เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 688 กำเนิด

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ตอนที่ 688 กำเนิด

ทว่าอินหลิวเฟิงหัวเราะทันที “ดูสิ บอกว่ากูไหน่ไนกลับมาไม่ได้แล้ว สุดท้ายพวกเจ้ายังโยนความผิดให้ต้าซือมิ่งอย่างลุกลนเช่นนี้ นี่เป็นเพราะเจ้าไม่มั่นใจแล้วยังคิดจะยุยงให้แตกแยกหรือ”

เอ้อร์เหมาได้ยินดังนั้นจู่ๆ ก็รู้สึกว่านายน้อยของตนฉลาดจริงๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “นายน้อย ใช้ได้นี่ แผนการชั่วร้ายเช่นนี้ ท่านยังรู้ทัน”

“แน่นอน ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้ ยังมีหน้ามาเป็นห้าจักรพรรดิบรรพกาล ข้าว่าแล้วว่าไม่มีทาง เทพบรรพกาลทั้งห้าต้องตายไปแล้วแน่ๆ” อินหลิวเฟิงเชื่อมั่นในความคิดของตนเองมาก ทำให้กู้จื่อเฟิงที่เดิมทีรู้สึกสงสัยในตอนแรกเห็นด้วยโดยไม่รู้ตัว “หากข้าน้อยเดาไม่ผิด ความเคลื่อนไหวในถ้ำมรณะในยามนี้ เทพทั้งห้าก็คงคิดไม่ถึงใช่หรือไม่ เห็นทีปฐมราชินีคงไม่เป็นดั่งที่พวกเจ้าปรารถนา การคาดการณ์ของพวกเจ้ามีความแม่นยำต่ำมากเหมือนกัน”

“นั่นน่ะสิ” ครานี้ซีหวังหมู่กำลังคิดว่ากู้จื่อเฟิงคนนี้ก็ไม่ได้น่ารังเกียจเช่นนั้นแล้ว

ทว่าไท่เฮ่ากลับไม่ได้ตอบสนองใดๆ อีก เขา หนี่ว์วาและจักรพรรดิเปลวเพลิงล้วนกำลังมองจักรพรรดิเซวียนหยวนที่สลายจนแทบจะไม่เห็นใบหน้าแล้ว

“ทุกท่าน ลาก่อน” เสียงอำลาสุดท้ายของจักรพรรดิเซวียนหยวนดังสะท้อนในถ้ำมรณะ แทบจะถูกเสียงเคลื่อนไหวในถ้ำกลบไปแล้ว อย่างน้อยเอ้อร์เหมาและจักรพรรดิเปลวเพลิงก็ได้ยินไม่ชัด

เจ้าแม่หนี่ว์วาน้ำตาไหลทันที เสียงสะอึกสะอื้น “เจ้าวางใจเถอะ”

พวกเขาทั้งห้าอยู่ด้วยกันมาหลายสิบล้านปี บัดนี้การใหญ่ยังไม่สำเร็จ กลับต้องอำลาสหายทั้งสองไปทีละคน ความรู้สึกเช่นนี้…

แม้แต่จักรพรรดิเปลวเพลิงก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาลง

ไท่เฮ่ายังคงสงบนิ่งและพูดตามว่า “วางใจเถอะ” ไม่ว่าอย่างไร เราต้องทำให้ความปรารถนาของเราเป็นจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร

จักรพรรดิเซวียนหยวนได้ยินดังนั้น แม้ยังคงมิอาจวางใจได้ แต่สุดท้ายก็ต้องหลับตาที่สลายไปแล้วลง

จากนั้น…

“…”

จักรพรรดิเซวียนหยวนสูญสลายต่อหน้าต่อตาทุกคน

ส่วนเยี่ยนชิงที่ถูกเขาจับตัวมาก็ย้ายไปอยู่ในมือของไท่เฮ่า

เจ้าแม่หนี่ว์วาอดตะโกนขึ้นไม่ได้ “เซวียนหยวน!”

จักรพรรดิเปลวเพลิงน้ำตาไหล…

ซีหวังหมู่รู้สึกเสียใจแปลกๆ นางจับแขนเสื้อของอินหลิวเฟิงขึ้นมาเช็ดน้ำตา “ไม่รู้ว่าเหตุใดข้าต้องร้องไห้ พวกเขาทำตัวเองทั้งนั้น ทั้งๆ ที่สมควรตายอยู่แล้ว”

เทพอัสนีลูบศีรษะของซีหวังหมู่เบาๆ รู้สึกเสียใจมากเช่นกัน

พวกเขาล้วนเคยเป็นพี่น้องที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ กระทั่งปกป้องซึ่งกันและกันได้กลับต้องมาถึงจุดๆ นี้ รู้สึกเสียใจมากจริงๆ ทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นเลย มิหนำซ้ำยังเป็นการเสียสละที่ไร้ความหมาย ทั้งๆ ที่พวกเขาสามารถมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นจวนซวีหรือเซวียนหยวน

แต่ว่า… เทพบรรพกาลทั้งสองที่เคยสร้างคุณูปการต่อสวรรค์เก้าชั้นฟ้า การร่วงหล่นของพวกเขาต้องร่วงหล่นในที่ที่มืดมนไร้แสงตะวันแห่งนี้ และยังร่วงหล่นไปอย่างไร้ความหมาย

มันน่าเศร้าเพียงใด

มันน่าเสียดายเพียงใด

มันน่าปวดใจเพียงใด

อินหลิวเฟิงที่มีสติดี เขากลับสงบนิ่งมาก “ถือว่าเป็นค่าชดใช้ที่จับเจ้าสำนักเยี่ยน สมควรแล้วล่ะ”

“จริง” ซีหวังหมู่ไม่เสียใจแล้ว “ต่ำช้าเช่นนี้ ข้ายังร้องไห้เพราะเขา ข้าคงบ้าไปแล้ว”

เทพอัสนีพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “พอแล้ว ถึงอย่างไรอีกหนึ่งเค่อ นายท่านก็จะออกมาแล้ว ครานี้อย่าคิดจะหนีแม้แต่คนเดียวล่ะ”

คำพูดนี้… อินหลิวเฟิงไม่ได้พูดต่อ เขามองเยี่ยนชิงที่สลบไป รู้สึกว่าเกรงว่าเรื่องนี้จะซับซ้อน

ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เขาพบว่าทวยเทพบรรพกาลทั้งห้าคนนี้ตั้งใจจะฆ่ากูไหน่ไนและต้าซือมิ่งให้ได้ เพื่อสิ่งนี้แล้วพวกเขาสามารถสละทุกอย่างได้และสามารถทำทุกวิถีทาง

ในเมื่อพวกเขาจับบิดาของกูไหน่ไนมา ย่อมมีวิธีการที่เลวทรามและอำมหิตที่สุดเพื่อทำให้กูไหน่ไนลำบาก

เรื่องนี้… จางอวิ๋นเมิ่งก็รู้แล้ว ดังนั้นตั้งแต่ที่นางเห็นเยี่ยนชิง นางก็น้ำตาคลอ เงียบไม่พูดไม่จาจนถึงบัดนี้ เพราะรู้ว่าตนเองกำลังจะต้องเผชิญกับอะไร แต่นางยังคงพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหา

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ นางจะปล่อยให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ลำบากใจไม่ได้

พี่ชิง นางจะปล่อยให้สามีมีอันตรายไม่ได้

นี่คือความคิดทั้งหมดในใจของจางอวิ๋นในยามนี้ แต่นางรู้ดีว่า เกรงว่าเรื่องนี้จะยาก กระทั่ง…

เกรงว่าสามีนางจะเลือกฆ่าตัวตายเพื่อบุตรสาวอันเป็นที่รัก

“พี่ชิง”

จางอวิ๋นเมิ่งรู้สึกหมดแรง แต่นางไม่แสดงออกมา กลัวว่าบุตรชายคนโตจะเป็นห่วง ทว่าเยี่ยนจื่อเยี่ยที่เงียบเช่นกัน เขาย่อมคิดได้ว่าท่านพ่อและน้องสาวของเขาจะต้องเผชิญกับ ‘การเลือก’ อย่างไร

ให้ตายเถอะ

เยี่ยนจื่อเยี่ยพยายามทำลายค่ายกลสกัดกั้นที่กดตนเองไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็พบว่าพลังที่ตนเองแผ่ซ่านออกมาล้วนเหมือนกับหินที่จมสู่มหาสมุทร ไร้ประโยชน์

ดังนั้นแล้ว นี่เขาจะต้องนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นหรือ

ไม่ได้

เยี่ยนจื่อเยี่ยไม่ยอมปล่อยให้น้องสาวตกอยู่ในอันตราย และมีเพียงท่านพ่อที่สามารถ ‘ช่วย’ อีกครั้ง

สองแม่ลูกจึงกำลัง ‘พยายาม’ เพื่อสิ่งนี้

คนหนึ่งกำลังหาวิธี อีกคนหนึ่งกำลังทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ทั้งหมดนี้สำหรับไท่เฮ่าแล้ว ไม่ได้ก่อเกิดปัญหาใดๆ เขายังคงมองไปที่ส่วนลึกของแดนมืดนิรันดร์อย่างเงียบสงบ คอยสัมผัสแรงสั่นเทือนที่สั่นอย่างต่อเนื่อง

“หรือไม่ให้ข้าเข้าไปดู” จักรพรรดิเปลวเพลิงอดเสนอขึ้นไม่ได้

เจ้าแม่หนี่ว์วาคัดค้าน “เจ้าเข้าไปแล้ว แม้จะเกิดอะไรขึ้น เจ้าจะออกมาบอกพวกเราได้หรือ”

จักรพรรดิเปลวเพลิง “…”

เขาเองที่ร้อนรนเกินไป

แต่ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรแล้วนะ?

มิน่าแดนมรณะจึงขังปฐมราชิเนีเยี่ยนและเจ้าแซ่หรงคนนั้นไม่ได้ หากเป็นช่วงก่อนจะเกิดแรงสั่นสะเทือน จักรพรรดิเปลวเพลิงยังมั่นใจมาก เช่นนั้นตอนนี้… อย่าว่าแต่จักรพรรดิเปลวเพลิงจะไม่มั่นใจเลย เจ้าแม่หนี่ว์วาและไท่เฮ่าก็ไม่มั่นใจเช่นกัน

โดยเฉพาะเมื่อแรงสั่นไหวนี้นอกจากจะสั่นไหวไม่หยุดแล้ว เหมือนกับว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นด้วย

ถึงอย่างไร… ต้าซือมิ่งก็อุ้มเด็กน้อยที่กินอิ่มแล้วเดินเข้าไปสำรวจข้างหน้าอย่างระมัดระวังพร้อมภรรยา

เอิ๊กกก

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เรอเสร็จรู้สึกอิ่มเอม ครานี้เขาอยากนอนอีกแล้ว

เยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อยตัวนุ่มนิ่ม “ง่วงแล้วก็นอน”

“ไม่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เบิกตาโต “ก็ ยังมี ข้าวปลาอยู่”

เยี่ยนอวี๋ “…” เพื่อกินแล้ว เจ้าตัวน้อยคนนี้ยอมไม่นอนได้ ลูกของนางช่างเป็นคนที่ ‘ยอม’ ทิ้งทุกอย่างเพื่อของกินจริงๆ

ทว่า… ต้าซือมิ่งลูบศีรษะของเด็กน้อยเบาๆ พูดว่า “หากมีอีก พ่อจะจับให้เจ้า”

“จริง หรือ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ตาลุกวาว เขาดีใจมาก “จับ ได้หรือ”

“กระเป๋าของเจ้าเก็บได้ แต่ต้องเอาของข้างในออกมาให้หมด มิเช่นนั้นเจ้าปลาตัวใหญ่จะกินทุกอย่างในนั้นหมด”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าได้ยินดังนั้นก็หยิบจิ่วอิง แอนนาน้อย ขนมและของเล่นอื่นๆ ออกมาจนหมด “ไม่เอา”

หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนอวี๋มือไว จัดของของเด็กน้อยไว้อย่างเป็นระเบียบและรวดเร็ว ของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยของเขาคงกระจัดกระจายลอยท่ามกลางความมืด ไม่เหลือร่องรอยแล้ว

จิ่วอิงประท้วงทันที “เพื่อข้าวคำเดียว ข้าปู่จิ่วของเจ้า เจ้าก็ไม่เอาแล้วรึ”

เด็กน้อยที่ยื่นมืออวบอ้วนออกมาก็พูดว่า “อิงอิง ปีน”

“…” จิ่วอิงที่กลอกตาทั้งสิบแปดดวงได้แต่ปีนขึ้นไปที่แขนของเด็กน้อย เกาะบนร่างกายของเขา

แอนนาน้อยครุ่นคิดครู่หนึ่ง นางเองก็อยากจะเกาะไว้ที่ใดที่หนึ่งบนตัวเจ้าตัวน้อย

เยี่ยนอวี๋มองเด็กน้อย แขนซ้ายจิ่งอิง ขวาแอนนา จู่ๆ ก็ไม่รู้สึกกังวลแล้ว ยังถามว่า “แอนนา ที่แห่งนี้ เจ้าเคยมาหรือไม่”

“ไม่เคย สถานที่ผีบ้าแบบนี้ กดพลังของข้าไปหมด ข้ามาได้ก็แปลกแล้ว แต่จะว่าไปแล้ว ไท่เฮ่าพวกเขาพบสถานที่บ้าบอแบบนี้ได้อย่างไรกัน” แอนนาน้อยประหลาดใจ

เยี่ยนอวี๋ก็อยากรู้ “ตามหลักแล้วหลังจากพวกเขาเข้ามาก็คงไปได้ไม่ไกล ควรจะเจอกันแล้ว หรือว่าพวกเขาซ่อนตัวนะ”

“หรือบางทีอาจจะไม่ได้เข้ามาเลยก็ได้” แอนนาน้อยคิดว่า “พวกเขาคงจะหลอกพวกเจ้า ที่แบบนี้เหมาะสำหรับจับผู้แข็งแกร่งเช่นพวกเจ้า ข้าเดาว่าที่แห่งนี้เข้าได้ออกไม่ได้”

เยี่ยนอวี๋รู้ว่าการคาดเดาของแอนนามีความเป็นไปได้มาก ตอนที่นางเข้ามา นางก็คิดเช่นนี้ไว้แล้ว ทว่าสามีนางอยากจะเข้ามา นางไม่สามารถรอข้างนอกได้

มิหนำซ้ำ… เยี่ยนอวี๋มั่นใจมากว่า “พวกเราออกไปได้”

ซูด แอนนาน้อยไม่ได้พูดอะไร นางมองสำรวจไปรอบกายและดูดพลังความมืดเงียบๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง…

แอนนาน้อยพูดขึ้นว่า “พลังแห่งแดนมืดนิรันดร์แห่งนี้บริสุทธิ์มากจริงๆ ครานั้นหากข้ารู้ว่ามีสถานที่เช่นนี้ แม้จะรู้ว่าออกไปไม่ได้ ข้าก็จะเข้ามาบำเพ็ญตบะแน่นอน”

“หรือว่าหลังจากเราออกไปแล้ว ให้เจ้าอยู่ที่นี่” เยี่ยนอวี๋กล่าว

แอนนาน้อยอดพูดไม่ได้ว่า “ปฐมราชินี เจ้าเปลี่ยนไปแล้วนี่ แต่ก่อนเจ้าไม่พูดเล่น”

“ตอนนี้ข้าก็ไม่ได้พูดเล่น” เยี่ยนอวี๋กล่าว

แอนนาน้อย “…”

ก็ได้ ไม่ว่าปฐมราชินีเยี่ยนจะเป็นอย่างไร นางก็ไม่อาจยั่วยุได้

เมื่อคิดถึงเทวาอัสดงในครานั้น แอนนาน้อยยังรู้สึกกลัวในตอนนี้

“เอ๋?”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยังคงไม่นอน จู่ๆ ก็ยื่นมืออวบอ้วนชี้ไปข้างหน้าอีกครั้ง

ระหว่างคิ้วของต้าซือมิ่งแผ่แสงจางๆออกมาอย่างไม่น่าแปลกใจ

และในครานี้… เยี่ยนอวี๋เห็นว่า “ข้างหน้ามีแสง”

แม้จะจางมาก แต่ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนอวี๋หรือจิ่วอิงหรือแอนนาน้อย พวกเขาก็เห็นแล้ว

ส่วนเด็กน้อย เขาเห็นชัดกว่า เพราะว่าดวงตาของเขาปล่อยแสงหมอกสีม่วงออกมาเองแล้ว ทำให้เขาเห็นได้ไกลและชัดเจนกว่า

ดังนั้น… เด็กน้อยถามขึ้นว่า “ภูเขา หรือ”

“อืม”

ต้าซือมิ่งที่รวบพลังตาวิเศษ เขาก็เห็นเค้าโครงของภูเขาแล้ว มันคือเค้าโครงของเขาพระสุเมรุจริงๆ ด้วย

เพียงแต่ว่า… เขามั่นใจแล้วว่าจุดสิ้นสุดของแดนมืดนิรันดร์ไม่ใช่เขาพระสุเมรุ

อย่างน้อยแสงที่เห็นในตอนนี้ไม่ใช่เขาพระสุเมรุที่แท้จริง เหมือนจะเป็น…

ต้าซือมิ่งที่เพ่งสมาธิสัมผัสมากขึ้นกว่าเดิม เขาอยากรู้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้าคืออะไร

เด็กน้อยกอดท่านพ่อของเขาไว้แน่นด้วยสัญชาติญาณและยังหดตัวเข้าไปที่คอของท่านพ่อเขาอย่างหวาดกลัว

เยี่ยนอวี๋ที่สังเกตเห็นว่าเด็กน้อยผิดปกติไปถามทันทีว่า “เสี่ยวเป่า เป็นอะไรหรือ”

“กลัว” เด็กน้อยกอดท่านพ่อไว้แน่น และยังกอดท่านแม่เขาเข้ามาด้วย

เยี่ยนอวี๋ที่ไม่ทันตั้งตัวถูกกอดเข้าไปอยู่ในซอกคอของต้าซือมิ่งทันที ใบหน้าแนบกับเด็กน้อย เด็กน้อยยังไถไปมาในคอของท่านพ่อเขาด้วย

ความรู้สึกเช่นนี้… ทำให้เด็กน้อยที่รู้สึกสนุกหัวเราะ ฮ่า ออกมา

เยี่ยนอวี๋อดสงสัยไม่ได้ว่าลูกไม่ได้กลัวอะไรเลยนี่

ทว่าถ้ำมรณะแดนมืดนิรันดร์ในครานี้สัมผัส ‘ตัวเขาเอง’ อย่างใกล้ชิดอีกครั้งเพราะต้าซือมิ่ง และยังส่งเสียง ซู่ซ่า ออกมาด้วย

ไม่เพียงเท่านี้…

ซู่ ซู่…

สิ่งมีชีวิตกลุ่มใหญ่ทะลักออกมาจากส่วนลึกของแดนมืดนิรันดร์ในครานี้ มันก่อตัวเป็นพายุหมุน

ทำให้แม้เยี่ยนอวี๋พวกเขาจะถูกกดประสาทสัมผัสทั้งห้าไว้ยังสัมผัสถึงและรีบหลบไปด้านข้างทันที

ทว่า…

สิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญาที่บุกไปข้างหน้าพวกเขา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจเยี่ยนอวี๋พวกเขา แต่กำลังแย่งกันวิ่งไปข้างหน้า? ทำให้เยี่ยนอวี๋รู้สึกเหมือนกับว่าพวกมันกำลังถูกเด็กน้อยไล่กัดอย่างไรอย่างนั้น?

“พวกมันกำลังกลัว?” แอนนาน้อยรู้สึกประหลาดใจมาก “แม้สิ่งมีชีวิตประเภทนี้จะถูกนายน้อยกัดไปเมื่อครู่ แต่ก็ไม่ได้มีอาการหวาดกลัว แค่ต่อสู้ด้วยสัญชาติญาณ ตอนนี้กลับกำลังหวาดกลัวเช่นนั้นรึ”

“แสดงว่าข้างในมีสัตว์ประหลาด” จิ่วอิงกล่าวอย่างผู้มากประสบการณ์ “อาจจะมีราชาแห่งสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาก็ได้”

และความจริง… เกรงว่าจะตรงตามที่จิ่วอิงพูด

อีกทั้งราชาคนนั้นก็คือ ‘ต้าซือมิ่ง’ ตัวเขาเอง เพราะว่าต้าซือมิ่งที่ผสานเป็นหนึ่งกับแดนมืดนิรันดร์ เขาขยับตัวในครานี้แล้ว

วิ้ง

แสงที่อยู่เหนือศีรษะเขาสว่างกว่าเดิม และแสงวงนี้เห็นได้ชัดว่าคือแสงที่มีลักษณะเหมือนเขาพระสุเมรุที่ต้าซือมิ่งและลูกของเขาเห็น ทว่าเนื่องจากอยู่ไกลเกินไป หรงอี้ยังไม่เห็นว่าบน ‘เขาพระสุเมรุ’ ลูกนี้เต็มไปด้วยอักษรศักดิ์สิทธิ์มากมาย ล้วนเป็นอักษรศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังกดทับ

แต่ครานี้ขณะที่หรงอี้สัมผัส ‘ตัวเขาเอง’ รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่า ‘เขา’ จะตื่นแล้ว และยังยกมือขึ้นปัดเขาพระสุเมรุที่กดทับ ‘เขา’ ไว้

ซู่

เขาพระสุเมรุสว่างกว่าเดิม

อักษรศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนปลดปล่อยพลังกดทับอันทรงพลังออกมา ทำให้ต้าซือมิ่งที่สัมผัสบริเวณนี้ลืมตาขึ้นทันที “ถอย”

เมื่อเยี่ยนอวี๋ได้ยินคำนี้ นางก็กอดสามีและลูกวิ่งหนีไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

ทว่า…

แคร่ก

เสียงแตกร้าวดังออกมาจากส่วนลึกของแดนมืดนิรันดร์

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท