ตอนที่ 670 ร่วมเสพสุขกับเจ้า คิดออกแล้ว
หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ที่หายตัวและปรากฏอย่างรวดเร็วราวกับแสง ด้วยความแข็งแกร่งในฐานะอสูรอันดับหนึ่งแห่งแอตแลน มันฉุดลากเจี่ยนชิวจากตำแหน่งที่นางหายไปออกมาทันที
เอื้อก
เจี่ยนชิวที่ถูกระชากออกมาจนกระอักเลือดพยายามดิ้นให้หลุดพ้นอีกครั้ง น่าเสียดาย…
ฟุบ
เฟนเลย์โยนเจี่ยนชิวลงกับพื้นในทันทีและใช้แสงสีเลือดห่อนางไว้แน่นหนา จากนั้นก็มัดไว้กับหางของมัน
ท่าทีคล่องแคล่วเช่นนี้ ทำให้เยี่ยนอวี๋รู้สึกหมดคำพูด ได้แต่หรี่ตามองไปที่ต้าซือมิ่ง
อินหลิวเฟิงในครานี้ เขากลับไม่มีจิตใจสนใจเรื่องอื่น เขารีบเข้าไปประคองกู้จื่อเฟิงไว้แล้ว และยังป้อนโอสถให้เขาทาน “ตกใจหมดเลย ชุนซิ่นจวิน เจ้าเกือบจะถูกกุ่ยหมู่จับไปเป็นสามีแล้ว”
“นั่นน่ะสิ เกือบไปแล้ว ข้าน้อยยังช่วยไม่ทันเลย” เอ้อร์เหมาแค่คิดก็ยังรู้สึกกลัว “ชุนซิ่นจวินต่อไปท่านเพลาๆ ลงหน่อยดีกว่า อย่าอยู่ห่างคุณหนูใหญ่มากเกินไปเลย มิเช่นนั้นหน้าตาโดดเด่นเช่นท่าน สักวันคงต้องเสียความบริสุทธิ์ไป”
พรวด…
กู้จื่อเฟิงที่แต่เดิมไม่ได้กระอักเลือดก็กระอักเลือดออกมาทันที
อินหลิวเฟิงรีบตะโกนเรียก “ท่านเสี่ยวเป่า ท่านเสร็จหรือยัง ช่วยมาดูชุนซิ่นจวินหน่อย”
“ไม่เป็นไร เจ้าอยู่ไกลๆ ข้าก็พอ” กู้จื่อเฟิงที่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากนายท่านที่ไม่ปกติคนหนึ่งกล่าวว่าเขาอยากจะนอนพักผ่อนคนเดียว
ทว่าอินหลิวเฟิงกล่าวว่า “พอแล้ว อย่าอวดดีนักเลย รีบรักษาตัวเถอะ จะได้ไม่ถูกจับเพราะเป็นไก่อ่อนอีก”
กู้จื่อเฟิงพูดไม่ออก ได้แต่คิดในใจว่า คนที่อ่อนที่สุดคือเจ้าต่างหาก ทว่า…
พรวด
เจี่ยนชิวที่กระอักเลือดออกมาในครานี้เช่นกัน นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดข้างกายปฐมราชินีเยี่ยนจึงมีหมาป่าที่ดุร้ายและแข็งแกร่งตัวหนึ่ง ถึงกับสามารถกระชากนางออกมาได้ในขณะที่นางหนีเข้าไปในความว่างเปล่าอย่างแม่นยำ
ระดับตบะเช่นนี้ อย่างน้อยก็อยู่ในระดับเดียวกับซีหวังหมู่ กระทั่งไม่ด้อยไปกว่าเทียนตี้
เมื่อคิดถึงเทียนตี้ เจี่ยนชิวก็เงยหน้ามองเจี่ยนชิวทันที “ท่านฆ่าหม่อมฉันไม่ได้ อย่างน้อยหม่อมฉันก็มีบุญคุณกับเทียนตี้ หากท่านฆ่าหม่อมฉัน เขาต้องเกลียดท่านแน่นอน”
“เจ้ามองตัวเองสูงเกินไปแล้ว” เยี่ยนอวี๋ตอบกลับอย่างสงบ “แต่หากเจ้าอยากตายอย่างสมเกียรติ ก็จงบอกข้ามาว่า ‘ราชาแห่งจักรวาล’ หนีไปที่ไหน”
“ถุย” เจี่ยนชิวถ่มน้ำลายใส่ “หม่อมฉันเจี่ยนชิวไม่มีทางทรยศราชาแห่งจักรวาล ท่านให้หม่อมฉันได้เกิดใหม่ หม่อมฉันเจี่ยนชิวมิใช่คนอกกตัญญู”
“แหม เช่นนั้นเจ้าลืมไปแล้วหรือไม่ว่านายท่านเป็นคนช่วยชีวิตของเจ้าออกมาจากแดนมืดน่ะ” ซีหวังหมู่ที่เข้ามาในตำหนักพอดี นางยังลากตะขาบยักษ์ตัวหนึ่งเข้ามาด้วย
“อ้ะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามุดเข้าไปในแขนเสื้อของท่านพ่อเขาทันที คงเพราะคิดว่าตะขาบตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่
ต้าซือมิ่งหยิกเด็กน้อยเบาๆ ปลอบประโลมว่า “โง่หรืออย่างไร ตะขาบตายแล้ว”
“ตายแล้ว หรือ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงมุดออกมาอย่างไม่กลัว “ใหญ่เบ้อเร่อ เป่ากลัว…”
ต้าซือมิ่งที่รวบตัวเด็กน้อยเสร็จแล้วพูดได้เพียงว่า เด็กน้อยกล้าหาญสู้เขาตอนเด็กไม่ได้ แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่เกเรไปทั่ว
เจี่ยนชิวในครานี้ นางยิ้มหยัน “นั่นก็เป็นเพราะต้องการช่วยเทียนตี้ ส่วนข้า ท่านก็แค่พลอยมือเท่านั้น”
“เจ้า…” ซีหวังหมู่อดแย้งกลับไปไม่ได้
“หยุดพล่ามเสียที” เจี่ยนชิวกลับตัดบททันที และมองไปที่ต้าซือมิ่งและเด็กน้อยในอ้อมกอดเขา “เพราะว่าปฐมราชินีเยี่ยนคลอดบุตรชายให้เจ้า เจ้าก็ลืมความสุขที่เคยมีร่วมกับข้าไปแล้วหรือ?”
เมื่อสิ้นเสียงนาง ทุกคนในเหตุการณ์เงียบงัน
ซีหวังหมู่พูดไม่ออก กลายเป็นอ้าปากค้างแทน
ต้าซือมิ่งหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เขาล้มพิงอ้อมอกของภรรยาแล้ว
“อ้ะเนะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารีบ ‘ฉายแสง’ ให้ท่านพ่อ ไม่รู้ว่าอันที่จริงท่านพ่อของเขาล้มไปเพราะรู้สึกคลื่นไส้ ถึงอย่างไรเด็กน้อยก็ไม่เข้าใจคำพูดที่ว่า
เยี่ยนอวี๋จูบสามีที่ล้มเข้ามาอย่างไม่สบอารมณ์นัก เมื่อเห็นสีหน้าเขาที่เต็มไปด้วยความข้องใจก็อยากจะแหย่เขา แต่จำเป็นต้องทำธุระสำคัญก่อน
“เจี่ยนชิว ผู้ที่ร่วมเสพสุขกับเจ้าไม่ใช่สามีของข้าแน่นอน เกรงว่าเจ้าจะเข้าใจผิดแล้ว” เยี่ยนอวี๋มั่นใจมาก แม้สามีที่ไว้ใจไม่ได้คนนี้จะจำคืนแรกของพวกเขาสองคนไม่ได้ก็ตาม แต่เยี่ยนอวี๋รู้ว่าเขาไม่นอนกับเจี่ยนชิวแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน เพราะว่าเขาคนนี้ถือดีเกินไป หากเขาไม่ชอบก็คือไม่ชอบจริงๆ ไม่ว่าจะตามจีบกี่หมื่นปี ทำเพื่อเขาเท่าไร เขาก็มองไม่เห็น
บัดนี้คิดย้อนไปแล้ว หากคืนนั้นไม่ใช่นาง ชายคนนี้อาจจะฆ่านางได้…
“ฮึ” เจี่ยนชิวกลับยิ้ม “ปฐมราชินีเยี่ยน เขาพูดอะไรท่านก็เชื่อหรือแล้วท่านรู้อดีตเก้าพันกว่าชาติของเขาว่าผ่านอะไรมาบ้างหรือไม่ ท่านไม่รู้ แต่หม่อมฉันเจี่ยนชิวรู้ หม่อมฉันรู้ทั้งหมด หม่อมฉันรู้จักเขาดีกว่าท่าน ตอนนี้ท่านกลับยืนยันกับหม่อมฉันว่าเขาจะไม่ทำเช่นนั้นหรือ ท่านไม่รู้สึกว่ามันน่าขันหรือ”
“ไม่รู้สึก เพราะว่าข้างามกว่าเจ้า” เยี่ยนอวี๋พูดไปตรงๆ “สามีของข้าบอกแล้วว่าเขาไม่ได้ตาบอด ไม่ว่าจะเกิดใหม่กี่ชาติก็ไม่บอด ในเมื่อชอบข้าตั้งแต่ร้อยล้านปีก่อน ย่อมไม่มีทางชอบสตรีหยาบคายไร้วัฒนธรรมเช่นเจ้า”
“ท่าน…” เจี่ยนชิวจุก…
นางได้แต่มองไปที่ต้าซือมิ่งอีกครั้ง ถามด้วยเสียงแหลมอย่างไม่ยอมว่า “คุณชายหรง เจ้าลืมไปแล้วจริงๆหรือ สามสิบล้านปีก่อน ชาติที่เจ้าเป็นเจ้าปราสาทแห่งปราสาทหลีอวิ๋นในแอตแลน”
คำถามนี้… ต้าซือมิ่งยังไม่ทันตอบ หลักๆ เป็นเพราะยังรู้สึกคลื่นไส้ เยี่ยนอวี๋ชะงักงัน “สามสิบล้านปีก่อน?”
ซีหวังหมู่ก็นึกถึงบางอย่าง โพล่งถามออกไปว่า “นายท่าน ครานั้นเทียนตี้มาบอกท่านว่าเขาจะแต่งงานกับเจี่ยนชิว ให้ท่านช่วยหาฤกษ์ให้ใช่หรือไม่”
“อืม” เยี่ยนอวี๋พยักหน้าอย่างมั่นใจ
เจี่ยนชิวกรีดร้องขึ้นมาทันที “พวกเจ้าอยากพูดอะไร ข้าบอกพวกเจ้าไว้เลยนะ อย่าคิดไร้สาระ ข้าเดินทางข้ามเวลาไปยังแอตแลนที่ที่มีคุณชายหรง”
“ข้าขอพูดไว้ก่อน การเกิดใหม่ของข้าไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ของโลกใดๆ ซึ่งหมายความว่าไม่มีผู้ใดสามารถสืบหาชาติที่แล้วของข้าได้ เพราะว่าชะตาชีวิตของข้า ไม่คู่ควรแก่การสืบหา ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม” หรงอี้ที่พูดชัดถ้อยชัดคำ แววตาเขาเย็นชา
“เป็นไปไม่ได้” เจี่ยนชิวไม่เชื่อ นางย่อมไม่เชื่อ เพราะว่าถ้าเชื่อแล้วก็เท่ากับว่าทุกอย่างที่นางทำลงไปล้วนเป็นเรื่องตลก การเข้าใจที่ผ่านมาของตนเป็นเพียงการคิดไปเองเท่านั้น
ทว่า… เยี่ยนอวี๋จำเป็นต้องพูดขึ้นว่า “สามสิบล้านปีก่อน เจ้าตื่นขึ้นมาในตำหนักชิวสุ่ยใช่หรือไม่ หากเจ้ายังไม่เชื่อ ข้าพาเจ้าไปถามจากปากเทียนตี้ได้ แม้ชายคนนี้จะเจ้าชู้ไปหน่อย แต่เขาก็กล้ายอมรับในสิ่งที่ตนทำลงไป”
“หุบปาก” เจี่ยนชิวเสียสติอีกครั้ง “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่นอน”
แต่เยี่ยนอวี๋มั่นใจมากว่าคนที่นอนกับเจี่ยนชิวคือเทียนตี้แน่นอน มิเช่นนั้นครานั้นเทียนตี้คงไม่มาหานางและพูดเช่นนั้นกับนางอย่างมีความสุข
มิน่าเล่า…
นางรู้มาตลอดว่าหากเทียนตี้ไม่แน่ใจ เขาจะไม่ไปหานางให้นางตระเตรียมแน่นอน เห็นทีจะให้ความสำคัญกับเจี่ยนชิวไม่น้อย ต่อมากลับไม่สำเร็จ เยี่ยนอวี๋ยังเคยถามเขา เขากลับบอกว่าเจี่ยนชิวไม่ชอบเขา เรื่องจึงผ่านไปเช่นนี้
แต่ว่า…
“เจี่ยนชิว ข้าขอเตือนเจ้าอีกครั้ง ครานั้นเรื่องระหว่างเจ้าและเทียนตี้ แต่เดิมมีเพียงเทียนตี้ ข้าและซีซี สามคนที่รู้ ต่อมากลับแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมือง และยังบอกว่าเจ้าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เจ้าไม่รู้สึกว่ามันบังเอิญไปหน่อยหรือ”
เยี่ยนอวี๋ที่นึกย้อนกลับไปรู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องถูกวางแผนไว้แต่แรกแล้ว
หากในครานั้นเรื่องไม่ถูกแพร่งพรายออกมา เจี่ยนชิวคงไม่ถูกส่งไปยมโลกในเวลาต่อมา
ทว่า… เจี่ยนชิวหัวเราะ “เจ้าอยากพูดอะไร บอกว่าเมื่อสามสิบล้านปีก่อน ราชาแห่งจักรวาลก็เริ่มวางแผนกับข้าแล้วหรือ น่าเสียดาย ข้าเจอคุณชายหรงครั้งแรกเมื่อสามหมื่นปีก่อน จากนั้นจึงไปแอตแลนเมื่อสามสิบล้านปี แต่ว่า…”
เจี่ยนชิวที่จู่ๆ หัวเราะแปลกประหลาดออกมา นางกลับร้องไห้และเปลี่ยนมาพูดว่า “บางที ท่านอาจจะพูดถูก ทั้งหมดนี้คือเวรกรรม คือวงจรที่เชื่อมต่อกันตั้งแต่ต้นจนจบ ลากข้าเข้าไปข้องเกี่ยว ราชาแห่งจักรวาล เขาทำได้…”
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วมองเจี่ยนชิว ไม่แน่ใจว่าฝ่ายหลังเชื่อแล้วจริงๆ หรือไม่ ทว่าซีหวังหมู่ตบขาพูดขึ้นว่า “เจ้ารู้ก็ดีแล้ว ว่าแต่ราชาแห่งจักรวาลคือใครหรือ”
“เรื่องนี้ข้าจะบอกพวกเจ้าวันหลัง” เยี่ยนอวี๋ตอบคำถามของซีหวังหมู่
ส่วนเจี่ยนชิว นางกลับหัวเราะและร้องไห้อย่างเสียสติขึ้นมาราวกับถูกกระทบกระเทือนไม่น้อย
หมาป่ายักษ์เฟนเลย์ถามว่า “เช่นนั้นตอนนี้ทำอย่างไร มัดไว้ต่อไปหรือ หรือว่ากินได้แล้ว”
“ฮ่าๆๆ” เจี่ยนชิวที่จู่ๆ หยุดหัวเราะ นางกลับมองไปที่เยี่ยนอวี๋อีกครา “ข้าอยากตายอย่างสมเกียรติ ขอเพียงท่านรับปากหม่อมฉัน หม่อมฉันจะบอกท่านสองเรื่อง”
“ว่ามาสิ” เยี่ยนอวี๋ไม่ได้รับปากอะไร
เหมือนกับว่าเจี่ยนชิวก็ไม่สนใจหรือไม่ก็รู้ว่าเยี่ยนอวี๋ต้องให้นางตายได้อย่างสมเกียรติจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เรื่องแรก เกรงว่าท่านจะไม่รู้ว่าการตายของท่านไม่ใช่การกลับสู่ธรรมชาติปกติ แต่เพราะคุณชายหรงเข้ามาแทรกแซง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจ แต่การฝ่ากำแพงของสองโลกเมื่อสามหมื่นปีก่อนส่งผลกระทบต่อการตายของท่าน ท่านลองคิดดู ก่อนที่ท่านจะร่วงหล่น ท่านเห็นแสงสีฟ้าวาดผ่านจักรวาลดั้งเดิมใช่หรือไม่ นั่นก็คือเขา หรงอี้”