ตอนที่ 669 ศัตรูที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่สุด กุ่ยหมู่มอบศีรษะ
แม้แต่อินหลิวเฟิงก็ผงะ เพราะเขารู้สึกว่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว นี่มัน… ไม่มีทางหรอกนะ ทว่า…
เยี่ยนอวี๋ที่ในที่สุดก็เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงสำรวจหาวิญญาณหรือเจตนาที่หลงเหลือของฝูซีไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะว่าเขาอยู่ที่นี่ อยู่ในหลุมศพ แม้จะมีวิญญาณหรือเจตนาหลงเหลืออยู่จริงๆ เขาก็คงเก็บรวบรวมด้วยตนเองแล้ว จะปล่อยให้ถึงตานางที่ไหนกัน
นอกจากนี้… เทพกสิกรรมจักรพรรดิเปลวเพลิง จวนซวีจักรพรรดิดำ เซวียนหยวนจักรพรรดิเหลือง ไปจนถึง… เจ้าแม่หนี่ว์วาผู้ช่วยนางสร้างสิ่งมีชีวิตมานับไม่ถ้วนก็อยู่ที่นี่
พวกเขาอยู่ที่นี่กันหมด
เหล่าทวยเทพบรรพกาลที่สร้างชื่อเสียงและมีพลังต่อสู้ในยุคสงครามเทพและมาร บางองค์กระทั่งประกอบร่างช้ากว่านางไม่กี่พันปี ถือได้ว่าเป็นสหายของนาง พวกเขาล้วนอยู่ที่นี่
อยู่ที่นี่…อยู่ที่นี่กันหมด
ลมหายใจของเยี่ยนอวี๋หยุดไปแล้ว
หากจะบอกว่านางไม่เคยเกรงกลัวศัตรู เช่นนั้นตอนนี้นางกลัวแล้ว
เอื้อก
ต้าซือมิ่งในครานี้กลับกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ภาพทุกภาพก็สลายไปพร้อมกัน ภาพเหตุการณ์จึงกลับมาอยู่ในสภาพทรุดโทรมดังเดิม
ทว่า…
เอ้อร์เหมาอดพูดไม่ได้ว่า “ตัวปลอมใช่หรือไม่”
“นั่นน่ะสิ ตัวปลอมสินะ เป็นการปลอมตัวของนักเล่นหลุมศพสินะ” อินหลิวเฟิงก็อดมองเยี่ยนอวี๋ไม่ได้ ดวงตาทั้งคู่เปียกชื้นโดยไม่รู้ตัว แม้วิหคทมิฬจะยังไม่ฟื้นฟูความจำทั้งหมด แต่ในฐานะที่เคยเป็นสหายใกล้ชิดของจักรพรรดิเปลวเพลิง เห็นได้ชัดว่าเขารับไม่ได้กับความจริงที่ปรากฏตรงหน้า
ทว่าเยี่ยนอวี๋ที่กอดสามีรู้ว่า พวกเขาทั้ง ‘ห้าคน’ ที่นางเพิ่งเห็นคือพวกเขาจริงๆ เพราะว่ากลิ่นอายของพวกเขาไม่เหมือนผู้ใดและไม่สามารถคัดลอกได้
ไม่ว่าจะเป็นการปลอมแปลงใดๆ นางดูออก ถึงอย่างไรเทพทั้งห้าองค์นี้อยู่กับนางมานานที่สุด โดยเฉพาะเจ้าแม่หนี่ว์วาและไท่เฮ่า พวกเขาปรากฏก่อนเทียนตี้พวกเขา
ตามหลักแล้ว หนี่ว์วาถือว่าเป็นพี่น้องของเยี่ยนอวี๋ ไท่เฮ่าก็ถือว่าเป็นคู่รักที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แม้จะอ่อนกว่านางมากไปเล็กน้อย (นับล้านปี) แต่สำหรับชีวิตความเป็นเทพที่ยาวนานของนางแล้วก็ไม่ถือว่ามาก… มิหนำซ้ำ ไท่เฮ่ายังสละชีวิตช่วยนางไว้
ในศึกสงครามช่วงที่อันตรายและลำบากที่สุด ไท่เฮ่าเป็นคนช่วยนางไว้ และก็เป็นเพราะเขา นางจึงทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารแอนนาแม้จะต้องตายและฆ่าล้างเผ่ามาร
เทวาอัสดง ถือได้ว่าถือกำเนิดขึ้นเพราะเขา
สุดท้าย… พวกเขากลับอยู่ที่นี่
แปะ
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาจากดวงตาของเยี่ยนอวี๋อย่างมิอาจกลั้นไว้ได้ มันหยดลงใบหน้าใบน้อยของเด็กน้อยที่กำลัง ‘ส่องแสง’ ให้ท่านพ่อของเขา ทำให้เขามองท่านแม่ด้วยสายตาน่ารักน่าชัง “เนะ?”
หลังจากที่ต้าซือมิ่งประคองอาการได้ก็กอดภรรยาเข้ามาในอ้อมอก “ไม่ร้อง”
แต่เยี่ยนอวี๋เสียใจมากจริงๆ นางได้แต่กอดสามีคนนี้ไว้แน่น น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด “ทำไมเล่า”
เยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจ พวกเขายังมีชีวิตอยู่ เหตุใดจึงไม่กลับไปหานาง และเหตุใดจึงต้องซ่อนตัวอยู่ในหลุมศพราวกับว่ากำลังวางแผนต่อต้านนาง
เยี่ยนอวี๋ในครานี้อยากจะหลอกตัวเองว่าพวกเขาจำนางไม่ได้ก็ไม่ได้ เพราะว่าพวกเขาพูดถึง ‘ปฐมราชินีเยี่ยน’ และรู้จักความสามารถของนางดี
ทว่า…เพราะเหตุใดกันเล่า
“แม่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกหนีบในอ้อมกอดของท่านพ่อและท่านแม่ เขาก็ลูบท่านแม่ของเขาอย่างโศกเศร้า “แม่ ไม่เสียใจนะ เป่า ปวดใจ”
เยี่ยนอวี๋ยกมือขึ้นลูบเด็กน้อยเบาๆ กลับข่มอารมณ์โศกเศร้าไว้ไม่ได้ มิหนำซ้ำนางไม่รู้จริงๆ ว่าทุกอย่างเป็นเพราะอะไร อดีตเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเช่นนี้ เหตุใดตอนนี้จึงเป็นเช่นนี้เล่า
หากเป็นเพราะต้องการกุมอำนาจแห่งผู้สร้าง นางยอมสละให้ได้ นางสละให้ได้
แต่จะใช่หรือ
เกรงว่าจะไม่ใช่
หากใช่จริงๆ เหตุใดพวกเขาต้องร่วงหล่นเพื่อสวรรค์เก้าชั้นฟ้าในมหาสงครามเทพและมาร
ไม่สิ ก็ไม่ถูก
เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้ตาย
ไม่รู้สิ…
เยี่ยนอวี๋รู้สึกสับสน
หรงอี้ที่กอดนางไว้แน่นได้แต่กอดเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ถูกอดีตเพื่อนรักทำร้ายแน่นกว่าเดิม ปลอบประโลมนางอย่างสงสารว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์…”
กู้จื่อเฟิงเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “บางทีกุ่ยหมู่อาจจะช่วยไขข้อข้องใจของปฐมราชินีก็ได้”
เยี่ยนอวี๋จับสามีนางไว้แน่นทันที นางสงบอารมณ์ลง “ใช่แล้ว เจี่ยนชิวเป็นพวกเดียวกับพวกเขา ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน”
“อืม” อันที่จริงหรงอี้คิดว่าเจี่ยนชิวเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งมากกว่า แต่ภรรยาหยุดร้องแล้วก็ดี ถึงอย่างไรกุ่ยหมู่ก็ต้องถูกสอบปากคำอยู่ดี
ทว่าเยี่ยนอวี๋ก็ไม่ได้รีบไป หลังจากที่นางเช็ดน้ำตาเสร็จแล้ว ยังคงต้องตรวจชีพจรของต้าซือมิ่งดูก่อน แม้เด็กน้อยจะกำลังรักษาให้ท่านพ่ออยู่ตลอดเวลาก็ตาม นางยังคงต้องจับดูจึงจะวางใจ
“บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่เป็นไร” ต้าซือมิ่งที่ลุกขึ้น สภาพดูไม่เลว เพียงแค่สีหน้าซีดขาวไปเล็กน้อย
อินหลิวเฟิงอดถามไม่ได้ว่า “ต้าซือมิ่ง ปัญหาเดิมๆ หลังจากแสดงอิทธิฤทธิ์แล้วอาเจียนเป็นเลือดทุกครั้ง เมื่อใดจึงจะหายหรือ”
ต้าซือมิ่งที่ได้ยินคำว่า ‘ปัญหาเดิม’ ก็ขมวดคิ้วย้อนถามว่า “มันไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งเป็นช่วงนี้หรือ” อะไรคือการบอกว่าปัญหาเดิม…
“ไม่ใช่” เยี่ยนอวี๋ปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี “เจ้าอาเจียนเป็นเลือดบ่อยมากจริงๆ”
ขณะที่ต้าซือมิ่งกำลังจะอธิบายว่าเมื่อก่อนอาเจียนเสร็จก็หาย เขาไม่ได้อ่อนแอ
แต่ว่า… เจ้าตัวน้อยปริปากเหน็บแนมด้วยว่า “นั่นน่ะสิ”
หรงอี้ “…”
“ดังนั้นเสี่ยวเป่าต้องรักษาให้ท่านพ่อเจ้าดีๆ นะ” เยี่ยนอวี๋ลูบเด็กน้อย รู้สึกโชคดีที่เด็กน้อยมีพรสวรรค์ วิชารักษาแกร่งกว่าท่านแม่คนนี้เล็กน้อย
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างจริงจัง เขาบินไปบนศีรษะของท่านพ่อเขาและใช้แสงหมอกรักษาท่านพ่อเขาต่อไป ยังปลูก ‘ต้นหญ้า’ เขียวขจีเต็มศีรษะของท่านพ่อด้วย
เอ้อร์เหมาพยายามอดไว้แล้วอดไว้อีก กว่าจะกลืนคำว่า ‘หมวกสีเขียว[1]’ ลงไปได้
ถึงอย่างไร…
วิ้ง
เจี่ยนชิวในตำหนักผีก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
“ไป”
เยี่ยนอวี๋นำทุกคนไปยังตำหนักหลังทันที
ต้าซือมิ่งที่รวบตัวเด็กน้อยไว้ในอ้อมกอดก็ตามไปแล้ว ทว่า… เขาไม่รู้ว่านิสัยการปีนขึ้นไปอยู่บนศีรษะของเขาทุกครั้งที่เด็กน้อยรักษาให้เขาเป็นโรคอะไรกันแน่ หากไม่ใช่เพราะเขาร่ายคาถาจัดแต่งทรงผมไว้ ศีรษะของเขาคงจะเป็นเล้าไก่ทุกวันแน่
ชั่วจังหวะที่ต้าซือมิ่งหมดคำพูดกับเด็กน้อย เยี่ยนอวี๋ก็ทำลายประตูใหญ่ของตำหนักผี
วิ้ง
เมื่อเจี่ยนชิวลืมตาขึ้น นางก็เห็นเยี่ยนอวี๋เดินเข้ามาในตำหนักแล้ว
เจี่ยนชิวเบิกตากว้าง “ปฐมราชินีเยี่ยน?” ภาพลวงตาหรือนี่
“ข้าเอง” เยี่ยนอวี๋กลับปฏิเสธการคาดเดาในหัวของเจี่ยนชิวอย่างหนักแน่น
“ท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร ราชาแห่งจักรวาลเล่า?” เจี่ยนชิวไม่เข้าใจ ไม่สิ อันที่จริงนางพอจะเข้าใจแล้ว แต่นางไม่อยากเข้าใจ ถึงอย่างไรผู้ที่ถูกทอดทิ้งก็น่าสลดใจเกินไป
ทว่าคำพูดของเจี่ยนชิวทำให้เยี่ยนอวี๋ชะงักเล็กน้อย เพราะว่าคำว่า ‘ราชาแห่งจักรวาล’ เพียงพอที่จะทำให้นางรู้ว่า สิ่งที่เจี่ยนชิวรู้นั้นมีไม่มาก อย่างน้อยเจี่ยนชิวก็ไม่รู้ว่ามีไท่เฮ่าพวกเขาอยู่
หากนางเดาไม่ผิด ทั้งห้าคนพูดพร้อมกันขณะคุยกับเจี่ยนชิว เหมือนกับเสียงสังเคราะห์ที่นางได้ยินก่อนหน้านี้ ดังนั้นครานั้นนางจึงจำไม่ได้
ทว่าหากเป็นเช่นนี้… เยี่ยนอวี๋รู้สึกว่าทั้งห้าคนที่หนีไปเกรงว่าจะมีแผนการที่ใหญ่กว่านี้
และในขณะที่เยี่ยนอวี๋กำลังครุ่นคิด เจี่ยนชิวที่ไม่ได้รับคำตอบก็ร้อนรน “เหตุใดจึงไม่พูดเล่า เจ้า พวกเจ้าเป็นใบ้กันหรือ ราชาแห่งจักรวาลเล่า”
เจี่ยนชิวที่ต้องการคำตอบ นางมองและถามต้าซือมิ่งด้วยสัญชาติญาณ “คุณชายหรง ราชาแห่งจักรวาลเล่า”
ทว่าต้าซือมิ่งย่อมไม่สนใจนาง เพราะเขาเองก็กำลังครุ่นคิด
มีเพียงอินหลิวเฟิงที่ตอบกลับไปอย่างชั่วร้ายว่า “นี่ก็เห็นอยู่ทนโท่ไม่ใช่หรือ หนีไปแล้วไง เขาสู้ปฐมราชินีไม่ได้ จึงได้แต่หนีเอาชีวิตรอดไงเล่า”
“เหลวไหล” เจี่ยนชิวซัดฝ่ามือใส่อินหลิวเฟิงทันที
เยี่ยนเสี่ยวเป่าโมโห “หลีหลี่”
บรู๊ว
เฟนเลย์ที่คำรามเสียงปัดเป่าการโจมตีของเจี่ยนชิวกระจายหายทันทีและมันยังกระโจนใส่เจี่ยนชิว
อินหลิวเฟิงซาบซึ้ง “ท่านเสี่ยวเป่า ท่านเป็นพ่อทูนหัวของข้าจริงๆ” รู้จักปกป้องข้าแล้ว นี่มันช่าง… ข้าผู้ซึ่งถูกเจ้าทำพันธะสัญญาตั้งแต่ที่เจ้ายังเล็ก คิดไม่ถึงเลยว่า…
“เงาผี” เจี่ยนชิวที่เห็นได้ชัดว่าฟื้นฟูกลับมาไม่น้อยแล้ว ครานี้นางหลบหลีกการเข่นฆ่าของเฟนเลย์ได้หวุดหวิดอย่างคล่องตัว ไม่เพียงเท่านี้ นางยังพุ่งใส่ต้าซือมิ่งอีกครั้ง
เยี่ยนอวี๋ตั้งสติกลับมาได้ทันทีและดึงเขาไปด้านหลังนาง
ทว่าในขณะเดียวกันนั้นเอง เยี่ยนอวี๋ที่ปกป้องต้าซือมิ่งไว้…
“มา”
เจี่ยนชิวที่รวมภูตผีนับไม่ถ้วนและปรากฏต่อหน้ากู้จื่อเฟิง นางพุ่งเข้าใส่กู้จื่อเฟิงทันที
“บัดซบ”
อินหลิวเฟิงตกใจ ไม่คิดว่ากุ่ยหมู่ที่อยากได้ต้าซือมิ่งแต่ไม่สำเร็จเปลี่ยนเป้าหมายมาชอบชุนซิ่นจวินแทน
“ออกไป”
กู้จื่อเฟิงที่สะบัดแส้จามรีอีกครั้ง แสดงให้เห็นถึงพลังการต่อสู้อันแข็งแกร่ง เขาจู่โจมเจี่ยนชิวกลับได้อย่างแม่นยำ
เพียะ
เจี่ยนชิวถูกแส้ตวัดใส่จนแตกเป็นสองท่อน
แต่แล้ว…
ข้างหลังของกู้จื่อเฟิงปรากฏเจี่ยนชิวอีกคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเจี่ยนชิวคนนี้คือเจี่ยนชิวตัวจริง นางจับหลังของเขาไว้ในขณะที่กู้จื่อเฟิงลงมือ และหายไปอย่างรวดเร็ว
เป้าหมายของเจี่ยนชิวคือกู้จื่อเฟิงตั้งแต่แรก เพราะว่านางรู้ตัวดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยนอวี๋ และไม่มีทางจับสองพ่อลูกหรงอี้ที่ถูกเยี่ยนอวี๋ปกป้องไว้อย่างดีได้
และในคนกลุ่มนี้ เจี่ยนชิวดูออกว่ากู้จื่อเฟิงไม่ได้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับผู้ใดเป็นพิเศษ ดังนั้นการโจมตีกู้จื่อเฟิงมีโอกาสสำเร็จสูงสุด และคนๆ นี้เจี่ยนชิวคิดว่านางใช้ประโยชน์จากเขาได้
ความจริงก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้ ถึงอย่างไรกู้จื่อเฟิงก็ถูกจับจริงๆ ทว่า…
กรร
[1] หมวกสีเขียว หมายถึง โดนสวมเขา