟิงกล่าว
เจี่ยนชิวยิ้ม “ท่านจะมาแก้แค้นตอนนี้เพราะก่อนหน้านี้ข้าบอกว่าท่านชอบปฐมราชินีเยี่ยนไม่ได้ ข้าไม่เคยปล่อยยมทูตดำออกมาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้”
“เช่นนั้นเจ้าเรียกยมทูตดำออกมาทีสิ” อินหลิวเฟิงพูดตรงไปตรงมา
เจี่ยนชิวกลับปฏิเสธ “เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ข้าเรียกออกมาแล้วข้าต้องทำตาม”
“เช่นนั้นข้าสั่งเอง” เยี่ยนอวี๋เอ่ย
เจี่ยนชิวได้ยินดังนั้นก็มองไปที่เยี่ยนอวี๋อย่างตะลึงงันทันที “นายท่าน?”
แม้ซีหวังหมู่จะไม่คิดว่าเจี่ยนชิวจะข้องเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายน้อย อีกทั้งนางก็ไม่ได้รู้สึกดีกับกู้จื่อเฟิง แต่มันยังคงพูดว่า “เจี่ยนชิว เจ้าก็แค่ปล่อยยมทูตดำออกมา ทุกคนจะได้รู้ว่าไม่ใช่เจ้า เหตุใดไม่ปล่อยออกมาให้จบๆ เล่า”
“เจ้าก็สงสัยข้าหรือ” เจี่ยนชิวพูดด้วยน้ำเสียงขอความเห็นใจ “หลายหมื่นปีก่อน เราร่วมกันสู้ในสงครามเทพและมาร! ข้าในครานั้นยังแอบเข้าไปแดนมืดเพื่อช่วยเทียนตี้โดยไม่คิดถึงชีวิต นี่เพิ่งจะผ่านไปกี่ปี พวกเจ้าก็เริ่มสงสัยในตัวข้าแล้ว”
“ไม่ใช่…” ซีหวังหมู่ปวดศีรษะทันที มันคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนชิวจะอ่อนไหวเช่นนี้ ก็แค่ปล่อยงูออกมาไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเสียหน่อย
ถึงอย่างไรเทพอัสนีก็พูดแล้วว่า “เจี่ยนชิว เจ้าไปไกลแล้ว เราไม่รู้ว่านายน้อยเป็นอย่างไร กู้จื่อเฟิงสงสัยในตัวเจ้า เจ้าก็แค่ปล่อยยมทูตดำออกมา ความสงสัยทั้งหมดในตัวเจ้าย่อมหายไปเอง เหตุใดต้องอ่อนไหวเช่นนี้ด้วย”
“นี่เรียกว่าอ่อนไหวหรือ นี่คือการสงสัยในตัวข้า! ข้าเจี่ยนชิวรู้สึกผิดหวังนัก!” เจี่ยนชิวพูดอย่างเฉียบขาด จู่ๆก็น้ำตาไหล “ช่างเถอะ ถึงอย่างไรมหาสงครามเทพและมารก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ข้าไม่ใช่เทพแห่งสายฝนเจี่ยนชิวในครานั้นแล้ว แต่เป็นกุ่ยหมู่ที่เศร้าหมอง”
อินหลิวเฟิงได้ยิน ‘คำประกาศ’ อันเสแสร้งเช่นนี้ก็มั่นใจว่ากู้จื่อเฟิงไม่ได้ยิงธนูโดยไร้เป้า เขาเอ่ยตำหนิทันทีว่า “ก็แค่ให้เจ้าปล่อยงูตัวหนึ่งออกมา เจ้าพล่ามมากมายเช่นนี้ทำไม เป็นโจรแล้วรู้สึกผิดหรือ เจ้าปล่อยไปแล้วจริงๆ!?”
เพียงแต่ว่า… อินหลิวเฟิงเพิ่งพูดจบ
ฟ่อ!
งูสีดำตัวหนึ่งแลบลิ้นออกมาหมายจะฉกเขา!
“ระวัง!”
กู้จื่อเฟิงจะดึงเขาออกไป เขารู้ว่าอินหลิวเฟิงเจ้าทึ่มคนนี้คงไม่รู้ตัวว่าในสายเลือดของตนมีศักยภาพที่แข็งแกร่งมากเพียงใด อาจจะถูกกัดได้จริงๆ
แต่แล้ว… อินหลิวเฟิงไปแอบข้างหลังเขาแล้ว “มารดามันเถอะ! ข้าตกใจหมด! นี่มันตัวอะไรกัน”
กู้จื่อเฟิง “…”
เจ้าหมอนี่มีศักยภาพไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างน้อยก็หนีเร็วไร้เทียมทาน
“นี่ก็คือยมทูตดำ” ยมราชจำเป็นต้องพูดขึ้นว่า “เห็นทีจะเข้าใจกุ่ยหมู่ผิดแล้ว”
เจี่ยนชิวเชิดศีรษะขึ้นเล็กน้อยอย่างหัวรั้นมองไปที่เยี่ยนอวี๋ “ไม่ทราบว่านายท่านยังมีคำสั่งอื่นใดอีกหรือไม่เพคะ”
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วมองไปที่ชายข้างกายอีกครั้ง
เจี่ยนชิวกลับพูดขึ้นต่อว่า “หากไม่มีแล้ว เช่นนั้นข้าน้อยขออำลา จะได้ไม่ถูกสงสัยหากเกิดอะไรขึ้นอีก”
“ไม่ได้” กู้จื่อเฟิงแสดงความเห็นอย่างสงบ “ข้าน้อยไม่ได้พูดว่าสิ่งที่ออกไปจากตัวท่านต้องเป็นยมทูตดำ ข้าน้อยแค่บอกว่าท่านปล่อยตัวอะไรบางอย่างออกมา แต่จะเป็นตัวอะไร ข้าน้อยก็ไม่แน่ใจ แน่นอนว่า ท่านอาจจะถือโอกาสเก็บมันกลับไปตอนที่ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่มารดาเยี่ยนและเอ้อร์เหมาหรือไม่ไม่ทราบ เมื่อครู่นี้ข้าน้อยละสายตาไปเพราะเอ้อร์เหมา ไม่ทันจับตามองท่าน”
“พูดได้ดี!” อินหลิวเฟิงปรบมือ บัดนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่ากุ่ยหมู่คนนี้ช่างเสแสร้ง “หากกุ่ยหมู่จากไปตอนนี้ ข้าจะยิ่งสงสัยว่าเจ้าจะไปจัดการธุระที่เหลือให้เสร็จ ไม่แน่ว่าท่านเสี่ยวเป่าอยู่กับเจ้าก็ได้!”
และความเป็นจริงคือ…