ตอนที่ 680 กลับกลอก สามีใจดำฆ่าเจ้าไม่ตาย
กรงเล็บโครงกระดูกสีดำทองจับขาอวบอ้วนน้อยๆ ของเด็กน้อยไว้แล้ว ทว่าทันทีที่กรงเล็บโครงกระดูกจับเด็กน้อยไว้ มันก็ถูกค้อนจิ๋วสีดำทุบสลายทันที
เด็กน้อยจึงรีบหดตัวกลับไปในอ้อมอกของท่านพ่อเขา แต่ยังคงกรีดร้องเหมือนกระรอกถู่ป๋า “อ้ะ อ้ะๆๆ พ่อ ผี จับเป่า” เป่าตกใจจะตายแล้วๆๆๆ
ต้าซือมิ่งที่รวบตัวเด็กน้อยเข้ามาอีกครั้ง เขาก็พูดอย่างสงบว่า “เมื่อครู่นี้บอกว่าพ่อใจร้ายมิใช่หรือ”
“สร้าง โอกาส ให้พ่อ แสดง” เยี่ยนเสี่ยวเป่ามุดขึ้นไปที่บ่าของท่านพ่อเขาและยังมองไปรอบทิศอย่างหวาดกลัว กลัวความรู้สึกที่จู่ๆ ถูกบางสิ่งบางอย่างที่เยือกเย็นจับเหมือนเมื่อครู่นี้มาก
ต้าซือมิ่งที่รับรู้ได้ว่าเด็กน้อยกลัวจริงๆ เขาก็ลูบหลังของเด็กน้อยเบาๆ “กลัวอะไร เมื่อครู่นี้ค้อนจิ๋วของเจ้าออกมาช่วยเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ”
“มี หรือ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่รู้เรื่อง เอาแต่หดตัวเข้าไปในซอกคอของท่านพ่อ
เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ถูกกุ่ยหมู่ขังไว้ทิ้งรอยแผลเป็นไว้กับเขาที่ยังเด็ก ทำให้เขาในตอนนี้ไม่ชอบความรู้สึกหนาวเย็นมาก
ทว่าเทียบกับเขาตัวน้อยผู้โชคดีแล้ว เอ้อร์เหมาก็ไม่ได้โชคดีเช่นเขา เพราะเขาถูกจับก้น และยังจับโดนส่วนที่อ่อนไหวด้วย ความเจ็บแสบนั้น…
หากไม่ใช่เพราะซีหวังหมู่ลงมือได้ไว นางจับกรงเล็บโครงกระดูกนั่นทิ้งไป เขาคงเจ็บแสบต่อไป…
“โอ๊ย” เอ้อร์เหมาสีหน้าย่ำแย่ “นี่มันตัวบ้าอะไรกัน”
อินหลิวเฟิงหัวเราะตบพื้นไม่หยุด “สมควร พูดมากดีนัก กรรมตามสนอง”
เอ้อร์เหมา “…”
เจ้านายไร้คุณธรรมคนนี้ไร้หัวใจจริงๆ ทว่าอินหลิวเฟิงก็ไม่ได้ได้ใจนานเท่าไร เขากระโดดขึ้นฟ้าแล้ว
ซู่
ตำแหน่งที่เขาจากไป มีมือสีดำทองปรากฏขึ้นพร้อมกัน
หากไม่ใช่เพราะเขาหนีไปได้ทันกาล คงมีจุดจบเดียวกับเอ้อร์เหมา
อินหลิวเฟิงจู่ๆ ก็รู้สึกคันก้นขึ้นมา… ทว่าตำหนักผีในครานี้ปรากฏมือผีนับไม่ถ้วน พยายามขับไล่เยี่ยนอวี๋และพรรคพวกออกไป
แม้แต่กลิ่นอายปีศาจที่ก่อนหน้านี้สลายไปแล้วก็กำลังรวมตัวกันกลับมา
“นายท่าน”
ซีหวังหมู่ที่เข้ามาปกป้องข้างกายเยี่ยนอวี๋ทันที นางก็แผ่ซ่านกลิ่นอายโทษทัณฑ์อันโหดเหี้ยมออกมา ขับไล่ไอความชั่วร้ายอันน่าสะพรึงนั่นออกไปไกล
เยี่ยนเสี่ยวเป่าปริปากอย่างดีอกดีใจ “ซีซี รัก”
“ซีซีก็รักนายน้อย” ซีหวังหมู่ตอบอย่างดีอกดีใจ
เทพอัสนีสำรวจรอบทิศและเข้าไปอยู่ข้างหน้าเยี่ยนอวี๋ “ไอมรณะกลับมาอีกครั้ง เหมือนกับว่าจะมีผีสางที่ไม่รู้จักเคลื่อนมาทางนี้ด้วย”
เยี่ยนอวี๋มองไปที่ต้าซือมิ่งอย่างไม่ประหลาดใจนัก ฝ่ายหลังพยักหน้าอย่างรู้ใจภรรยา “ข้านำทางเอง”
“ไปไหนหรือ” อินหลิวเฟิงงุนงง
กู้จื่อเฟิงเข้าใจแล้ว แต่เขาไม่ได้พูด เพียงแค่ตอบอย่างเยือกเย็นว่า “ตามไปก็พอ พูดอะไรมากมาย”
“นั่นสิ” เอ้อร์เหมาสำทับ เขาจับนายท่านของพวกเขาวิ่งอยู่ข้างหน้า ตามหลังปฐมราชินี กลัวว่าจะถูกจับก้นอีกครั้ง
ทว่าโลกีในครานี้ เขาก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว “ปล่อยข้าไปจริงๆ ไม่ได้หรือ จนถึงบัดนี้แล้ว ปล่อยข้าได้หรือไม่”
“แหม” ซีหวังหมู่เพิ่งจำได้ว่าหางของนางแขวนคนๆ หนึ่งไว้อยู่ เพราะเขาอยู่นิ่งและเชื่อฟัง ไม่เคยดิ้นเลย จึงไม่เคยทำให้มันตกใจ
อินหลิวเฟิงที่เพิ่งนึกถึงโลกีบุคคลคนนี้ เขาก็ยิ้ม “หากเจ้าไม่พูด ข้าคงลืมไปแล้วว่าเรายังมีเครื่องมือนำทาง”
เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวแล้ว ไม่ว่าไปไหนก็รู้สึกปลอดภัย
“ทุกท่าน โดยเฉพาะกูไหน่ไน ข้าเคยโกหกท่านเพียงครั้งเดียว ถึงกับต้องมัดไว้ไม่ปล่อยเช่นนี้หรือ” โลกีอยากจะร้องไห้จริงๆ แล้ว “ให้ข้ากลับแอตแลนเป็นนักพรตผู้สง่างามได้หรือไม่”
“เพ้อเจ้อ” ซีหวังหมู่ที่สะบัดหาง มันก็สะบัดโลกีไปข้างหน้าเยี่ยนอวี๋ “นายท่าน ประเดี๋ยวถึงพื้นแล้ว เราโยนเขาเข้าไปสำรวจทางเถอะ รู้สึกเยี่ยมไปเลย”
“ได้” เยี่ยนอวี๋อนุมัติ
โลกีอยากจะร้องไห้แล้วจริงๆ “กูไหน่ไน…”
“หากทนได้ตลอดทางแล้วเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะปล่อยเจ้าไป” เยี่ยนอวี๋ยื่นข้อเสนอให้ โลกีพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจดี
พูดตามตรง ตลอดทางที่เขาตามมา เขารู้สึกได้ว่าหลุมศพแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ชั่วร้ายธรรมดา กลิ่นอายรอบทิศมักจะทำให้เขารู้สึกขนลุกขนชัน
มิหนำซ้ำ… โลกีจำเป็นต้องพูดว่า “พวกเจ้าไม่คิดหรือว่ากรงเล็บโครงกระดูกเหล่านั้นต้องการขับไล่พวกเจ้าออกไป หมอกผีเหล่านี้ในยามนี้กำลังนำทางพวกเจ้า”
กู้จื่อเฟิงกลอกตาใส่โลกี เพราะว่าหลักการพื้นๆ เท่านี้ เขาย่อมรู้ดี เขาเชื่อว่าสามีสองคนที่อยู่ข้างหน้าก็รู้ เพียงแต่ว่า พวกเขาพร้อมที่จะสู้กลับไป
ในขณะเดียวกัน… ในถ้ำมืดนิรันดร์
“มาแล้ว”
จักรพรรดิเปลวเพลิงรับรู้ได้ว่าเยี่ยนอวี๋และพรรคพวกกำลังเคลื่อนย้ายมาทางพวกเขาอย่างราบรื่น
ไท่เฮ่าไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย “พวกเขาอาศัยความแข็งแกร่งและความกล้าหาญ ย่อมไม่จากไปเช่นนี้ ตอนนี้คงเดาได้ว่าพวกเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
“เช่นนั้นเราจะรอดูว่าพวกเขาจะฝ่าด่านค่ายกลมรณะที่สร้างอยู่หน้าถ้ำได้หรือไม่” เจ้าแม่หนี่ว์วาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะว่าอาการของจวนซวีย่ำแย่มาก อาจจะไม่รอดชีวิต
“ตั้งแต่ที่สวรรค์เก้าชั้นฟ้ามีสิ่งมีชีวิตมาหลายร้อยล้านปี ผู้ใดก็ตามที่ตายล้วนมีไอมรณะกลับสู่ที่นี่ พวกเราเองก็ดูแลที่นี่มาหลายปี พวกเขาต้องเข้ามาไม่ได้แน่นอน ดังนั้นเราต้องจัดการพวกเขาในนี้ให้ได้” จักรพรรดิเปลวเพลิงกล่าวอย่างมาดมั่น
ไท่เฮ่าพยักหน้า “แม้ตบะของปฐมราชินีนอกจากจะฟื้นฟูถึงจุดสูงสุดโดยการช่วยเหลือของเจ้าแซ่หรงคนนั้นและยังดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าอีกด้วย ด่านค่ายกลมรณะนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางจะฝ่าได้อย่างง่ายดาย”
สำหรับเรื่องนี้แล้ว เทพทั้งห้ามั่นใจมาก ดังนั้นจวนซวีและเซวียนหยวนจักรพรรดิทั้งสององค์กำลังรักษาตัวอย่างสบายใจ เพียงแต่ว่าสีหน้าของจวนซวียังคงปรากฏสีดำ ซึ่งเป็นสัญญาณของความตายที่กำลังจะมาถึง
แม้พวกเขาจะเคยตายไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ว่า…
“การใหญ่ยังไม่สำเร็จ จวนซวี เจ้าอดทนไว้” เจ้าแม่หนี่ว์วาหวังว่าพวกเขาจะรอวันที่สามารถขจัดปฐมราชินีออกจากสวรรค์ชั้นเก้าได้พร้อมกันและวันที่นางไม่มีอำนาจในสวรรค์ชั้นเก้าอีก
“มาแล้ว” จักรพรรดิเปลวเพลิงกลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “มาไวมาก ยังกล้าใช้วิธีการหายตัวในหลุมศพ กล้าดีจริงๆ ขอให้พวกเขาหายตัวเข้าไปในค่ายกลมรณะและถูกขังไว้ในนั้น”
สุดท้าย… ดันกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย