ตอนที่ 672 โฉมหน้าคนขโมยโลงศพ สามีภรรยาร่างเดียวกัน
เพราะว่าพวกเขาสัมผัสถึงพลังวิเศษที่ต้าซือมิ่งใช้เมื่อครู่นี้แล้ว รู้ว่าตอนนี้เขากำลังอ่อนแรง
พวกเขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้หลุดลอยไปและกำลังวางแผนสังหารต้าซือมิ่งแล้ว
พวกเขาในครานี้รู้ว่าเจ้าแซ่หรงคนนี้คือไพ่ใบสุดท้ายของปฐมราชินีเยี่ยน หากไม่กำจัดเขา พวกเขาไม่มีทางทำให้ปฐมราชินีตายอย่างสิ้นเชิงได้
ดังนั้น… ตอนนี้คือโอกาสที่ดีที่สุด
“ต้องเร่งมือ”
“ใช่ มิเช่นนั้นปฐมราชินีเยี่ยนหาเราเจอแน่”
“ข้ากลัวว่านางจะรู้ว่าพวกเขาคือใครแล้ว”
คำพูดของไท่เฮ่าทำให้เทพสี่องค์ที่กำลังร่ายคาถาเงียบงันลง
แม้พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่ได้ทิ้งกลิ่นอายไว้ในเหตุการณ์ แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์เมื่อครู่นี้ของต้าซือมิ่ง ทำให้พวกเขารู้สึกกังวลไม่น้อย
แม้ดูเหมือนว่าต้าซือมิ่งจะแสดงอิทธิฤทธิ์ไปเพียงครึ่งทางและหยุดอาเจียนเป็นเลือดแล้ว แต่ว่า…
“วิชาย้อนเวลาเป็นพลังเหนือธรรมชาติอันเป็นปรปักษ์สวรรค์ เขาทำได้อย่างไร”
“ไม่แน่ใจ เท่าที่ข้ารู้ ผู้มีพลังจิตจำนวนมากเคยศึกษาวิชาประเภทนี้ แต่ล้วนล้มเหลว ทว่านี่คือสถานการณ์ของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ทางฝั่งแอตแลนหรือเทียนอวี่จะเหมือนที่นี่หรือไม่ไม่รู้” ไท่เฮ่ารู้สึกสับสนในใจ
ในแง่หนึ่งพวกเขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าแซ่หรงคนนี้จะวิปริตเช่นนี้ ในอีกแง่หนึ่งพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเยี่ยนอวี๋เร็วเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นใด พวกเขาก็ล้มเลิกไม่ได้
ดังนั้นเหล่าทวยเทพบรรพกาลทั้งห้าจึงร่ายคาถาต่อไป
ท่ามกลางเหล่าทวยเทพทั้งห้ามีโลงศพอยู่สองโลง ขนาด แบบและลวดลายเหมือนกับโลงศพของร่างพลังอื่นของต้าซือมิ่งที่ใช้นอน
เห็นได้ชัดว่าโลงศพของต้าซือมิ่งสีเขียวและสีฟ้าถูกพวกเขาขโมยไป อีกทั้งดูเหมือนว่ามันใช้สำหรับผนึกพลังที่ขโมยมาจากต้าซือมิ่ง
วิ้ง วิ้ง
เมื่อพลังงานสองกลุ่มถูกกระตุ้น โลงศพทั้งสองโลงก็สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องและหลั่งไหลแสงสีฟ้าและสีเขียวแปลกประหลาดออกมา ก่อนจะค่อยๆ ผสมผสานกันเหนือโลงศพ
ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการผสมผสานให้กลายเป็นอักษรรูนบิดเบี้ยวนั่นเพื่อสังหารต้าซือมิ่ง
“ครานี้ดูซิว่าเขาจะหนีไปอย่างไร”
“หนีไม่ได้หรอก”
ในสายตาของทวยเทพบรรพกาลทั้งห้าปรากฏแววตาแน่วแน่
อักษรรูนที่กำลังก่อร่างก็แผ่ซ่านกลิ่นอายบ้าคลั่งอันหาที่เปรียบไม่ได้ของลวดลายศักดิ์สิทธิ์
กลิ่นอายเช่นนี้… ทำให้ต้าซือมิ่งที่อยู่ไกลออกไปรับรู้ทันที หนังตาเขากระตุก
“เป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน” เยี่ยนอวี๋ที่มือถือกระบี่ไท่ชางถามขึ้น ท่าทางเหมือนพร้อมโจมตีตลอดเวลา
ทว่าต้าซือมิ่งกลับส่ายศีรษะ “โจมตีตอนนี้ไม่ทัน”
เยี่ยนอวี๋ได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
หรงอี้นั่งขัดสมาธิลงและสั่งเด็กน้อยว่า “ประเดี๋ยวเสี่ยวเป่าต้องช่วยรักษาท่านพ่ออย่างเต็มที่”
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ ‘เปล่งแสง’ ในทันทีบอกว่าไม่มีปัญหา
เยี่ยนอวี๋ถามว่า “แล้วข้าเล่า”
หรงอี้พูดขึ้นว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์นั่งข้างๆ ข้า ข้าอาจจะต้องยืมพลังของเจ้า”
เยี่ยนอวี๋นั่งลงโดยไม่พูดอะไรสักคำและให้พวกซีหวังหมู่คอยพิทักษ์พวกเขาให้ดี
แม้นางจะไม่รู้ว่าทวยเทพทั้งห้ากำลังทำอะไร แต่นางเดาได้ว่าพวกเขาคงจะกำลังใช้พลังของสามีนางต่อสู้กับเขาแล้ว
ในครานี้เอง…
วิ้ง
อักษรศักดิ์สิทธิ์บิดเบี้ยวที่ไท่เฮ่าพวกเขาจำลองออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
พวกเขาไม่ได้คุยกันอีก เห็นได้ว่ากำลังใช้พลังทั้งหมดเร่งการสร้างอักษรรูนตัวนั้น เพราะไม่อยากให้ต้าซือมิ่งรู้ตัว
ในครานี้อย่าว่าแต่เยี่ยนอวี๋ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกายต้าซือมิ่งเลย แม้แต่ซีหวังหมู่ จางอวิ๋นเมิ่งพวกเขาที่อยู่บริเวณรอบๆ ล้วนรับรู้ถึงเจตนาสังหารที่ร้ายแรงจากความว่างเปล่า?
“อ้ะ” เด็กน้อยที่เห็นได้ชัดว่าก็รับรู้ถึงแล้ว เขากอดท่านพ่อของเขาไว้แน่น แสงหมอกสีขาวกลายเป็นสีม่วง มิหนำซ้ำยังปกคลุมท่านพ่อของเขาไว้ทั้งหมดด้วย
เยี่ยนอวี๋หลับตาลง สัมผัสเจตนาสังหารนั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อค้นหาแหล่งต้นกำเนิดของมัน แต่นางพบในทันทีว่านางไม่สามารถหาเจอได้เลย
ผลลัพธ์นี้แม้เยี่ยนอวี๋จะคาดคิดไว้แล้ว แต่กลับยังคงทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออกและไร้เรี่ยวแรง
“เพราะอะไร”
ในใจของเยี่ยนอวี๋มีเพียงสามคำนี้ นางอยากจะถามพวกเขาด้วยตนเองจริงๆ
ทว่า… ต้าซือมิ่งในครานี้ส่งโทรจิตให้นางว่า เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์
อืม เยี่ยนอวี๋เรียกพลังจิตใจทั้งหมดกลับมา
เข้ามาในจิตเหนือสำนึกของข้า
?
เยี่ยนอวี๋ชะงัก แต่นางก็คิดถึงร่างวิญญาณตัวน้อยตัวนั้นของต้าซือมิ่งที่เคยเข้าไปในอนุสติของนางได้อย่างรวดเร็ว นางจึงรวบรวมร่างพลังวิญญาณของตนออกมาก่อนจะผสานเข้าไปในจิตเหนือสำนึกของสามีนาง
เพียงครู่หนึ่ง เยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกว่าตนเองเข้าไปในทะเลหมอกไร้ที่สิ้นสุดแห่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่านี่ก็คืออนุสติของสามีนางแล้ว
ขณะที่เยี่ยนอวี๋สำรวจรอบทิศ นางก็รู้สึกมือเย็นเล็กน้อย และมีอาการสั่นอย่างบอกไม่ถูกพร้อมกับการปรากฏตัวของสามีนาง เยี่ยนอวี๋ถึงกับรู้สึกตัวสั่นด้วยสัญชาติญาณ รู้สึกชาไปทั้งตัว ทำให้นางแทบจะหมดแรงจนต้องพิงตัวสามีไว้ ทว่าสภาพของต้าซือมิ่งเองก็ไม่ต่างจากนางเท่าไร “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์”
“อืม”
เสียงของทั้งสองแหบแห้งเล็กน้อย นี่เป็นเพราะการรับรู้ของร่างพลังวิญญาณจะไวต่อความรู้สึกมากกว่าร่างกาย โดยเฉพาะตบะของพวกเขาทั้งสองที่สูงเช่นนี้และยังรักกันเช่นนี้
ดังนั้น… หรงอี้สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะข่มความรู้สึกแย่ๆ นั้นไว้ได้
ในขณะเดียวกัน…
วิ้ง
เยี่ยนอวี๋เห็นว่าท่ามกลางทะเลหมอก มีแสงสีเขียวและสีฟ้าดำคล้ำกำลังบุกรุกเข้ามา?
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ช่วยจัดการพวกเขาให้ข้าที ข้าจะไปแหล่งกำเนิดแสงเพื่อเรียกพลังของข้ากลับมา” นี่คือแผนการรับมือของหรงอี้ ไม่เพียงแค่ต้องต่อต้านและยังต้องเก็บพลังของตนเองคืน
เยี่ยนอวี๋กลับจับมือของสามีไว้แน่น “แต่ว่าข้า…” นางจะพูดว่านางกลัวว่าตนเองจะทำไม่ได้ ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือจิตเหนือสำนึกของสามีนาง พลังจากภายนอกของนางจะทำให้เขาบาดเจ็บได้
แต่ว่า… หรงอี้ที่หันไปจูบหน้าผากของภรรยาก็พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “สามีภรรยาร่างเดียวกัน ข้าเชื่อว่าภรรยาทำได้”
เมื่อพูดจบ… หรงอี้หายตัวไป
ในขณะเดียวกัน
ชู่