ตอนที่ 681 เผยความลับร่างกายของเสี่ยวเป่า ต้าซือมิ่งแห่งความมืดนิรันดร์
“ฮ่า”
จักรพรรดิเปลวเพลิงหัวเราะทันที
เขาไม่คิดเลยว่าปากของตนจะศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ทำนายชะตากรรมของเยี่ยนอวี๋และพรรคพวกได้
เทพที่เหลือทั้งสี่องค์ก็คิดไม่ถึง เดิมทีพวกเขาล้วนคิดว่า เยี่ยนอวี๋และพรรคพวกจะอยู่ด้านหน้าค่ายกลมรณะแล้วก็ต้องศึกษาครู่ใหญ่จึงจะเข้ามาได้
สุดท้าย… พวกเขาไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ เยี่ยนอวี๋ก็ตกลงไปโดยบังเอิญเสียแล้ว
“ฮึ”
หนี่ว์วายิ้มหยัน “เห็นทีพวกเราคงชนะโดยไม่ต้องทำอะไรแล้ว”
น่าเสียดาย… นางเพิ่งจะพูดจบก็ถูกตบหน้าทันที
แม้เยี่ยนอวี๋และพรรคพวกที่ตกลงไปในค่ายกลมรณะ อันที่จริงก็รู้สึกกะทันหันเหมือนกัน
บัดนี้…
“นาย…”
ซีหวังหมู่ที่โล่กำบังถูกกำจัดในทันที มันก็กำลังจะแผลงฤทธิ์ เพราะว่ามันสัมผัสถึงความผิดปกติของที่นี่แล้ว แม้แต่ลูกพี่จิ่วอิงที่ ‘ซ่อนตัว’ ก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว
ทว่าพวกมันทั้งสองยังไม่ทันทำอะไรก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะว่ากลิ่นอายมรณะอันรุนแรงที่ดำดุจน้ำหมึก เงียบงันและหนักอึ้งจนรู้สึกขาดอากาศหายใจนั้นสลายไปหมดแล้ว และยังเหมือนกับถอยหนีอย่างตะเกียกตะกายด้วย?
“???”
ซีหวังหมู่ชะงักงัน
จิ่วอิงยื่นศีรษะทั้งเก้าออกไป มองไอมรณะที่สลายไปรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้น หรือว่าสัมผัสถึงการมีอยู่ของปู่จิ่วข้า กลัวจนรีบถอยหนีกันหมด”
“โห?” เด็กน้อยที่แต่เดิมหดตัวอยู่ในอ้อมกอดของท่านพ่ออย่างหวาดกลัว เขาเองก็มอบไปรอบด้านอย่างประหลาดใจ ทั่วทั้งร่างกลับแผ่ซ่านแสงหมอกสีขาวใสออกมา
แสงสีขาวนี้แผ่ซ่านออกมาเอง เด็กน้อยไม่รู้ตัว ทว่าต้าซือมิ่งและปฐมราชินีเยี่ยนเห็นชัดเจน
อีกทั้งสองสามีภรรยารู้ว่ากลิ่นอายมรณะที่ชั่วร้ายอันหนาแน่นรอบตัวที่ทำให้พวกเขาต้องขมวดคิ้วถอยหนีเพราะแสงของลูกของพวกเขา
อันที่จริงเรื่องเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ลูกของพวกเขาเคยปลดปล่อยศักยภาพเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อครั้นอยู่เมืองจิ่วหลีแล้ว ครานั้นชำระล้างจอกเพลิงปทุม
บัดนี้… จังหวะที่โล่ของซีหวังหมู่สลายไป ไอมรณะที่รุนแรงถึงจุดสูงสุดเหล่านี้ก็กระตุ้นพลังวิเศษ ‘การชำระล้าง’ ของเด็กน้อยอีกครั้ง อีกทั้งเหมือนกับว่าเนื่องจากกลิ่นอายมรณะรอบตัวมีระดับสูงเกินไป พลังวิเศษของเด็กน้อยก็ยิ่งฉลาด มันมาพร้อมกับการโปรดสัตว์อย่างเมตตา นอกจากจะสลายกลิ่นอายมรณะเหล่านี้แล้ว ยังทำให้พวกมันรู้แจ้ง
ถึงอย่างไรภาพที่เทพทั้งห้าเห็นในถ้ำมืดนิรันดร์ก็เป็นเช่นนี้…
ค่ายกลมรณะที่แต่เดิมมืดจนพวกเขามองไม่เห็น บัดนี้กำลังปลดปล่อยแสงสีขาวอัน ‘เมตตา’ ออกมาจากข้างในสู่ข้างนอก
กระทั่ง ราวกับมีบทสวดขับร้องในความว่างเปล่า
ชั่วจังหวะหนึ่ง… เทพทั้งฟ้าคิดว่าที่ที่พวกเขาอยู่ไม่ใช่หลุมมืดนิรันดร์แต่อย่างใด แต่คือแดนสุขาวดี (ถ้ำมั่วเกาแห่งตุนหวง) พุทธศาสนิกชนนับไม่ถ้วนกำลังถูกส่งไปยังสวรรค์ เข้าสู่วงจรเกิดใหม่อย่างสงบสุข
ความรู้สึกเช่นนั้น… ทำให้จักรพรรดิเปลวเพลิงพ่นคำหยาบออกมาทันที “มารดามันเถอะ แปลกมาก”
“รีบถอย ล่อพวกเขาไปส่วนลึกของถ้ำปีศาจ” ไท่เฮ่าได้แต่ประกาศให้ถอยอีกครั้ง แม้แต่ทักทายเยี่ยนอวี๋พวกเขาก็ไม่ต้องการ (ไม่กล้า)
เจ้าแม่หนี่ว์วาม้วนจวนซวีและเซวียนหยวนหายเข้าไปในส่วนลึกทันที สีหน้าย่ำแย่มาก “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในหมู่พวกเขามีปรมาจารย์พุทธศาสนาด้วยหรือ”
“เป็นไปไม่ได้ พุทธศาสนาถูกเทียนตี้ลงโทษหมดแล้ว ปรมาจารย์ล้วนเกิดใหม่กันหมดแล้ว จะมีปรมาจารย์ที่ไหนกัน” ไท่เฮ่าเองก็ไม่เข้าใจ
หารู้ไม่ว่า… ในกลุ่มคนของเยี่ยนอวี๋มีเณรน้อยรูปหนึ่งจริงๆ
โอ้ ไม่ เณรน้อย หัวยังไม่โล้นแล้วด้วย เจ้าตัวน้อยตอนนี้มีผมแล้ว ผมอ่อน
“ฮ่า…”
‘เณรน้อย’ ที่ดูมีความสุข เขาก็กำลังยิ้มร่า “ไม่หนาวแล้ว”
“ท่านเสี่ยวเป่า…” อินหลิวเฟิงรู้สึกทึ่งมาก “ท่านเก่งมากเลย”
“อะ ไรนะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าในฐานะ ‘ผู้ริเริ่ม’ ยังไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรลงไป
กู้จื่อเฟิงจึงถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “ปฐมราชินีเยี่ยน นายน้อยนี้มีกลไกร่างกายแบบใดกัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาคือพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดก็เลยหัวโล้นอยู่นานเช่นนี้”
“ไม่ โล้น” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จู่ๆ ไม่พอใจก็เตือนกู้จื่อเฟิงด้วยวาทะที่เต็มไปด้วยสัจธรรมว่า “เป่า ไม่โล้น เป่า งาม มี ผม” ขณะที่พูด… เจ้าตัวน้อยยังลูบศีรษะของตนเองสองสามทีด้วยท่าทีจริงจัง เหมือนกำลังบอกว่า ‘หากเจ้าบอกว่าข้าหัวโล้นอีก ข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ’ ดูดุมาก
กู้จื่อเฟิงรีบประสานมือกล่าวว่า “ขออภัย ข้าน้อยพูดผิดไปเอง นายน้อยโปรดอภัย”
“จำ ไว้ด้วย” เด็กน้อยที่ทำหน้าขึงขัง ดูน่าเกรงขามมาก
ทว่าอินหลิวเฟิงรู้สึกอยากจะหัวเราะอย่างเดียว “ใช่แล้วๆ ท่านเสี่ยวเป่าผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผมสั้นสวยจังเลย แวววาวมาก”
“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จู่ๆ หัวเราะเป็นพระศรีอริยะน้อยเปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วจริงๆ
หรงอี้ลูบเจ้าลูกน่ารักน่าชัง คิดว่า “เสี่ยวเป่าอาจจะมีร่างกายที่ตรงกันข้ามกับข้า”
“ผู้สร้าง? ร่างกายที่ตรงกันข้ามกับการทำลายล้าง” เยี่ยนอวี๋มองเด็กน้อยน่ารักน่าชัง รู้สึกว่าเป็นมีความเป็นไปได้มาก
ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้สร้าง เด็กน้อยจะเหมือนนางก็ไม่แปลก ทว่า…
“ไม่เหมือนเสียทีเดียว” เยี่ยนอวี๋จับมืออวบอ้วนของเด็กน้อยไว้ รู้สึกได้ว่าพลังของเด็กน้อยสะอาดและใสมาก เหมือนกับว่าจะไม่เหมือนพลังของนางเสียทีเดียว
“หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ” หรงอี้ที่เอ่ยขึ้นเบาๆ เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเด็กน้อยต้องมีความสามารถไม่รู้จบแน่นอน บางทีอาจจะเป็น…
“ร่างอมตะ” หรงต้าซือมิ่งที่คาดเดาไปเองคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนี้ ถึงอย่างไรความสามารถของลูกของเขาคนนี้ก็สัมพันธ์กับการรักษา การฟื้นคืนชีพ การโปรดสัตว์ และการชำระล้าง
“เช่นนั้น ข้าน้อยมีคำถามเล็กน้อย” อินหลิวเฟิงที่อดพูดขึ้นไม่ได้ เขาก็อยากจะถามว่า “ท่านเสี่ยวเป่าก็จะสามารถปกป้องข้าชั่วชีวิตได้ใช่หรือไม่”
“แน่นอน” ต้าซือมิ่งที่มีสีหน้าจริงจังพยักหน้า “ไม่ว่าเมื่อใด เจ้าจะไม่มีวันสูญเสียดวงจิต จะต้องถูกส่งเข้าสู่วงจรการเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่รู้จบ”
อินหลิวเฟิง “…”
พอเถอะ ถือเสียว่าเขาไม่เคยถาม
ซีหวังหมู่ที่ตั้งสติได้ มันก็มองเด็กน้อยด้วยตาเป็นประกาย “นายน้อยเก่งจังเลย”
“อะ ไร” เด็กน้อยน่ารักน่าชังยังคงถามอย่างงุนงง
เดิมทีซีหวังหมู่อยากจะอธิบาย แต่เยี่ยนอวี๋ห้ามมันไว้
เยี่ยนอวี๋รู้ว่าพรสวรรค์ตอนนี้ของเด็กน้อยปลดปล่อยออกมาตามสถานการณ์โดยไม่รู้ตัว เขาใช้พลังตามอำเภอใจ หากบอกเขาแล้วจะดีใจ กลายเป็นว่าทำไม่ได้อีก
ดังนั้นเด็กน้องจึงส่งกลิ่นอายมรณะรอบทิศไปยังสวรรค์โดยไม่รู้ตัว ‘พา’ พ่อแม่และทุกคนเข้าไปในถ้ำมรณะอย่างง่ายดาย
และในถ้ำมรณะแห่งนี้ไม่ใช่ถ้ำธรรมดา มันเกิดจากถ้ำจำนวนนับไม่ถ้วนที่จัดเรียงอย่างประณีตในหุบเขาลึกในหลุมศพ
หุบเขาลึกจากสูงไปหาต่ำ ดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ เข้าไปสู่ความมืดมิดอย่างต่อเนื่อง
ต้าซือมิ่งพูดขึ้นว่า “ตามความทรงจำของกระบี่ชิงหยวน ถ้ำมรณะแห่งนี้ตรงไปสู่แดนมืดนิรันดร์ ไร้ที่สิ้นสุด”
“ไร้ที่สิ้นสุด?” อินหลิวเฟิงลางสังหรณ์ไม่ดี
“อืม” ต้าซือมิ่งที่พยักหน้าก็อธิบายว่า “อย่างน้อยไท่เฮ่าพวกเขาก็ไม่เคยไปถึงจุดสิ้นสุด และที่แห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตโบราณที่ไม่รู้จักด้วย ส่วนใหญ่อยู่ในยุคเดียวกับซีซี”
“ดังนั้น… เท่ากับว่าเราไปตาย?” โลกีที่ทนไม่ไหวอีกครั้ง เขาก็รู้สึกโกรธตัวเองที่แหกคุกออกมา หากไม่หนีออกมา ตอนนี้เขาคงกินอิ่มนอนหลับอยู่ในคุกตำหนักสวรรค์อย่างสุขสบาย
ทว่าไม่มีใครสนใจคำพูดของโลกี เยี่ยนอวี๋ถามขึ้นว่า “ข้าอยากรู้ว่าพวกเขาฟื้นคืนชีพได้อย่างไร”
“เกี่ยวข้องกับที่นี่ ตามความทรงจำของกระบี่ชิงหยวน ตอนที่ไท่เฮ่า ‘ตื่นขึ้นมา’ เขาก็อยู่ที่แล้ว” ต้าซือมิ่งที่รู้ทุกอย่าง ยังคงทำให้กู้จื่อเฟิงประหลาดใจ “ว่ากันว่ากระบี่ชิงหยวนเป็นอาวุธประจำตัวของจักรพรรดิฝูซี กลับถูกต้าซือมิ่งท่านหลอมผสานได้ สมแล้วที่มีชีวิตมายืนยาว”
“ก็ใช่น่ะสิ” อินหลิวเฟิงทอดถอนใจ “แม้ข้าจะเพิ่งมีอายุยี่สิบแปด แต่ข้าได้ต่อสู้กับชีวิตความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน รู้สึกเหมือนกับมีชีวิตอยู่มาหลายชาติ ยังได้เห็นจักรพรรดิทั้งห้าแห่งสวรรค์ชั้นเก้าเสื่อมถอยเป็นมารร้าย”
“เรื่องแบบนี้ปกติแล้วผู้พิทักษ์ข้างกายไม่ได้เห็นง่ายๆ” เอ้อร์เหมาอดทอดถอนใจไม่ได้ นายน้อยจวนพวกเขาไม่ธรรมดาจริงๆ มิน่าจึงถูกกำหนดชะตาที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ตั้งแต่เกิด
อินหลิวเฟิงกำลังจะพูดต่อไป… ต้าซือมิ่งกลับเงยหน้ามองไปที่ถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า “พวกเขาไปที่นั่นแล้ว เป็นที่ที่เชื่อมต่อกับทางแห่งความมืดนิรันดร์โดยตรงที่ใกล้ที่สุดในถ้ำมรณะ เห็นทีพวกเขาคงไม่อยากเล่นซ่อนแอบแล้ว”
“ไปเถอะ” เยี่ยนอวี๋เดินนำข้างหน้า นางก็ไม่อยากเล่นซ่อนแอบเช่นกัน
ทว่าคราวนี้ต้าซือมิ่งกลับดึงนางไปข้างหลัง ส่วนเขาก็เดินอุ้มเด็กน้อยนำหน้าไปแล้ว “ที่นี่เหมาะกับให้ข้าและลูกนำทางมากกว่า”
ขณะที่พูด…
“อ้ะเนะ”
เด็กน้อยใช้มือคว้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
จากนั้นอินหลิวเฟิงก็เห็นว่าในมือของท่านเสี่ยวเป่าจับงูสีดำตัวหนึ่งไว้ เป็นงูที่มีขนาดใหญ่และดำมาก
เพียงเท่านี้…
เขาคิดว่านายน้อยต้องร้องไห้เพราะตกใจแน่ๆ
แต่แล้ว ท่านเสี่ยวเป่ากลับหัวเราะ “ฮ่า พ่อ ข้าวเป่า…”
งูเป็นสมาชิกหลักของห่วงโซ่อาหารของท่านเสี่ยวเป่าซึ่งแตกต่างจากอสรพิษทั้งห้า มันเป็นหนอนตัวใหญ่อวบอ้วนในสายตาของเขา
ทว่าต้าซือมิ่งกลับไม่ได้รับ ‘ข้าว’ งูยักษ์ของลูกไว้ จู่ๆ เขาก็ลูบระหว่างคิ้วของเขาเอง ระหว่างคิ้วที่กำลังแผ่ซ่านแสงจางๆ ออกมา