ตอนที่ 685 ร่างพลัง
ตามคำทำนายก่อนหน้านี้บอกได้ว่าจักรพรรดิเซวียนหยวนเกิดใหม่แล้วจริงๆ แต่ผลทำนายนั้นกลับเป็นผลทำนายแห่งความชั่วร้าย ทำให้หยวนสื่อเทียนจุนรู้สึกเป็นกังวล ดังนั้นหลังจากที่เขาทำนายเสร็จก็กลับมาตำหนักสวรรค์ทันที ทว่าสุดท้ายเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นไปแล้ว
นี่มัน…
หยวนสื่อเทียนจุนไม่อยากคิดถึงจักรพรรดิเซวียนหยวนในแง่ร้ายจึงปลอบประโลมว่า “จื่อเสาอย่าได้ร้อนรน ในเมื่อเป็นจักรพรรดิเซวียนหยวน ท่านลุงเยี่ยนคงไม่เป็นอะไร”
“แต่หากเป็นอย่างที่เทียนจุนว่า หากเป็นจักรพรรดิเซวียนหยวนตัวจริง เหตุใดจึงต้องลักพาตัวท่านพ่อข้าไปเล่า” เยี่ยนจื่อเสาที่ยังไม่ได้กลายร่างกลับไปเป็นมนุษย์ยังคงกระวนกระวายใจ ถึงอย่างไรกลิ่นอายเมื่อครู่นี้ทำให้เขารู้สึกได้ว่าผู้มาเยือนมาด้วยเจตนาไม่ดี
เยี่ยนจื่อเสาเชื่อในสัญชาติญาณของตนเอง มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่ผลักท่านพ่อของเขาออกไปในทันที บัดนี้ย่อมมิอาจวางใจลงได้จากคำปลอบประโลมของหยวนสื่อเทียนจุน
อันที่จริงหยวนสื่อเทียนจุนก็ร้อนใจมาก แต่เขาเหมือนกับเยี่ยนจื่อเสาและซวงเสวี่ยเทียนอ๋อง ไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายและร่องรอยของจักรพรรดิเซวียนหยวนเลย บัดนี้…
“ข้าจะไปหาท่านลุงเยี่ยนกับเทียนตี้ แต่ความปลอดภัยของจื่อเสาเจ้า…” หยวนสื่อเทียนจุนกลัวว่าหากเขาไปแล้วเยี่ยนจื่อเสาจะประสบอันตราย
ทว่าซวงเสวี่ยเทียนอ๋องกลับเสนอว่า “ซวงเสวี่ยพาพี่รองเยี่ยนและท่านตาเยี่ยนกลับชิงชิวก่อน ตราบใดที่ซ่อนตัวไว้ น่าจะไม่มีอันตราย”
หยวนสื่อเทียนจุนคิดว่าที่เทียนตี้ยังไม่ปรากฏตัว คงเป็นเพราะไล่ตามจักรพรรดิเซวียนหยวนไปแล้ว ดังนั้นแผนการของซวงเสวี่ยเทียนอ๋องถือว่าปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ เขาจึงพยักหน้า “แบบนี้ก็ดี”
“แต่ว่าท่านพ่อข้า…” เยี่ยนจื่อเสาอยากจะตามหยวนสื่อเทียนจุนพวกเขาไปด้วย แต่เยี่ยนหงชวนพูดแทรกขึ้นว่า “ตามนี้แล้วกัน จื่อเสา เจ้ากลับไปชิงชิวกับข้า อย่าสร้างภาระให้เทียนจุนอีกเลย”
“…ขอรับ” แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่เยี่ยนจื่อเสาก็ตกลงตามนั้น ในใจกลับรู้สึกอึดอัดมาก
เรื่องถึงตรงนี้ แม้เขาจะใช้ความสามารถสุดกำลัง ยังคงไม่สามารถปกป้องครอบครัวได้ ความรู้สึกเช่นนี้… ทำให้เยี่ยนจื่อเสารู้สึกเสียใจมาก แม้คนที่ลงมือในครานี้จะเป็นจักรพรรดิเซวียนหยวนในตำนานท่านนั้นตามที่หยวนสื่อเทียนจุนกล่าว เป็นหนึ่งในเทพดึกดำบรรพ์ก็ตาม แต่ว่า… เขายังคงรู้สึกเสียใจมากอยู่ดี แต่หยวนสื่อเทียนจุนไม่สามารถพาเยี่ยนจื่อเสาไปด้วยจริงๆ พลังการต่อสู้ของเขาด้อยกว่าจักรพรรดิเซวียนหยวนมาก หากจะแกะรอยตามฝ่ายตรงข้าม ทำได้เพียงพึ่งพาการทำนาย ย่อมไม่สามารถปกป้องเยี่ยนจื่อเสาได้
ที่โชคดีคือ หยวนสื่อเทียนจุนที่ครุ่นคิดในใจตลอดเวลาหลังจากที่ทำนายได้ว่าคือจักรพรรดิเซวียนหยวน ในที่สุดเขาก็รับรู้ถึงกลิ่นอายจางๆของจักรพรรดิเซวียนหยวน
หยวนสื่อเทียนจุนจัดแจงทันทีว่า “ไป ข้าจะส่งพวกเจ้าไปด้วย”
เมื่อพูดจบ เยี่ยนจื่อเสาพวกเขายังไม่ทันตั้งสติได้ หยวนสื่อเทียนจุนก็สะบัดแส้จามรีทีหนึ่งส่งพวกเขาออกจากจักรวาลดั้งเดิมแล้วและยังขจัดกลิ่นอายของพวกเขาออกจากจักรวาลดั้งเดิมด้วย
ต่อจากนั้น หยวนสื่อเทียนจุนก็เริ่มติดต่อเทียนตี้ ส่วนเขาก็ไปยังยมโลกอย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรชะตาชีวิตของจักรพรรดิเซวียนหยวนที่เขาทำนายได้ก็ปรากฏในยมโลก…
ยมโลก…
ยมโลก
หยวนสื่อเทียนจุนมีลางสังหรณ์ไม่ดี แต่เขาหวังว่าทุกอย่างเป็นเพียงความกังวลที่เขาคิดมากไปเอง มิเช่นนั้น…
“สวรรค์เก้าชั้นฟ้าคงจะตกอยู่ในความโกลาหล” หยวนสื่อเทียนจุนสีหน้าเคร่งเครียดอย่างมาก
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือจักรพรรดิเซวียนหยวนในบัดนี้ นอกจากเขาจะลักพาตัวเยี่ยนชิงไปแล้ว เขายังบังเอิญเจอเม่ยเอ๋อร์และกู้จื่อเฟิงระหว่างทางกลับ
ที่ถูกต้องคือ… จักรพรรดิเซวียนหยวนรับรู้ถึงเม่ยเอ๋อร์และกู้จื่อเฟิงที่กำลังเร่งรีบจึงขวางพวกเขาไว้
ทันทีที่เม่ยเอ๋อร์เห็นเยี่ยนชิง สีหน้านางเปลี่ยนไปหมด กลิ่นอายดุร้ายรอบกายพุ่งขึ้นถึงขีดสุด “ปล่อยนายท่าน”
“ท่านออกมาจากหลุมศพแล้วจริงๆ ด้วย…” สีหน้าของกู้จื่อเฟิงก็ไม่สู้ดีนัก “ข้าน้อยคิดไม่ถึงเลยว่า ในฐานะที่เป็นถึงหนึ่งในทวยเทพผู้สร้าง ผู้เป็นถึงมือขวาของปฐมราชินีเยี่ยน ท่านจะใช้วิธีการเช่นนี้ต่อสู้กับปฐมราชินีเยี่ยน”
นี่คือเรื่องที่กู้จื่อเฟิงคิดไม่ถึงจริงๆ แม้เขาจะเคยคิดว่าจักรพรรดิเซวียนหยวนออกจากหลุมศพไปต้องไม่ใช่ไปทำเรื่องดีอะไรแน่ แต่เดิมทีเขาคิดว่าจักรพรรดิเซวียนหยวนจะลงมือกับเทียนตี้
สุดท้าย… เขามองเทพองค์นี้สูงส่งเกินไป?
เรื่องนี้ทำให้กู้จื่อเฟิงอดสงสัยไม่ได้ว่าชายวัยกลางคนในชุดสีเหลือง ดูน่าเกรงขามและแววตาที่แน่วแน่ท่านนี้คือจักรพรรดิเซวียนหยวนผู้ที่เคยเป็นผู้นำแต่ละเผ่าสร้างความรุ่งโรจน์ให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้า หนึ่งในเทพผู้สร้างที่ทุกคนเคารพนับถือหรือไม่
แต่แล้วกู้จื่อเฟิงไม่ได้รับคำตอบจากจักรพรรดิเซวียนหยวนแน่นอน ฝ่ายหลังไม่แม้แต่จะมองกู้จื่อเฟิง เขามองเม่ยเอ๋อร์อย่าสงบ “อย่าเสียแรงเปล่าเลย กลับหลุมศพพร้อมข้าเถอะ”
“เจ้า…” เม่ยเอ๋อร์ที่ไม่สามารถจับตัวเขาได้ อันที่จริงนางพบจุดอ่อนที่นางจะโจมตีได้แล้ว นางสัมผัสได้อย่างเฉียบแหลมว่า อันที่จริงจักรพรรดิเซวียนหยวนแข็งนอกอ่อนใน ทว่า…
เพียะ
ไท่เฮ่าที่ซัดฝ่ามือออกมาจากความว่างเปล่า ขณะที่เม่ยเอ๋อร์คิดจะโจมตี เขาก็ซัดฝ่ามือใส่นางจากด้านหลัง นางสลบทันที เขาลงมืออย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งนัก
กู้จื่อเฟิง “…”
เขาที่รู้ว่าการกลับไปแจ้งข่าวที่ตำหนักสวรรค์นั้นคงไม่มีหวัง ได้แต่รับเม่ยเอ๋อร์ไว้และถูกจักรพรรดิทั้งสองจับตัวไปโดยไม่ทันได้ต่อต้านใดๆ
…
ในขณะเดียวกัน ณ ถ้ำมรณะ
ซีหวังหมู่พวกมันก็ถูกเจ้าแม่หนี่ว์วาและจักรพรรดิเปลวเพลิงล้อมไว้แล้ว
“ซีซี ไม่เจอกันนาน สบายดีหรือ” เจ้าแม่หนี่ว์วาทักทายซีหวังหมู่เป็นคนแรก
จักรพรรดิเปลวเพลิงเองก็มองไปที่เทพอัสนี ทว่า…
“ถุย” ซีหวังหมู่ถ่มน้ำลายใส่ “สนิทกับเจ้ามากหรือไง เสแสร้งจริงๆ พูดมา พวกเจ้าทำอะไรกับนายท่านไป”
เจ้าแม่หนี่ว์วาไม่รู้สึกโมโหแต่อย่างใด ตั้งแต่วินาทีที่นางตัดสินใจเลือก นางก็รู้ว่านางได้สูญเสียมิตรภาพระหว่างนางและเหล่าขุนเขาและท้องทะเลเช่นในอดีตไปแล้ว นางทำได้เพียงพูดว่า “ปฐมราชินีมิอาจกลับมาอีกแล้ว”
“เหลวไหล” เทพอัสนีคำราม ฟ้าร้องคะนองดังสนั่นรอบกาย ทำให้ค่ายกลที่ขังพวกเขาไว้เกิดเสียงเสียดสีดัง เปรี้ยงปร้าง ไม่หยุด แต่ค่ายกลนั่นยังคงไม่สลายไป
จักรพรรดิเปลวเพลิงพูดขึ้นว่า “เปล่าประโยชน์ นี่คือค่ายกลต้นกำเนิดต้องห้ามที่สร้างขึ้นโดยแดนมืดนิรันดร์ มีไว้สำหรับขังพวกเจ้าเหล่าขุนเขาและท้องทะเลโดยเฉพาะ ด้วยความสามารถของพวกเจ้า ไม่สามารถทำลายได้แม้แต่น้อย”
ตั้งแต่ก่อนที่ไท่เฮ่าปราฏตัว เจ้าแม่หนี่ว์วาและจักรพรรดิเปลวเพลิงก็เริ่มเปิดใช้งานค่ายกลต้องห้ามที่พวกเขาสร้างเสร็จตั้งแต่แรกในบริเวณนี้แล้ว พวกเขาต้องการขังซีหวังหมู่พวกมันไว้ให้แน่นหนา เพื่อไม่ให้รบกวนไท่เฮ่า
เจ้าแม่หนี่ว์วาพวกเขาที่ดูแลหลุมศพมาหลายสิบล้านปี มีเวลาและความอดทนเพียงพอที่จะสร้างทุกอย่างในถ้ำมรณะแดนมืดรันดร์ ไว้สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน ดังนั้น… หากเมื่อครู่นี้ครอบครัวเยี่ยนอวี๋ไม่เข้าไปจริงๆ เช่นนั้นพวกเขาก็จะปรากฏตัว ส่งครอบครัวเยี่ยนอวี๋เข้าไปในแดนมืด มัจฉาตายตาข่ายขาด
ในฐานะที่เป็นทวยเทพบรรพกาลทั้งห้าที่มีประสบการณ์น้อยกว่าเยี่ยนอวี๋เพียงไม่กี่หมื่นปี ถือว่าเป็นเทพผู้สร้างแล้วเช่นกัน แผนการและความรอบคอบของพวกเขา คนทั่วไปไม่สามารถคิดได้
อินหลิวเฟิงรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเขายอมอยู่เฉยๆ “ซีซี พักผ่อนเถอะ เราสู้พวกเขาไม่ได้หรอก สู้รอกูไหน่ไนออกมาก่อนดีกว่า เก็บแรงไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยใช้”
“ข้าก็แค่โมโห” ซีหวังหมู่เข้าใจเรื่องนี้ดี แต่มันรู้สึกโมโหมาก โมโหจริงๆ
อินหลิวเฟิงกลับไม่รู้สึกโมโห “โมโหอะไร เจ้าก็คิดเสียว่าเทพทั้งห้าที่เจ้าเคยรู้จักตายไปหมดแล้ว เจ้าคงไม่ได้คิดจริงๆ ใช่หรือไม่ว่าพวกเขาฟื้นคืนชีพ”
“ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น” ซีหวังหมู่ตอบเสร็จ นางก็หายโกรธราวกับปาฏิหาริย์ “เจ้าวิหคทมิฬ ข้าหายโกรธแล้วจริงๆ ด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ง่ายจะตายไป เราไม่ถือสาคนตาย” อินหลิวเฟิงพัดตนเองพลางครุ่นคิดว่า “ไม่รู้ว่ากู้จื่อเฟิงและเม่ยเอ๋อร์จะถูกจับกลับมาเมื่อไหร่”
“ทำไมรึ เจ้าอยากเห็นพวกเราถูกจับกลับมา?” กู้จื่อเฟิงที่ ‘ปรากฏตัว’ ขึ้นก็ได้ยินคำพูดนี้ เขารู้สึกหมดคำจะพูดจริงๆ
อินหลิวเฟิงยิ้ม “ถูกจับกลับมาตามคาด ดีแล้ว รีบมาอยู่กับพวกเราเถอะ ไม่เช่นนั้นน่าเบื่อแย่เลย คนเยอะคึกคักกว่า”
“เดี๋ยวนะ…” ซีหวังหมู่รู้สึกแปลกๆ “เซวียนหยวน ในมือเจ้าจับใครไว้น่ะ”
เทพอัสนีได้ยินดังนั้นก็หันไปมอง เขาพบว่าคนที่สลบอยู่ในมือของเซวียนหยวนคือเยี่ยนชิง คือบิดาในโลกมนุษย์ของนายท่าน
ดังนั้น…
“ต่ำช้า” เทพอัสนีโมโหหน้าดำหน้าแดง
อินหลิวเฟิงที่เดิมทีนอนราบอยู่ถึงกับลุกขึ้นมา “บัดซบ ข้าใสซื่อเกินไปหรือนี่ ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะเล่นสกปรกเช่นนี้”
“เห็นทีจะอยู่หลุมศพนานไปแล้ว” เอ้อร์เหมาจำเป็นต้องพูด สามทัศน์ของเขาแปรเปลี่ยนอีกแล้ว ใครจะไปคิดถึงว่าทวยเทพบรรพกาลทั้งห้าท่านในตำนาน ทวยเทพทั้งห้าที่มีภาพลักษณ์มีชื่อเสียงสุกใสจะทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ได้
เจ้าสำนักเยี่ยนอ่อนแอเพียงใด
นี่มันช่าง…
เอ้อร์เหมาไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว คลังคำศัพท์สำหรับการสาปแช่งของเขาก็มีไม่เพียงพอด้วยซ้ำ
ส่วนจางอวิ๋นเมิ่ง… นางหยุดหายไปใจไปแล้ว ในตามีเพียงเยี่ยนชิง สามีที่สลบไสลไป
แต่ไม่ว่านางหรือคนอื่นจะเป็นอย่างไร สีหน้าของจักรพรรดิเซวียนหยวนก็ไม่เคยแปรเปลี่ยน เขามองความมืดข้างหน้าอย่างสงบนิ่ง ถามเพียงว่า “เข้าไปแล้ว?”
“เข้าไปแล้ว” เจ้าแม่หนี่ว์วาตอบอย่างมั่นใจ “พวกเราเห็นกับตา ครั้งนี้ต้องไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน”
“ระวังหน่อยก็ดี” จักรพรรดิเซวียนหยวนเตือน สายตาของเขาค่อยๆ มืดลง เขาจะทนไม่ไหวแล้ว
ทว่าถ้ำมรณะในครานี้กลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
วิ้ง วิ้ง…
เห็นได้ชัดว่าแรงสั่นสะเทือนระลอกแล้วระลอกเล่านี้มาจากส่วนลึกของแดนมืดนิรันดร์ นอกจากนี้ สิ่งที่ทุกคนไม่รู้คือ…
‘บุคคล’ ที่ทำให้เกิดแรงสั่นไหวนี้คือ ‘ต้าซือมิ่ง’ ในชุดดำผมดำ
‘ต้าซือมิ่ง’ ในชุดดำและมีผมสีดำที่ผสานเป็นหนึ่งกับแดนมืดนิรันดร์