ตอนที่ 673 ไม่บกพร่องทั้งต่อสู้และเกี้ยวพาน การโจมตีฉบับคนน่ารัก
เยี่ยนอวี๋รู้สึกตัวสั่นเทาตั้งแต่หัวจรดเท้าจนถึงเส้นผม เพียงเพราะว่าถูกสามีจูบเบาๆ เท่านั้น
ความรู้สึกจะเป็นจะตายเช่นนี้… หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนอวี๋มีจิตตานุภาพที่ยิ่งใหญ่เพียงพอคงทำให้เสียเรื่องได้
แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพราะต้าซือมิ่งสลายไปอย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นเขาก็คงทำเสียเรื่องเช่นกัน
“บัดซบ”
เยี่ยนอวี๋ที่นานๆ ทีจะก่นด่า จิตเหนือสำนึกของนางกลับเล็งไปที่แสงผิดปกติที่บุกรุกเข้ามาในจิตเหนือสำนึกของสามี นางสัมผัสได้ว่า แสงเหล่านี้ล้วนเผยให้เห็นถึงความโอหังที่บิดเบี้ยวรุนแรง
นอกจากนี้ เยี่ยนอวี๋ยังคงสามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของสามีนางท่ามกลางกลิ่นอายเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายเหล่านี้มาจากพลังของสามีเขา ซึ่งก็ตรงตามที่นางคาดเดาไว้เมื่อครู่นี้ไม่มีผิด
เมื่อคิดถึง… ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยบงการเรื่องเหล่านี้คือพี่น้องและเพื่อนรักของตนเอง เยี่ยนอวี๋ก็เย็นชาลง
“ฮึ”
นางที่ยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา นัยน์ตาปรากฏความอาฆาต ทำให้นางผู้มีมาดของสาวน้อยบอบบางขี้อายกลายเป็นมาดของผู้บัญชาการที่มีกองกำลังนับพันคนหนึ่งทันที
กลิ่นอายเช่นนี้… คือกลิ่นอายที่เคยแผ่ซ่านเมื่อครั้นเยี่ยนอวี๋นำทัพเหล่าทวยเทพในสงครามเทพและมารเมื่อหลายสิบล้านปีก่อน ทำให้ ‘คู่ต่อสู้’ ของนางในบัดนี้ ไท่เฮ่าองค์เทพทั้งห้าล้วนรับรู้ได้อย่างชัดเจน
“เกิดอะไรขึ้น”
เทพทั้งห้างงงัน ถึงอย่างไรเป้าหมายของพวกเขาก็คือต้าซือมิ่ง มิใช่ปฐมราชินีเยี่ยน สุดท้าย ‘คู่ต่อสู้’ กลับกลายเป็นกลิ่นอายของปฐมราชินีเยี่ยน?
และกลิ่นอายเช่นนี้ พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
มันคือจิตวิญญาณการต่อสู้ของปฐมราชินีหยวนชู
คือความดื้อรั้นที่ยืนยงของเทพศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
ครานั้นปฐมราชินีเยี่ยนเช่นนี้พาพวกเขาต่อสู้ในสงครามเทพและมารจนถึงวินาทีสุดท้ายและยังคงต่อสู้ต่อไปได้
จนถึงตอนท้ายสุด… แม้ไท่เฮ่าจะตายในสงครามอย่างอนาถ สิ่งที่แลกมากลับไม่ใช่การสูญสิ้นของปฐมราชินีเยี่ยน แต่กลับทำให้นางยิ่งแข็งแกร่ง เทวาอัสดงเพียงท่าเดียวสังหารสิบสองเทพมารรวมถึงแอนนาในครานั้น
บัดนี้… นางมาอีกแล้ว
ทว่า… เจ้าแม่หนี่ว์วายังคงไม่เข้าใจ “คนที่ข้าต่อสู้ด้วยตอนนี้ไม่ใช่นางนี่”
“ใช่แล้ว พวกเราก็ไม่อยากเผชิญกับนางตอนนี้ ถึงอย่างไรผู้ที่อ่อนแอในยามนี้คือเจ้าหรงอี้นั่น” จวนซวีเองก็ไม่เข้าใจ
เหยียนตี้ถึงกับถามว่า “หรือว่าเราเข้าใจผิดไป”
“เป็นไปไม่ได้” ไท่เฮ่ามั่นใจว่าถูกต้อง นอกจากนี้เขายังเดาว่า “บางทีเจ้าแซ่หรงคนนี้คงแสดงอิทธิฤทธิ์บางอย่างออกมา เจ้าหมอนี่ล้ำลึกมิอาจหยั่งถึงจริงๆ”
“ก็จริง…” เจ้าแม่หนี่ว์วาเห็นด้วยกับไท่เฮ่า เท่าที่พวกเขาสังเกตจนถึงยามนี้ เจ้าหมอนี่ทำได้ทุกอย่าง แม้ร่างกายจะอ่อนแอก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้
หากไม่ใช่เพราะมีตัวแปรเช่นเขา ปฐมราชินีเยี่ยนไม่มีทางเกิดใหม่ได้เมื่อครั้นสามหมื่นปีก่อน
ดังนั้นตอนนี้ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ต้องกำจัดเจ้าหมอนี่ให้ได้ก่อน มิเช่นนั้นทุกอย่างคงไร้ประโยชน์ดังเช่นเมื่อสามหมื่นปีก่อน
เจ้าแซ่หรงสมควรตายคนนี้ ไม่รู้ว่าเขามาจากไหนกันแน่ ยังเข้ามาพัวพันกับปฐมราชินีอีก
เมื่อคิดได้ดังนี้… พลังของเทพทั้งห้าก็ยิ่งทวีความเย่อหยิ่งและพลุ่งพล่านขึ้น มีท่าทีเหมือนกับจะทำลายจิตเหนือสำนึกของต้าซือมิ่งในทันที
แต่แล้ว… บัดนี้ เยี่ยนอวี๋ที่ร่างพลังวิญญาณจางจนเกือบจะไม่เห็นร่องรอยแล้ว นางก็สลายพลังวิญญาณของตนเองเข้าไปในทุกอณูของจิตเหนือสำนึกของสามีนาง เหมือนกับที่สามีนางพานางไปสัมผัสจักรวาลทางเหนือ นางผสานเข้าไปในอนุสติของเขาได้อย่างเต็มที่ ไม่ได้เร่งรีบที่จะไล่แสงผิดปกติเหล่านั้นออกไป
แม้นางจะรู้ว่า แสงเหล่านี้ในบัดนี้ได้ก่ออันตรายแก่สามีของนางแล้วก็ตาม นางก็ไม่รีบร้อน และห้ามรีบร้อน เพราะนางรู้ว่าผลจากการลงมืออย่างฉุกละหุกจะทำให้อนุสติของภรรยานางบาดเจ็บเหมือนที่นางเคยพูดไว้ แต่ว่าคำว่า ‘สามีภรรยาร่างเดียวกัน’ ย้ำเตือนนาง ดังนั้น ‘สนามรบ’ ในบัดนี้คือสนามรบของเจ้าตัวน้อย
พรวด…
ต้าซือมิ่งที่ร่างกายอาเจียนเป็นเลือดไม่หยุด ทำเอาศีรษะของเด็กน้อยถูกย้อมเป็นสีแดง เขาตกใจใหญ่ “อ้ะ อ้ะ พ่อ ปิด ปาก”
เด็กน้อยที่พูดพลางเปล่งแสงหมอกสีม่วงทั่วเรือนร่างทำท่าจะบินขึ้นไปปิดปากของท่านพ่อไว้ กระวนกระวายใจจะตายอยู่แล้ว ศีรษะของเขาท่วมไปด้วยเหงื่อ
เฟนเลย์รีบหยิบต้น(อ่อน)แห่งชีวิตออกมา “นายน้อย ให้ต้นไม้แห่งชีวิตช่วยเถอะ”
ต้นอ่อนที่คัดค้านในใจมีน้ำไหลออกมาทันที มันคือน้ำตาแห่งความโศกเศร้า
เอ้อร์เหมาเห็นดังนั้นจึงคิด ขาดก็แต่บรรเลงดนตรีด้วยเอ้อร์หูประกอบแล้ว เขารู้สึกอนาถมาก…
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ได้ต้องการใช้ต้นไม้แห่งชีวิต “ไม่ ใช้”
เฟนเลย์จึงได้แต่เก็บต้นอ่อนกลับมา
“ดอกไม้ ดอกไม้ไง” เด็กน้อยเรียกดอกไม้น้อยๆ ของเขา
ทว่าเขาเพิ่งจะเรียกออกมา ทุกคนก็กำลังคิดว่าไม่ควรเรียกด้วยวิธีเช่นนี้ เยี่ยนจื่อเยี่ยถึงกับจะเตือนเด็กน้อยว่าควรต้องใช้วิธี ‘คิด’ หรือไม่
ทว่า…
ฟริ้งๆ…
ดอกไม้สีม่วงช่อหนึ่งบานไปทั่วร่างกายของต้าซือมิ่ง เหมือนกับว่าทั่วร่างกายของเขาบานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้
มิหนำซ้ำ ไม่ใช่เพียงร่างกายที่ดอกไม้กำลังบาน มันบานแม้แต่ในจิตเหนือสำนึก
ถึงอย่างไรเยี่ยนอวี๋ก็รับรู้ถึงกลิ่นอายของเจ้าตัวน้อยตัวนุ่มนิ่มแล้ว “ลูก?”
“อ้ะ” เด็กน้อยที่ได้ยินจริงๆ ก็เรียกท่านแม่เขา “แม่?”
จากนั้นเยี่ยนอวี๋ที่ลืมตาขึ้นในอนุสติของต้าซือมิ่ง นางก็เห็นเด็กน้อยอวบอ้วนที่เปล่งแสงได้ ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด
“แม่” เมื่อเยี่ยนเสี่ยวเป่าเห็นร่างจางๆ ของท่านแม่ก็ดีใจมาก
เขาเพิ่งมายังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยที่เป็นสีขาวโพลนแห่งนี้ รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าที่นี่มีแต่กลิ่นอายของท่านพ่อเขา เขาคงไม่กล้ามา แต่ว่า…
เยี่ยนอวี๋เตือนขึ้นว่า “เสี่ยวเป่าอย่าหัวเราะ” เดี๋ยวก็หัวเราะตื่นหรอก
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่รีบหุบยิ้มก็ปิดปากไว้ทันที ดวงตาโตคู่หนึ่งโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว ร่างกายอวบอ้วนของเขาลอยไปหาท่านแม่แล้ว
ขณะที่เยี่ยนอวี๋ผสานกับจิตเหนือสำนึกของสามีก็สอนเด็กน้อยว่า “กลิ่นอายของพวกคนร้ายกำลังทำลายท่านพ่อรูปงามของเจ้าในยามนี้ เสี่ยวเป่าต้องปกป้องท่านพ่อเจ้าให้ดี อย่าให้เขาถูกแสงเหล่านี้พันไว้”
“ขอรับ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างจริงจังและนอนหลับข้างๆ ท่านแม่ของเขา แสงหมอกสีม่วงที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาก็แผ่เข้าไปในจิตเหนือสำนึกของท่านพ่อเขาอย่างรุนแรงกว่าเดิม
จากนั้น… ‘คู่ต่อสู้’ ก็ยิ่งงงงัน
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเหมือนกับว่าฝ่ายตรงข้ามยังปรากฏกลิ่นอายรักษาอันแข็งแกร่งด้วย?”
“นั่นน่ะสิ แม้จะอ่อนนุ่มนิ่ม แต่ก็ศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถรักษาการสึกกร่อนของพลังจิตใจของเจ้าหมอนั่นได้”
“ตัวอะไรกันแน่” จักรพรรดิแห่งเปลวเพลิงที่ค่อนข้างเกรี้ยวกราดถึงกับจะลืมตาขึ้น
อันที่จริงหากเขาลืมตาขึ้นในยามนี้จริงๆ เขาจะเห็น ‘เงาร่าง’ ของต้าซือมิ่งปรากฏขึ้นข้างหน้าพวกเขาและจมหายเข้าไปในโลงศพ
ทว่าเจ้าแม่หนี่ว์วาเตือนขึ้นว่า “เทพกสิกรรม อย่าได้วู่วาม”
จักรพรรดิเปลวเพลิงที่สูดหายใจเข้าลึกระงับความโมโหไว้ เขาส่งพลังเข้าไปในอักษรรูนที่บิดเบี้ยวนั่นต่อไป
ต้าซือมิ่งจึงมาอย่างเงียบๆ และ ‘นอน’ เข้าไปในโลงศพอีกโลงเงียบๆ ไม่ได้ทำให้ ‘ผู้ใด’ ตื่นตระหนก
ทว่าเขาเพิ่งจะนอนลงไป จักรพรรดิเปลวเพลิงก็ก่นด่าขึ้นมาว่า “ให้ตายเถอะ กลิ่นอายนี่มันคืออะไรกันแน่ แสบไปหมด”
“แค่ก แค่กๆ…”
จักรพรรดิเซวียนหยวนที่กลัวเผ็ดที่สุดได้ลืมตาขึ้นแล้วเนื่องจากความเผ็ดร้อน เขาทนไม่ไหวจริงๆ “รสหมาล่า” นี่จะให้เขาสำลักตายหรือไง
“เซวียนหยวนเจ้าพักก่อน ให้พวกเราทำเอง” ไท่เฮ่าได้แต่พูดเช่นนี้ ถึงอย่างไรเจ้าเซวียนหยวนคนนี้ก็ไวต่อรสเผ็ดตั้งแต่เล็ก หากยังฝืนทำต่อไป อาจจะสลบเพราะความเผ็ดได้
เพียงแต่ว่า… ไท่เฮ่าเพิ่งพูดจบ เขาก็สัมผัสถึงเจตนาสังหารที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมของ ‘คู่ต่อสู้’ แล้ว
ถึงอย่างไรเยี่ยนอวี๋ในบัดนี้ก็ผสานร่างวิญญาณกับสามีของนางเสร็จแล้ว ดังนั้นนางในยามนี้กำลังชำระล้างแสงสีเขียวและสีฟ้าที่ผิดปกติเหล่านั้น
ไม่เพียงเท่านี้… เยี่ยนอวี๋ยังถามเด็กน้อยว่า “เสี่ยวเป่าได้ยินแม่พูดหรือไม่”
“อะ ไรหรือ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ลืมตาที่งัวเงียขึ้นถาม
เยี่ยนอวี๋ถามว่า “เสี่ยวเป่าให้ดอกไม้หมาล่าของเจ้าเกี่ยวพันกลิ่นอายของแม่ไปจัดการสาวเลวให้ท่านพ่อเจ้าได้หรือไม่”
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายศีรษะ “ไม่ รู้ เป่าถามดู…”
จากนั้นเด็กน้อยก็แปลงดอกไม้ดอกน้อยดอกหนึ่งออกมาจากปลายนิ้วถามว่า “ได้หรือไม่”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางประเมินเด็กน้อยสูงเกินไปหรือไม่นะ คงยากเกินไปสำหรับลูกสินะ
แต่แล้ว… ดอกไม้หมาล่าศักดิ์สิทธิ์กลับพยักหน้า
มันพยักหน้าเหมือนมนุษย์จริงๆ อีกทั้งดอกไม้ยังเกี่ยวพันร่างพลังวิญญาณที่เจือจางของเยี่ยนอวี๋อย่างคล่องแคล่ว
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางลูบเด็กน้อยเบาๆ และโจมตีกลิ่นอายของ ‘ฝ่ายตรงข้าม’ ที่กัดกร่อนเข้ามากลับไปทันที
จากนั้น…