ตอนที่ 682 เขาพระสุเมรุ
อาการสั่นไหวที่มาจากส่วนลึกของวิญญาณปรากฏขึ้นอีกครา
และในครานี้… ต้าซือมิ่งที่สัมผัสถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยก็แสดงสีหน้าคะนึงหา บางทีเขาอาจจะเจอจุดเชื่อมโยงระหว่างเขาพระสุเมรุและที่นี่แล้ว
มันอยู่ที่นี่ อยู่ตรงหน้านี้
นี่คงเป็นสาเหตุที่ก่อนหน้านี้เขาพูดคำว่า ‘เขาพระสุเมรุ’ แล้วส่วนลึกของวิญญาณจึงสั่นไหว
“พ่อ?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ชูงูตัวยักษ์ขึ้นมาเพิ่งพบว่าท่านพ่อของเขาดูผิดปกติไป ทว่างูตัวยักษ์ในมือของเขาดูผิดปกติยิ่งกว่า เพราะมันกำลังร้องไห้…
เยี่ยนอวี๋เดินขึ้นไปข้างหน้าสองพ่อลูกมองไปที่สามีที่จู่ๆ ชะงักลง นางจึงเห็นแสงจางๆบริเวณระหว่างคิ้วของเขา นางชะงักเล็กน้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยนอวี๋จึงประทับมือลงบนหน้าผากของสามี “สามี?”
หรงอี้ที่จับมืออ่อนนุ่มของภรรยา เขาก็ดึงสติกลับมาและจูบมือของภรรยาเบาๆ “ไปกันเถอะ บางทีอาจจะมีอะไรทำให้ประหลาดใจก็ได้”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยหาทางกลับเขาพระสุเมรุได้เลย เดิมทีเขาคิดว่าเป็นเพราะเขายังผ่านด่านเคราะห์ไม่สำเร็จ ตอนนี้เห็นทีอาจจะมีไม่ชอบมาพากล ไม่ว่าอย่างไร เขาต้องสำรวจถ้ำมรณะแห่งนี้ให้รู้แจ้ง
เยี่ยนอวี๋เข้าใจความหมายของสามี นางรู้สึกดีใจ “เช่นนี้หมายความว่า เราควรต้องขอบคุณไท่เฮ่าพวกเขามากกว่า”
“อืม เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์คือดาวนำโชคของข้า” หรงอี้พูดจบก็จูบหน้าผากของภรรยาทีหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามีความสุขอย่างมาก
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่อินหลิวเฟิงพวกเขาได้เห็นเขามีความสุขเอ่อล้นจนมิอาจปิดบังได้เช่นนี้ ทำให้พวกเขางุนงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มีเพียงจิ่วอิงที่เข้าใจ อี้เอ๋อร์ที่ผ่านด่านเคราะห์ข้างนอกมาเป็นเวลานานในที่สุดก็หาทางกลับบ้านเจอแล้ว
ไม่ง่ายเลยจริงๆ… เมื่อคิดถึงการเวียนว่ายตายเกิดตลอดหลายร้อยล้านปีที่ผ่านมานี้
จู่ๆ จิ่วอิงก็รู้สึกว่าตนเองผ่านโลกมาโชกโชนเหลือเกิน สมชื่อ ‘ปู่จิ่ว’ จริงๆ
“เป่าล่ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกเมินตำหนิท่านพ่อของเขาอีกครั้ง “ไม่รัก เป่าแล้วหรือ” ไม่สนใจเป่าเลย จูบก็ไม่จูบ เป็นพ่อใจร้ายจริงๆ ด้วย
หรงต้าซือมิ่งที่รักลูกแน่นอน เขาก็จูบศีรษะน้อยๆ ของเด็กน้อย “ประเดี๋ยวทำข้าวต้มงูให้เป่า”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ทำหน้าบูดบึ้งก็หน้าบานเป็นกระด้งทันที “ให้อภัย”
ต้าซือมิ่งที่ยกมุมปากอันเย้ายวนขึ้นเล็กน้อย เขาก็เก็บงูตัวยักษ์ที่อยู่ในมือของเด็กน้อยไว้ และรวบตัวเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมอก จากนั้นจึงหยิบ ‘ขนมจิ่วอิง’ ออกมาให้เด็กน้อยกินรองท้อง
“ว้าววว” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ดีใจยิ่งกว่าเดิม เขาก็กินขนมอย่างมีความสุขแล้ว คำกล่าวโทษที่มีต่อท่านพ่อเขาหายไปกับกลีบเมฆ ลืมไปหมดสิ้น
จางอวิ๋นเมิ่งจิ้มหลานชายน้อยอย่างขบขัน “เสี่ยวเป่าน่ารักจังเลย”
“ฮี่…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกชมยิ้มหวาน
ทำเอาความกังวลของจางอวิ๋นเมิ่งแทบจะมลายหายไปหมด ทว่านางยังคงถามอย่างวางใจไม่ลงว่า “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ที่แห่งนี้เหมาะสมที่จะพาเสี่ยวเป่าเข้าไปจริงๆ หรือ”
“ไม่ มีปัญหา” เยี่ยนเสี่ยวเป่าตอบเอง
เยี่ยนอวี๋เองก็พยักหน้า ในขณะเดียวกันก็เดินพลางพูดไปว่า “ท่านแม่ก็เห็นพรสวรรค์ของเสี่ยวเป่าแล้ว ที่แห่งนี้ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อเขา แต่ท่านแม่และท่านพี่ พวกท่านต้องระวัง”
“แม่เคยตายมาก่อน แม่ไม่กลัวหรอก” อันที่จริงจางอวิ๋นเมิ่งไม่รู้สึกใดๆ กับกลิ่นอายมรณะเหล่านี้ ดังนั้นตลอดทางที่ผ่านมา อันที่จริงนางปกป้องบุตรชายคนโตมาตลอด
เยี่ยนจื่อเยี่ยกลับพูดขึ้นว่า “ลูกมีหงส์ผีในตัว มีภูมิต้านทานต่อไอมรณะ”
ยมราชที่เงียบมาตลอดทางในที่สุดก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “เช่นนี้ตลอดทางที่ผ่านมา ข้าน้อยกลับกลายเป็นตัวถ่วง?”
“ยมราชฟ่านถ่อมตนไปแล้ว ยังมีข้าและเอ้อร์เหมาอยู่ท้ายสุดมิใช่หรือ” อินหลิวเฟิงตบไหล่ของยมราชเบาๆ อย่างร่าเริง “แม้แต่ข้ายังไม่กังวล ยมราชฟ่านก็อย่าได้กังวลเลย ข้าขี้ขลาดเช่นนี้ ตราบใดที่อยู่กับกูไหน่ไนก็จะไม่มีวันตาย อย่าคิดมากไปเลย”
“คิดมากน่ะ ข้าไม่คิดมากหรอก แค่รู้สึกเกรงใจน่ะ” ฟ่านเจียงคิดว่า เดิมทีคิดว่าตนเองจะมีประโยชน์ สุดท้ายกลับอยู่นิ่งเฉยไม่ถูกใช้งานอะไรเลย
พูดได้เพียงว่า… เยี่ยนอวี๋และพรรคพวกแข็งแกร่งเกินไป แม้แต่ทารกน้อยยังไม่ธรรมดา
“ไปเถอะ” อินหลิวเฟิงโอบไหล่ยมราชฟ่านอย่างสนิทสนม รีบเดินตามฝีเท้าของเยี่ยนอวี๋ไป
เอ้อร์เหมาพึมพำกับกู้จื่อเฟิงว่า “ชุนซิ่นจวินอย่าได้กังวล นายน้อยพวกเราไม่ชอบยมราชอัปลักษณ์ท่านนี้แน่นอน”
กู้จื่อเฟิง “?”
แล้ว… เกี่ยวอะไรกับเขารึ
น่าเสียดายที่เอ้อร์เหมาไม่ได้ปล่อยโอกาสให้กู้จื่อเฟิงพูด เขาตามนายน้อยพวกเขาไปอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องนายน้อยพวกเขาอย่างใกล้ชิด
กู้จื่อเฟิง “…”
เขาจึง… พูดไม่ออก
ต้าซือมิ่งในครานี้เดินนำเข้าไปในถ้ำหลักแล้ว
ในขณะเดียวกัน…
“มาแล้ว”
จักรพรรดิเปลวเพลิงสัมผัสถึงแล้ว
เจ้าแม่หนี่ว์วาก็ระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที ทว่าข้างกายของนางไม่มีจักรพรรดิเซวียนหยวนแล้ว
จวนซวีลืมตาทั้งคู่ขึ้นอย่างอ่อนแรง “ประเดี๋ยวข้าจะล่อพวกเขาเข้ามาแดนมรณะเอง”
“ไม่ได้” ไท่เฮ่าคัดค้าน “ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ไป พวกเขาก็จะเข้าไปอยู่ดี พวกเราแค่รอดูก็พอแล้ว”
“เจ้าก็รู้ว่าใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอ” จวนซวีพูดพลางกลืนโอสถสีแดงเลือดเม็ดหนึ่งลงไปแล้ว
สีหน้าเจ้าแม่หนี่ว์วาแปรเปลี่ยนทันทีและยังพยายามยื่นมือไปปัดออก “จวนซวี”
อึก จวนซวีกลืนโอสถสีแดงลงไปอย่างรวดเร็วเอ่ยขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไร ยื้อได้อีกไม่นานแล้ว ข้าไม่สามารถทำการใหญ่สำเร็จพร้อมพวกเจ้า และมิอาจได้เห็นสวรรค์เก้าชั้นฟ้าหลุดจากการควบคุมของเทพผู้สร้าง ได้แต่ฝากพวกเจ้าแล้ว”
“จวนซวี” เจ้าแม่หนี่ว์วาน้ำตาคลอ
จักรพรรดิเปลวเพลิงกำหมัดแน่น “หากว่าปฐมราชินีไม่ได้เกิดใหม่ พวกเราต้องได้เห็นวันนั้น และจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย เหตุใดนางต้องเกิดใหม่ และยังต้องสร้างผลกระทบใหญ่หลวงเช่นนี้ต่อสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอีกครั้งด้วย นาง…”
“ช่างเถอะ นางก็ไม่รู้” ไท่เฮ่าถอนหายใจ “จวนซวี หลังจากเจ้าเข้าไปในครานี้ก็ใช่ว่าจะตายอย่างสมบูรณ์ หวังว่าเจ้าจะกลับมาเดินทางไปกับพวกเราอีกครา”
จวนซวีที่สีหน้าค่อยๆ จางลงจากสีดำกลายเป็นสีแดงพยักหน้า “หากข้าทำไม่สำเร็จ หวังว่าเซวียนหยวนจะไม่พลาด เราไม่มีเวลาแล้ว จากไปครั้งนี้ จากไปตลอดกาล”
“ห้ามพูดว่าจากไปตลอดกาล” เจ้าแม่หนี่ว์วาทนไม่ไหวพูดขึ้นว่า “อาจจะได้เจอกันอีก รอวันที่สวรรค์เก้าชั้นฟ้าสร้างกฎใหม่ บางทีเราอาจจะได้เจอกันอีก”
จวนซวีกลับรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ทว่าเขายังคงพยักหน้าพูดว่า “ได้”
“ลาก่อน” ไท่เฮ่าและเทพที่เหลืออำลาจวนซวีและหายตัวไปจากที่เดิม
แต่กลิ่นอายของพวกเขายังไม่สลายไป ส่วนจวนซวี เขาก็เข้าไปยังส่วนลึกของถ้ำมรณะพร้อมกับกลิ่นอายของพวกเขา
จุดหมายของเขาคือที่ที่ลึกเข้าไปหมื่นจั้งจากที่ที่ลึกที่สุดที่พวกเขาเคยสำรวจเจอ
ตามที่พวกเขาคาดเดา ที่นั่นคือแดนมืดนิรันดร์ที่แท้จริง สิ่งมีชีวิตใดๆ เข้าไปเท่ากับตาย
…
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนอวี๋กลับจับบางอย่างผิดปกติได้ “สามี เจ้าพบหรือไม่ว่ากลิ่นอายของเซวียนหยวนจางลงมาก”
“กลิ่นอายของจวนซวีกลับพลุ่งพล่าน” หรงอี้ตอบ
เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลง “เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาทอดทิ้งเซวียนหยวนและปล่อยจวนซวีไป แต่อาการบาดเจ็บของจวนซวีสาหัสมากกว่า”
“แต่จวนซวีฉลาด ละเอียดรอบคอบมากกว่า” หรงอี้แสดงความคิดเห็นอย่างเป็นกลาง
เยี่ยนอวี๋เงียบไม่พูดจา นางรู้ว่าจวนซวีสามารถแสดงศักยภาพได้มากกว่าในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ อีกทั้งพลังของจวนซวีและเซวียนหยวนมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน ดังนั้น…
เยี่ยนอวี๋สงสัยว่าสุดท้ายพวกเขาทอดทิ้งเซวียนหยวนและปล่อยให้จวนซีที่ใกล้จะตายได้สมปรารถนา
เรื่องแบบนี้หากเป็นพวกเขาในอดีต ต้องทำไม่ลงแน่ๆ แต่ตอนนี้เยี่ยนอวี๋จำเป็นต้องจินตนาการว่าพวกเขาน่ารังเกียจ เลวทรามและต่ำช้ำไร้ขีดจำกัดเพียงใด
หารู้ไม่ว่า… ครั้งนี้นางคิดผิดไปแล้ว เพราะว่าจักรพรรดิเซวียนหยวนในครานี้ นอกจากเขาจะออกไปถ้ำมรณะแดนมืดนิรันดร์แล้ว เขายังออกจากหลุมศพไปแล้ว
ทว่าจะบอกว่าเขาเป็นผู้ถูก ‘ทอดทิ้ง’ ก็ไม่ผิด เพราะว่าเขาในครานี้ไม่เหมาะสมที่จะออกจากหลุมฝังศพมากที่สุด ดังนั้นทันทีที่เขาออกมาก็อาเจียนเป็นเลือดขนานใหญ่ ใบหน้าของเขาเหมือนกับกำลังแตกร้าวด้วย
ทว่าเขากลืนโอสถสีแดงเลือดเม็ดหนึ่งลงไปเหมือนจวนซวี
ผ่านไปครู่หนึ่ง จักรพรรดิเซวียนหยวนก็กลับมาเป็นปกติแล้ว จากนั้นเขาก็หายตัวไปจากที่เดิม เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่ที่ตำหนักสวรรค์แล้ว
หยวนสื่อเทียนจุนในครานี้อยู่ที่ทะเลสาบสือซ่าไห่
ส่วนเทียนตี้ เขาอยู่ตำหนักสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงสัมผัสถึงกลิ่นอายที่ทำให้เขาทั้งรู้สึกคุ้นเคยและห่างเหินในชั่วจังหวะหนึ่ง “ท่านพ่อ?”
เทียนตี้ในฐานะที่ถูกเซวียนหยวนหวงตี้ ‘ตั้งครรภ์’ ออกมา เทียนตี้จะเรียกหวงตี้ว่า ‘ท่านพ่อ’ ก็ไม่ผิดจริงๆ
ถึงอย่างไรร่างพลังต้นกำเนิดสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่คลอดหวงตี้อออกมา ในที่สุดก็กลายเป็นเทพบรรพกาลหวงตี้องค์นี้และเทพบรรพกาลเทียนตี้องค์นี้ ทั้งสอง… เนื่องจากหวงตี้กลายเป็นวิญญาณมานาน และช่วยเหลือเยี่ยนอวี๋ดูแลเทียนตี้ เขาจึงเป็นพ่ออย่างถูกต้อง ไม่มีอะไรผิดปกติ
เพียงแต่ว่าเป้าหมายของจักรพรรดิเซวียนหยวนไม่ใช่เทียนตี้ และไม่ใช่ตำหนักสวรรค์ ดังนั้นทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นก็หายไปแล้ว
ทว่าหลังจากเขาหายตัวไป เทียนตี้ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ตำแหน่งเดิมของเขา “ท่านพ่อ?”