ตอนที่ 654 หาเป่าเจอ! วิญญาณชั่วร้ายแว้งกัด!
เจี่ยนชิวที่โดนทายถูกใจสั่น! แต่ใบหน้านางกลับยิ้มอย่างเย็นชา “ทำไมรึ ตอนนี้คิดจะค้นตัวด้วยหรืออย่างไร”
อินหลิวเฟิงไม่ทันตอบ… เจี่ยนชิวก็มองไปที่เยี่ยนอวี๋ “นายท่าน จะค้นตัวหม่อมฉันจริงๆ ใช่หรือไม่?!”
“บัดซบ!” ซีหวังหมู่ไม่พอใจ “เจี่ยนชิว! ระวังคำพูดของเจ้าด้วย ขอพูดอะไรไม่น่าฟังหน่อยเถอะ! หากนายท่านต้องการให้เจ้าตาย แม้เจ้าจะถูกใส่ร้าย เจ้าก็ต้องตายโดยไร้ข้อโต้แย้ง!”
“ใช่แล้ว!” เทพอัสนีก็พูดขึ้น “นายท่านคือมารดาดวงวิญญาณของสรรพสิ่ง หากไม่มีนางก็จะไม่มีโลกใบนี้และไม่มีเจ้า เจี่ยนชิว! ตอนนี้นายน้อยหายไป เราก็แค่ขอความร่วมมือจากเจ้า เจ้ากลับพูดมากเช่นนี้ ถึงแม้เจ้าจะถูกใส่ร้ายจริงๆ แต่ท่าทีประหลาดที่เจ้ามีต่อนายท่านก็สมควรถูกลงโทษ เทียนตี้ยอมตามใจเจ้า แต่พวกข้าไม่ตามใจเจ้าหรอกนะ ทำราวกับว่าเราทำให้เจ้าน่าเวทนามากอย่างไรอย่างนั้น”
“ข้า…” เจี่ยนชิวหายใจถี่และรัว ที่นางพูดไปมากมายเช่นนี้ อันที่จริงจุดประสงค์เดิมคือเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจของเทพโบราณเช่นซีหวังหมู่และเทพอัสนี นอกจากนี้ นางก็กำลังย้ำเตือนทุกคนในเหตุการณ์ว่าตัวนางเจี่ยนชิวมีคุณูปการต่อสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเพื่อทำให้เยี่ยนอวี๋ไม่สามารถทำอะไรนางได้โดยไม่มีหลักฐาน
ทว่าน่าเสียดาย ซีหวังหมู่และเทพอัสนีไม่ได้เล่นด้วย ในฐานะที่เป็นผู้ปกป้องสุดยอดของเยี่ยนอวี๋ ท่าทีที่เหล่าขุนเขาและท้องทะเลมีต่อเยี่ยนอวี๋คือ… ไม่ว่านายท่านทำอะไรล้วนถูกต้อง! ผู้ใดต่อต้าน ผู้นั้นย่อมผิด!
หากไม่ใช่เช่นนี้ เทียนโฮ่วก็คงไม่ฆ่าล้างบางเหล่าขุนเขาและท้องทะเล ราชวงศ์แอตแลนก็คงไม่ลงมือกับเหล่าขุนเขาและท้องทะเลก่อนเพราะว่าพวกเขารู้ว่าเหล่าขุนเขาและท้องทะเลคืออุจจาระเหม็นของสุนัขที่ไม่สามารถจัดการได้ง่ายๆ
เจี่ยนชิวกลับคิดว่าในเมื่อเคยเป็นผู้ร่วมศึกสงครามของพวกมันก็ต้องเปลี่ยนแปลงท่าทีของพวกมันได้ แต่นางกลับคิดผิดมหันต์อย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้น… ซีหวังหมู่พูดแทรกขึ้นระหว่างที่เจี่ยนชิวโมโหอ้ำอึ้ง “ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ตอนนี้แม้ข้าซีหวังหมู่แต่เดิมจะไม่สงสัยเจ้า ตอนนี้ก็ต้องสงสัยแล้ว เจ้าไม่ใช่เจี่ยนชิวที่เรารู้จัก”
เทพอัสนีขอคำชี้แนะว่า “นายท่าน ข้าน้อยคิดว่าข้อเสนอค้นตัวไม่เลว”
“พวกเจ้า…” เจี่ยนชิวคิดไม่ถึงเลยว่า คำพูดที่นางคิดจะปกป้องตนเองกลับทำให้ซีหวังหมู่และเทพอัสนีโกรธเคือง พวกมันทั้งสองยังกัดนางไม่ปล่อยอีกด้วย
นี่คงเป็นตัวอย่างของการเล่นละครเกินจริงแล้ว…
อินหลิวเฟิงคิดไม่ถึงว่าซีหวังหมู่และเทพอัสนีอสูรเทพผู้เที่ยงธรรมทั้งสององค์นี้จะทะเลาะกับกุ่ยหมู่ ต่างจากท่าทีก่อนหน้านี้ที่ช่วยพูดแทนนางราวฟ้ากับดิน
นี่มัน… บทจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเร็วเกินไปแล้ว! เฮ้อ สุดยอดไปเลย!
ถึงอย่างไรตอนนี้อินหลิวเฟิงก็รู้สึกว่ากุ่ยหมู่คนนี้มีไม่ชอบมาพากล ไม่เช่นนั้นจะร้อนตัวเช่นนั้นทำไม
เจี่ยนชิวในครานี้กลับตั้งสติกลับมาและรู้ตัวว่าตนเองร้อนรนไปเล็กน้อย นางคุกเข่าลงหน้าเยี่ยนอวี๋พูดน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ขอโทษเพคะ นายท่าน หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉัน… หม่อมฉันมีความแค้นจริงๆ แต่ไม่กล้าระบายกับอดีตเทียนโฮ่ว แต่กลับ… แต่กลับทำตัวเหลวไหลต่อหน้าท่าน ความผิดหม่อมฉันเอง หม่อมฉันก็แค่… ก็แค่ทนความคับข้องใจไม่ได้ ท่านคือนายท่านของเราเชียวนะ”
คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเจี่ยนชิวกลับเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของนางและยังอธิบายได้ว่าเหตุใดนางจึงร้อนตัวเช่นนี้ ถึงอย่างไรตอนที่เทียนโฮ่วปกครองสวรรค์เก้าชั้นฟ้า นางก็ทนทุกข์มามากจนจำเป็นต้องมายังยมโลก ไม่เพียงเท่านี้… เจี่ยนชิวที่ร้องไห้พลางเช็ดน้ำตา ยัง ‘เผลอ’ เปิดผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นบาดแผลส่วนหนึ่งที่น่ากลัวด้วย
ยมราชตกใจทันทีเพราะว่าบาดแผลนั่นทั้งน่ากลัวและน่าขยะแขยงจริงๆ ทำให้แม้แต่ยมราชเช่นเขาที่เห็นความอัปลักษณ์น่าขยะแขยงมานักต่อนักยังรู้สึกเหมือนกำลังเห็นหน้ากุ่ยหมู่ที่เต็มไปด้วยสัตว์เลื้อยคลานยั้วเยี้ยเต็มหน้า
บรื๋อ! น่าขนลุกขนพอง!
กุ่ยหมู่ปิดผ้าคลุมหน้าไว้อย่างทำตัวไม่ถูกและยังปล่อยโฮออกมา
เยี่ยนอวี๋อดขมวดคิ้วเพราะรู้สึกรำคาญใจไม่ได้ นางไม่อาจแยกแยะได้ว่าคำพูดของเจี่ยนชิวปนความเท็จหรือไม่ นี่หมายความว่า เจี่ยนชิวอาจจะพูดความจริง หรือไม่ก็… ล้ำลึกจนมิอาจคาดเดาได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นางก็ไม่ให้กุ่ยหมู่ไปแน่นอน เสี่ยวเป่า…
เยี่ยนอวี๋ที่เดิมทีร้อนรนใจแทบแผดเผา หากไม่ใช่เพราะต้าซือมิ่งจับมือนางปลอบประโลมตลอดเวลา นางคงค้นตัวเจี่ยนชิวไปนานแล้ว กระทั่งค้นวิญญาณนางด้วย
ถึงอย่างไร ตอนนี้คนที่เกิดเรื่องในครานี้คือเสี่ยวเป่าผู้น่ารักน่าชังของนาง เป็นสมบัติที่หลุดออกมาจากตัวนาง เป็นเด็กน้อยที่ไม่เคยจากนางไปไหน
ทว่าต้าซือมิ่งในครานี้ เขา ‘ติดต่อ’ เด็กน้อยได้แล้ว
และในขณะนี้… เจ้าตัวน้อยที่หายไป อันที่จริงอยู่ท่ามกลางความมืด
“เนะ?”
เด็กน้อยที่ตกใจกับความมืดรอบตัว เขาก็คอยส่งกระแสสัมผัสถึงท่านพ่อของเขา จากนั้นเขาก็พบว่าเขาไม่สามารถสัมผัสอะไรได้ เขาร้องไห้ทันที
“ไม่ร้อง!” จิ่วอิงมุดตัวออกมา “เสี่ยวเป่าไม่กลัวนะ ปู่จิ่วอยู่นี่”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าร้องไห้หนักกว่าเดิม “แงงง… พ่อ หาย… เป่า มืดๆ…”
“ไม่ร้องๆ” จิ่วอิงที่รวบตัวเด็กน้อยไว้ทันที มันก็รู้สึกโชคดีที่มันไม่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้ มันซ่อนตัวอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าของเจ้าเด็กนี่ตลอด
กระเป๋าเสื้อผ้านั่น อี้เอ๋อร์เป็นคนทำให้ มีความสัมพันธ์กับกระเป๋าฟ้าดินสายเลือดของเสี่ยวเป่า มิเช่นนั้น…
“ให้ตายเถอะ!” จิ่วอิงไม่กล้าคิด เสี่ยวเป่าตัวน้อยมาอยู่ในที่ที่มืดมิดเช่นนี้ต้องหวาดกลัวและรู้สึกไร้ที่พึ่งเพียงใด แม้เขาจะมีพรสวรรค์โดดเด่น แต่ยังเป็นแค่ทารกน้อยอายุไม่ครบขวบ
คนชั่วช้าเช่นใดกันที่กล้าลักพาตัวเสี่ยวเป่ามาที่แบบนี้ ซ้ำยังทำทีเผลอ
จิ่วอิงสัมผัสพบว่านี่คือพื้นที่ขนาดเล็กและลับมาก กลิ่นอายยังโบราณมาก กระทั่งยังเผยให้เห็นถึงพลังงานที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
“อิงอิง” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่หยุดร้องไห้แล้ว เขาก็กอดปู่จิ่วไว้แน่น หดตัวอยู่ในอ้อมอกของปู่จิ่วอย่างหวาดกลัว ยังถามว่า “ที่ไหน ทำไม เป่า อยู่ที่นี่”
“ที่นี่คือ…” จิ่วอิงที่เว้นจังหวะเล็กน้อยจู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “นี่คือที่ที่ปู่จิ่วพาเจ้ามาเล่นไงเล่า มืดๆ แบบนี้ เสี่ยวเป่าไม่รู้สึกว่าน่าสนุกหรือ”
“กลัว!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่น้อยเนื้อต่ำใจทุบปู่จิ่วทีหนึ่ง “เป่า ไม่ชอบ! พาเป่า ออกไป!”
จิ่วอิงพูดขึ้นว่า “ไม่ได้หรอก อิงอิงพนันกับท่านพ่อเจ้าไว้ พนันว่าเขาหาเสี่ยวเป่าที่ถูกอิงอิงพาไปไม่เจอหากท่านพ่อเจ้าแพ้ อาหารของเสี่ยวเป่าที่เขาทำก็ต้องให้อิงอิงกิน”
“อ้ะ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโห “อิงอิงไม่ดี! ไม่ให้!”
“ฮี่ๆ!” จิ่วอิ่งยิ้ม “กล้าได้กล้าเสีย ข้าว่าท่านพ่อเจ้าหาเราไม่เจอแน่นอน เมื่อถึงเวลา ข้าวของเสี่ยวเป่าก็จะเป็นของอิงอิงทั้งหมด”
“อ้ะ! อ้ะๆๆ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโหจนกระทืบเท้ากลับหายกลัวไปแล้วและยังบ่นไม่หยุดปากว่า “ไม่แพ้! พ่อเก่ง! ไม่แพ้!”
“ก็ไม่แน่เสมอไปหรอก เจ้าดูท่านพ่อเจ้าสิ จนถึงตอนนี้ยังหาเราไม่เจอเลย” จิ่วอิงดูได้ใจมาก ในความเป็นจริงแล้วมันคอยสัมผัสสถานที่มืดมนแห่งนี้ตลอดเวลา ครุ่นคิดว่าจะออกไปอย่างไร
ทว่า… เจ้าตัวน้อยที่กะพริบตาปริบ เขาก็ส่งกระแสสัมผัสถึงท่านพ่อของเขาด้วยวิธีที่ท่านพ่อเคยสอนเขา เขาจึงหลับไปทันที
จิ่วอิงงุนงง “เกิดอะไรขึ้น”
“เงียบน่า” เสียงของเฟนเลย์ดังขึ้นจากหลังมือของเด็กน้อย มันเตือนจิ่วอิง “นายน้อยกำลังสื่อสารกับนายท่าน ไม่แน่อาจจะติดต่อกันได้ เราจะได้ออกจากที่บ้าๆ แห่งนี้”
เฟยเลย์ที่เมื่อครู่นี้ก็อยากจะออกมาถูกจิ่วอิงชิงตัดหน้าไป มันจึงไม่ออกมาประสมโรงอีก เพียงแค่เตือนจิ่วอิงขึ้นในครานี้ จิ่วอิงจะได้ไม่ทำลายแผนของนายน้อย ดังนั้น… หรงต้าซือมิ่งที่แต่เดิมกำลังจะสัมผัสถึงเด็กน้อยแล้ว เขาก็จับกลิ่นอายของเด็กน้อยได้ทันที “ลูก?”
“พ่อ!” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเรียกอย่างดีอกดีใจ “พ่อ! รีบมาหาเป่า! อิงอิงแพ้! ไม่ให้ข้าว อิงอิง! เป็นของเป่า หมด!”
คำพูดนี้ทำให้หรงอี้ที่อันที่จริงเป็นกังวลค่อยๆ วางใจลง “เช่นนั้นอิงอิงพาเจ้าไปที่ไหนล่ะ เจ้าแอบกระซิบบอกพ่อหน่อย พ่อจะไปหาเจ้าเดี๋ยวนี้”
“…ไม่ รู้” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เกาศีรษะบอกว่าตนก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน “มืดๆ หนาว ไม่ชอบ พ่อรีบมา…”
หรงอี้เงียบ อันที่จริงเขาสัมผัสได้ว่าเหมือนกับว่ามีคนใช้วันเกิดของเด็กน้อยสาปแช่งเด็กน้อยผ่านกลิ่นอายที่เด็กน้อยส่งมา
ดังนั้น… ที่ที่เด็กน้อยอยู่คือแดนขังวิญญาณ
มีคนจับเด็กน้อยขังไว้ในแดนมรณะที่สร้างขึ้นด้วยวันเกิดของเด็กน้อย นี่คือวิชาโลหิตที่ร้ายกาจมาก
สถานที่เช่นนี้เท่ากับการให้เด็กน้อยตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่ว่าผู้ฝึกฌานข้างนอกเก่งกาจเพียงใดก็ไม่สามารถรับรู้ถึงเด็กน้อยได้ หากไม่ใช่เพราะสายเลือดพิเศษของเขา แม้ภรรยาจะเป็นเจ้าแห่งสามโลก แม้ตบะของเขาจะมิอาจคาดเดาได้ เกรงว่าก็หาเด็กน้อยไม่เจอ
เจตนาร้ายมาก วิธีการก็ร้ายกาจมากด้วย
ที่สำคัญคือ… ผู้ร่ายคาถา ล้ำลึกมิอาจคาดเดาได้
ครานี้เอง… จู่ๆ สายตาที่ต้าซือมิ่งมองเจี่ยนชิวก็มืดมนลงทันที