ตอนที่ 664 ครอบครัวสุดโหด ราชาแห่งจักรวาล
ลูกน้อยยังปลุก ‘พลังตาวิเศษ’ ในตัวตื่น เป็นพลังที่สามารถเห็นทุกอย่างที่เป็นเท็จได้เหมือนกับเขา แต่วิชาใหม่ของเด็กน้อยคนนี้เหมือนกับว่าจะกำเนิดขึ้นพร้อมกับดอกไม้ไท่อี่
ต้าซือมิ่งยังไม่ค่อยมั่นใจ ดังนั้นเขาจึงให้เด็กน้อยปล่อยดอกไม้ออกมา ทว่า… ดอกไม้ของเด็กน้อยเพิ่งจะเบ่งบาน แสงหมอกงดงามที่แผ่ซ่านออกมาจากพวกมันก็ทำให้กลุ่มแมลงที่กำลังทำลายเกราะป้องกันเข้ามาเป็นกลุ่มแรกตกใจจนหนีไปอย่างประจวบเหมาะ?
นี่มัน… เทพอัสนีที่กะพริบตาสองสามทีก็พบว่าแมลงน้อยที่เพิ่งมุดเข้ามาให้เกราะป้องกันตกใจหนีไปแล้วจริงๆ? พวกมันพากันมุดกลับไปข้างนอกอย่างตะเกียกตะกาย?
ซีหวังหมู่ที่เห็นแล้วเช่นกันก็ถามขึ้นว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันอีก”
“มิทราบ” เทพอัสนีไม่เข้าใจเหมือนกัน
ทว่าในครานี้เองดอกไม้น้อยๆ นับไม่ถ้วนเหล่านั้นรวมตัวกลายเป็นดอกไม้ขนาดใหญ่หนึ่งดอก มันบานออกไปข้างนอกเกราะป้องกันแล้ว อีกทั้งมันยังกินเจ้าแมลงเหล่านั้นภายในชั่วพริบตา
จากนั้น… ดอกไม้ดอกใหญ่ที่หดกลับเข้ามาในร่างกายของเจ้าตัวน้อยเงียบๆ กลับไม่ได้ส่งเสียงกลืนลงไป
นี่ทำให้เยี่ยนอวี๋โล่งอก “โชคดีที่ไม่ได้กลืนลงไป” ลูกน้อยกินแมลงคงรู้สึกน่าขยะแขยงเกินไป
ทว่าต้าซือมิ่งที่ครานี้ยื่นมืออันเรียวยาวของเขาไปทางเด็กน้อยแล้ว “ให้ดอกไม้คายหนอนตัวหนึ่งให้พ่อดูหน่อย”
“หาววว… ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่หาวอย่างเกียจคร้าน เขาก็งอกดอกไม้ดอกหนึ่งออกมาอย่างเกียจคร้านต่อไปและในดอกไม้ดอกนี้ก็มีหนอนสีดำที่มีขนาดเล็กมากอยู่จริงๆ
ทว่าเจ้าหนอนตัวนี้เหมือนกับตัวจะสั่นระริกเมื่ออยู่ภายใต้แสงสีม่วง เหล่าทวยเทพรอบข้างที่มีสายตาดี พวกมันศึกษาอยู่ครู่หนึ่ง ล้วนมั่นใจว่าแมลงตัวนี้กำลังสั่นระริกอยู่จริงๆ
“นี่มันตัวอะไรกัน” ซีหวังหมู่ถามอย่างต้องการรู้คำตอบ
กู้จื่อเฟิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าคือตัวอะไร เขาลองนึกภาพแมลงที่คล้ายกันในความทรงจำของเขา รู้สึกว่าไม่ใช่พวกมันเลย เพราะว่าแมลงชนิดนี้นอกจากจะสามารถทำลายเกราะป้องกันของเหล่าขุนเขาและท้องทะเลแล้ว ยังสามารถก่อตัวแปลงกายเป็นไท่เฮ่าแห่งตระกูลฝูซี เห็นได้ชัดว่ามันมีสติปัญญา ไม่ใช่แมลงยุคโกลาหลแน่นอน
แต่หากไม่ใช่แมลงยุคโกลาหล แล้วพวกมันทำลายเกราะป้องกันของเหล่าขุนเขาและท้องทะเลได้อย่างไร
“หายากจริงๆ” แอนนาน้อยออกมาสำรวจแล้ว “แมลงตัวน้อยที่ดุร้ายที่สุดในครานั้นของเผ่ามารของเราล้วนเป็นเพียงแมลงโกลาหล ไม่มีสติปัญญา กินสมองเป็นอย่างเดียว”
“ข้าก็ไม่เคยเจอแมลงชนิดนี้” เยี่ยนอวี๋ที่มีอายุ ‘ยืนยาว’ ที่สุดเอ่ยขึ้น ในความทรงจำของนาง นางไม่เคยเจอแมลงตัวน้อยชนิดนี้มาก่อนเลย
แต่ต้าซือมิ่งกลับรู้ “นี่คือแมลงกินวิญญาณ ความทรงจำของมันจะค่อยๆ เกิดขึ้นผ่านการกลืนกินวิญญาณที่หลงเหลือ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้กำเนิดขึ้นเองในจักรวาล น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ที่ถูกกลั่นหลอมจากผู้ใช้เวทมนต์ชั่วร้าย โดยใช้หนอนกินสมองของเผ่ามาร”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” เยี่ยนอวี๋ประหลาดใจ
“บนตัวมันมีกลิ่นอายวิชาต้องห้ามหลงเหลืออยู่” ต้าซือมิ่งที่มีสัมผัสที่ว่องไวต่อกลิ่นอายประเภทนี้ เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เห็นที วิชาต้องห้ามที่ชั่วร้ายเหล่านั้นของกุ่ยหมู่ล้วนสืบทอดมาจากหลุมศพ”
อินหลิวเฟิงตกใจร้องซี๊ด เขาเก่งในเรื่องของการสรุปเรื่องหนึ่งและอนุมานไปถึงเรื่องอื่นๆ ได้ “ตามที่ต้าซือมิ่งพูด ไม่แน่ใจว่าในนี้อาจจะมีรังกุ่ยหมู่อยู่ก็ได้”
“นายน้อย…” เอ้อร์เหมาพูดไม่ออก
อินหลิวเฟิงโบกมือเบาๆ “อย่าพล่ามอีกเลย พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าไม่ได้ปากเสีย แต่คือการล่วงรู้อันศักดิ์สิทธิ์ต่างหาก ทุกครั้งที่ข้ารู้สึกว่าต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นก็มักจะมีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ”
“แล้วเจ้ายังรู้สึกภูมิใจ?” กู้จื่อเฟิงย้อนถาม
“เปล่า ข้าเป็นคนถ่อมตน แต่ว่า… หากมีรังของกุ่ยหมู่จริงๆ เมื่อครู่นี้ไท่เฮ่าท่านนั้นอาจจะเป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อย” อินหลิวเฟิงจำเป็นต้องพูดว่าศัตรูที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าอาจจะร้ายกาจมาก
ทว่าคำเตือนนี้ สำหรับซีหวังหมู่ที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินแล้วก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่อย่างใด สิ่งที่มันเป็นห่วงคือ “เช่นนั้นนายน้อยกินพวกมันลงไปจะไม่เป็นอะไรหรือ”
“เจ้าคิดว่าอาจจะมีปัญหาหรือ” อินหลิวเฟิงย้อนถามทันที
ซีหวังหมู่มองแมลงที่ตัวสั่นระริกตัวนั้นพลางพยักหน้าอย่างจริงใจ “สิ่งที่มีปัญหาคือแมลงเหล่านี้”
“ดังนั้นเหตุใดดอกไม้ของเสี่ยวเป่าจึงสามารถยับยั้งแมลงเหล่านี้ได้” เยี่ยนอวี๋เองก็ประหลาดใจมาก
ทุกคนรอคำตอบจากต้าซือมิ่งด้วยความสงสัย ทว่า…
“คงจะรู้สึกเผ็ดกระมัง” หรงอี้ตอบด้วยน้ำเสียงสง่า ท่าทีจริงจัง
ซีหวังหมู่มองจวินโฮ่วของพวกมันหลายที มันมักจะรู้สึกว่าจวินโฮ่วของพวกมันกำลังพูดจาเหลวไหลด้วยท่าทีจริงจัง
“หาววว…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่หาวอีกครั้ง เขาก็พูดขึ้นเบาๆ ว่า “ใช่ แล้ว…”
“จริงด้วยหรือนี่” ซีหวังหมู่รู้สึกเพียงว่านายท่านของพวกมันพูดถูก โลกกว้างใหญ่ไพศาล เรื่องพิสดารมีมากมายจริง
ทว่าเยี่ยนอวี๋รู้สึกไม่ชอบมาพากล “เสี่ยวเป่า เหตุใดเจ้าจึงเอาแต่หาวล่ะ หากง่วงนอน เหตุใดจึงไม่นอน”
“ไม่อยาก นอน…” เด็กน้อยที่กอดแขนของท่านพ่อไว้น่าเอ็นดูมาก “เป่า ไม่ชอบ ที่นี่”
เยี่ยนอวี๋ลูบเด็กน้อยอย่างสงสาร “เช่นนั้นแม่จะรีบสู้กับคนร้ายให้เสร็จไวๆ แล้วเรารีบออกไปนะ”
“ขอรับ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบอย่างอ่อนโยน
ต้าซือมิ่งลูบศีรษะของเขาเบาๆ แสงสลัววาบผ่านดวงตาของเขา
เยี่ยนอวี๋ในครานี้ นางก็รับรู้ถึงตำแหน่งของเจี่ยนชิวอีกครั้งแล้ว
ใช่แล้ว ถึงแม้จะอยู่ในหลุมศพ เจี่ยนชิวก็หนีไม่พ้นพลังสัมผัสของปฐมราชินีเยี่ยนได้
ทว่าเจี่ยนชิวในยามนี้ นางยังรู้สึกอย่างมั่นใจจริงๆ ว่า “ปฐมราชินีเยี่ยน ครานี้เจ้าไม่สามารถสกัดกั้นข้าได้อีกต่อไปแล้ว”
“กุ่ยหมู่” เสียงที่ฟังดูเหมือนประกอบขึ้นจากหลายเสียงดังขึ้นข้างหน้าเจี่ยนชิวแล้ว ทำให้นางคุกเข่าลงด้วยสัญชาติญาณทันที “เจี่ยนชิวคารวะราชาแห่งจักรวาลเพคะ ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือเมื่อครู่นี้”
“สวะ” เสียงสังเคราะห์ตำหนิอย่างไม่อ้อมค้อม “ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนอวี๋หรือว่าหรงอี้ เจ้าฆ่าไม่ตายสักคน และยังพาพวกเขามาที่นี่”
“อะไรนะเพคะ?” กุ่ยหมู่ที่ทำอะไรไม่ถูกเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “พวกเขาตามเข้ามาแล้ว? เป็นไปได้อย่างไร พวกเขาเข้ามาได้อย่างไร?”
กุ่ยหมู่คิดว่า เมื่อครู่นี้ที่ราชาแห่งจักรวาลยื่นมือมาช่วย แม้จะฆ่าเยี่ยนอวี๋พวกเขาไม่ได้ แต่ก็คงทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัส คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นเช่นนี้
นะ… นี่… นี่มัน…
เกินความคาดหมายของกุ่ยหมู่ไปมากจริงๆ ทว่าอันที่จริงนางไม่รู้ว่าเสียงที่พูดกับนางไม่ใช่ ‘คนคนหนึ่ง’ และไม่ใช่ราชาแห่งจักรวาลอะไรทั้งนั้น แต่คือบุคคลที่กลุ่มคนทั้งห้าของเยี่ยนอวี๋รู้จัก